น้องเราเพิ่งเรียนจบวิศวะในเวลา 4ปีครึ่งเพราะเทอมสุดท้ายตกไปวิชานึง
น้องเราแอดมิทชั่นเข้าม.รัฐแห่งหนึ่ง
ตอนปี1 น้องติดเกมมากจนเกือบติดเอฟ เกรดเทอมแรกออกมาได้ต่ำ พอปี2 ได้รู้จักและเข้าชมรมพุทธ ทำกิจกรรมต่างๆตามที่ชมรมทำ ทั้งกิจกรรมภายในมหาลัยและกิจกรรมข้างนอก ออกค่ายอยู่บ่อยๆ และไปจัดกิจกรรมฝึกปฏิบัติที่สถานธรรมแห่งหนึ่งที่เข้ามาสนับสนุนชมรมพุทธในมหาวิทยาลัย เป็นประจำ แต่เราเองก็ไม่ได้รุ้ชีวิตน้องมากนัก เพราะเราก็ทำงาน ต่างคนต่างใช้ชีวิต ก็มีส่งเงินให้ใช้ เราบ้างพ่อแม่บ้าง จะมีติดต่อกันก็ทางโทรศัพท์ ไลน์
เรากับน้องไม่ได้สนิทกันถึงกับคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่ก็รักกันมาก เป็นห่วงกัน จนน้องขึ้นปี3 มันโทรมาบอกว่า จะขอบวช มันเป็นโครงการบวชพระ ที่เราเคยเห็นกันอยู่บ่อยๆ เราเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็บอกให้น้องบอกพ่อแม่กับอาที่บ้าน ตอนแรกทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วอาก็มารู้รายละเอียดอีกทีว่า เป็นการบวชในโครงการของสถานธรรมหรือวัดแห่งนี้ ทีนี้ที่บ้านก็เกิดความรู้สึกไม่อยากให้บวชและเป็นการบวชคร่อมพรรษา โบราณเค้าถือ แต่ก็กลับมาคุยกันใหม่ว่า ตอนนี้มันก็ดำเนินการมาจนน้องจะปลงผมอยุ่แล้ว แล้วก็ยังไม่อยากขัดอะไรมาก ก็ดูๆไป จนน้องบวชและเรื่องราวก็ผ่านไป น้องเคยพูดกับเราว่า แต่ก่อนติดเกมมาก ถ้าไม่มาเจอชมรมนี้ คงแย่หนักกว่าเดิม
น้องเราทำกิจกรรมกับชมรมนี้ตลอด พอปี4ก็ได้เป็นประธานชมรม 1ปีสุดท้ายในรั้วมหาลัยขอน้อง ทุกคนตั้งตารอ รอวันน้องเรียนจบ แล้วเราก็ได้รับโทรศัพท์
ของน้องชายในวันเกรดออกเทอมสุดท้ายว่า ติดวิชานึง ปีนี้ไม่จบ ต้องลงเรียนเทอมหน้าเลย 1 ตัว ทุกคนเฟลมากเราก็เฟลมากเช่นกัน มันเหมือนทุกอย่างกำลังสิ้นสุดแต่แล้วก็เหมือนถอยกลับไปที่เดิม
วันต่อมา น้องโทรมาบอกเราว่าขอไปเชียงใหม่ ไปออกค่อย เป็ยค่ายปฏิบัติธรรมกับชมรมพุทธ1เดือน
ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม เราไม่อยากซ้ำเติมอะไรก็บอกว่าก็แล้วแต่
หลังจากนั้นพออารุ้เรื่องที่น้องไม่จบ อาโกรธน้องมาก โทรไปต่อว่าอยู่หลายคำว่าทำไมไม่รับผิดชอบตัวเองให้ได้ เอาแต่ทำกิจกรรม เรื่องเรียนของตัวเองไม่รับผิดชอบ ด้วยความที่บ้านเราไม่ชอบชมรมนี้อยู่แล้ว เพราะคือเครือข่ายหนึ่งของวัดนี้(ไม่ขอเอ่ยชื่อ) ต้องบอกก่อนว่าเรากับน้องโตมาจากการเลี้ยงดูของอาที่กทม. ตั้งแต่เด็ก ส่วนพ่อแม่ทำงานอยู่ตจว.ก็จะส่งเงินมาให้ และอาก็ช่วยเรื่องเงินด้วยเช่นกัน
พออาโทรคุยกับน้องเสร็จก็โทรหาเรา เรากับอาก็คุยกัน วางสายจากอา เราก็โทรหาน้องต่อ บอกน้องว่า ที่จะไปค่ายอย่าเพิ่งไปเลย ตอนนี้ทุกคนกำลังโกรธ
น้อยืนยันจะไป และเถียงแทนชมรมว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะตัวเองแบ่งเวลาไม่เป็นเอง เริ่มเสียงแข่ง ตั้งแต่วินาทีนั้น เราเริ่มไม่มั่นใจในน้องชายเราอีกแล้ว และรู้ได้ทันทีว่า น้องมีความเชื่อและความคิดอีกแบบ แตาก่อนน้องเป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ และทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้ก่อน แต่ตอนนี้ เหมือนมันเชื่อและศรัทธาไปแล้ว สุดท้ายน้องก็ทำตามที่มันอยากทำ ก่อนหน้านี้ ย่าเคยเล่าว่า ย่าเตือนๆว่า อย่าไปขลุกอยุ่เยอะกับที่ชมรมนะ ก็ด้วยความที่พูดบ่อยเข้า น้องเถียงย่าขึ้นมาว่า จะทำไมนักหนา ผมไม่ได้ไปติดยาที่ไหน
จนตอนนี้น้องเรียนจบแล้ว เราก็ยังหวังแบบเดิม หวังให้น้องมีงานทำ และเช่นเคยทุกคนก็หวัง มีงานทำ มีเงินเดือนมาแบ่งเบาภาระที่บ้าน
น้องมาบอกว่าขอทำงานที่ศูนย์ปฎิบัติธรรมที่ภาคเหนือ เป็นเจ้าหน้าที่ หรือพวกพี่เลี้ยงคอยดูแลเวลามีเบาวชนหรือผู้สนใจมาอบรม เงินเดือน 10,000 แต่จริงๆมันคือเบี้ยเลี้ยงมากกว่าและต้องถือศีล8ด้วยน้องบอก ขอทำ1ปี แจ่ปีต่อไปก็ยังให้คำตอบเราไม่ได้ว่าจะเอาไงต่อ ซึ่งเรากลัวมากว่าปีต่อไปก็จะออกมาในรุปแบบเดิม
ที่บ้านเราไม่พอใจมาก หลักๆเลยคือ การที่น้องอยุ่แต่กับชมรมนี้ เราพยายามเกลี้ยกล่อมให้น้องหางาน ใช้ชีวิตในสังคมปกติ น้องเรายืนกรานจะไป ไม่ว่าเราจะพูดยังไง ขอให้ช่วยทำงานแบ่งเบาภาระเราบ้าง น้องเราบอกว่า นี่ก็ทำงาน กิน อยุ่ที่ศูนย์ก็มีให้ฟรี แต่ปนะเด็นคือ บ้านเราอยากให้น้องมาใช้ชีวิตในสังคม เหมือนตอนนี้จิตใจมันมุ่งไปทางนั้นแล้ว แต่ในขณะที่น้องชายเราก็ยังรับผิดชอบตัวเอง ยังจัดการเรื่องของตัวเองได้ไม่ดีเลย เรารู้ว่าทั้งชมรมและที่นั่น มันคงรุ้สึกสบายใจ เพราะที่นั่นทุกคนพูดดี มีแต่คำพูดสวยงาม มีแต่ความดีงาม ความสบายใจ ซึ่งต่างจากความเป็นจริง และต่างจากที่บ้านที่ พอกลับบ้าน จะได้ยินแต่ปัญหา ตอนนี้เราไม่แน่ใจแล้วว่าน้องชายเรายังเป็นคนเดิมหรือมีจิตใจที่ถลำไปถึงไหนแล้ว ตอนแรกเราพยายามซับพอร์ทน้องทุกอย่างเพราะเราเชื่อมั่นใจความคิดมัน แต่ตอนนี้เราไม่รุ้แล้วว่าต่อไปจะเป็นยังไงต่อ
ปล.เรากับน้องถูกเลี้ยงมาโดยอา ไม่ได้สนิทกับพ่อแม่มากนัก แต่ก็รักท่าน ครอบครัวเราเป็นครอบครัวนะ แต่เราไม่ได้รู้สึกว่ามันอบอุ่น ด้วยปัญหาหลายอย่าง ในความคิดเราคือนี่อาจเป็นปมเล็กๆสำหรับเรา ตอนแรกเราคิดว่านี่อาจเป็นปมให้น้องหันหน้าหาความสวยงานที่นั่นก็ได้ แต่อีกใจเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ใครเคยเจอประสบการณ์แบบนี้ แล้วผ่านไปด้วยดีได้ยังไงบ้างค่ะ
น้องเราเหมือนจะกู่ไม่กลับแล้ว
น้องเราแอดมิทชั่นเข้าม.รัฐแห่งหนึ่ง
ตอนปี1 น้องติดเกมมากจนเกือบติดเอฟ เกรดเทอมแรกออกมาได้ต่ำ พอปี2 ได้รู้จักและเข้าชมรมพุทธ ทำกิจกรรมต่างๆตามที่ชมรมทำ ทั้งกิจกรรมภายในมหาลัยและกิจกรรมข้างนอก ออกค่ายอยู่บ่อยๆ และไปจัดกิจกรรมฝึกปฏิบัติที่สถานธรรมแห่งหนึ่งที่เข้ามาสนับสนุนชมรมพุทธในมหาวิทยาลัย เป็นประจำ แต่เราเองก็ไม่ได้รุ้ชีวิตน้องมากนัก เพราะเราก็ทำงาน ต่างคนต่างใช้ชีวิต ก็มีส่งเงินให้ใช้ เราบ้างพ่อแม่บ้าง จะมีติดต่อกันก็ทางโทรศัพท์ ไลน์
เรากับน้องไม่ได้สนิทกันถึงกับคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่ก็รักกันมาก เป็นห่วงกัน จนน้องขึ้นปี3 มันโทรมาบอกว่า จะขอบวช มันเป็นโครงการบวชพระ ที่เราเคยเห็นกันอยู่บ่อยๆ เราเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็บอกให้น้องบอกพ่อแม่กับอาที่บ้าน ตอนแรกทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วอาก็มารู้รายละเอียดอีกทีว่า เป็นการบวชในโครงการของสถานธรรมหรือวัดแห่งนี้ ทีนี้ที่บ้านก็เกิดความรู้สึกไม่อยากให้บวชและเป็นการบวชคร่อมพรรษา โบราณเค้าถือ แต่ก็กลับมาคุยกันใหม่ว่า ตอนนี้มันก็ดำเนินการมาจนน้องจะปลงผมอยุ่แล้ว แล้วก็ยังไม่อยากขัดอะไรมาก ก็ดูๆไป จนน้องบวชและเรื่องราวก็ผ่านไป น้องเคยพูดกับเราว่า แต่ก่อนติดเกมมาก ถ้าไม่มาเจอชมรมนี้ คงแย่หนักกว่าเดิม
น้องเราทำกิจกรรมกับชมรมนี้ตลอด พอปี4ก็ได้เป็นประธานชมรม 1ปีสุดท้ายในรั้วมหาลัยขอน้อง ทุกคนตั้งตารอ รอวันน้องเรียนจบ แล้วเราก็ได้รับโทรศัพท์
ของน้องชายในวันเกรดออกเทอมสุดท้ายว่า ติดวิชานึง ปีนี้ไม่จบ ต้องลงเรียนเทอมหน้าเลย 1 ตัว ทุกคนเฟลมากเราก็เฟลมากเช่นกัน มันเหมือนทุกอย่างกำลังสิ้นสุดแต่แล้วก็เหมือนถอยกลับไปที่เดิม
วันต่อมา น้องโทรมาบอกเราว่าขอไปเชียงใหม่ ไปออกค่อย เป็ยค่ายปฏิบัติธรรมกับชมรมพุทธ1เดือน
ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม เราไม่อยากซ้ำเติมอะไรก็บอกว่าก็แล้วแต่
หลังจากนั้นพออารุ้เรื่องที่น้องไม่จบ อาโกรธน้องมาก โทรไปต่อว่าอยู่หลายคำว่าทำไมไม่รับผิดชอบตัวเองให้ได้ เอาแต่ทำกิจกรรม เรื่องเรียนของตัวเองไม่รับผิดชอบ ด้วยความที่บ้านเราไม่ชอบชมรมนี้อยู่แล้ว เพราะคือเครือข่ายหนึ่งของวัดนี้(ไม่ขอเอ่ยชื่อ) ต้องบอกก่อนว่าเรากับน้องโตมาจากการเลี้ยงดูของอาที่กทม. ตั้งแต่เด็ก ส่วนพ่อแม่ทำงานอยู่ตจว.ก็จะส่งเงินมาให้ และอาก็ช่วยเรื่องเงินด้วยเช่นกัน
พออาโทรคุยกับน้องเสร็จก็โทรหาเรา เรากับอาก็คุยกัน วางสายจากอา เราก็โทรหาน้องต่อ บอกน้องว่า ที่จะไปค่ายอย่าเพิ่งไปเลย ตอนนี้ทุกคนกำลังโกรธ
น้อยืนยันจะไป และเถียงแทนชมรมว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะตัวเองแบ่งเวลาไม่เป็นเอง เริ่มเสียงแข่ง ตั้งแต่วินาทีนั้น เราเริ่มไม่มั่นใจในน้องชายเราอีกแล้ว และรู้ได้ทันทีว่า น้องมีความเชื่อและความคิดอีกแบบ แตาก่อนน้องเป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ และทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้ก่อน แต่ตอนนี้ เหมือนมันเชื่อและศรัทธาไปแล้ว สุดท้ายน้องก็ทำตามที่มันอยากทำ ก่อนหน้านี้ ย่าเคยเล่าว่า ย่าเตือนๆว่า อย่าไปขลุกอยุ่เยอะกับที่ชมรมนะ ก็ด้วยความที่พูดบ่อยเข้า น้องเถียงย่าขึ้นมาว่า จะทำไมนักหนา ผมไม่ได้ไปติดยาที่ไหน
จนตอนนี้น้องเรียนจบแล้ว เราก็ยังหวังแบบเดิม หวังให้น้องมีงานทำ และเช่นเคยทุกคนก็หวัง มีงานทำ มีเงินเดือนมาแบ่งเบาภาระที่บ้าน
น้องมาบอกว่าขอทำงานที่ศูนย์ปฎิบัติธรรมที่ภาคเหนือ เป็นเจ้าหน้าที่ หรือพวกพี่เลี้ยงคอยดูแลเวลามีเบาวชนหรือผู้สนใจมาอบรม เงินเดือน 10,000 แต่จริงๆมันคือเบี้ยเลี้ยงมากกว่าและต้องถือศีล8ด้วยน้องบอก ขอทำ1ปี แจ่ปีต่อไปก็ยังให้คำตอบเราไม่ได้ว่าจะเอาไงต่อ ซึ่งเรากลัวมากว่าปีต่อไปก็จะออกมาในรุปแบบเดิม
ที่บ้านเราไม่พอใจมาก หลักๆเลยคือ การที่น้องอยุ่แต่กับชมรมนี้ เราพยายามเกลี้ยกล่อมให้น้องหางาน ใช้ชีวิตในสังคมปกติ น้องเรายืนกรานจะไป ไม่ว่าเราจะพูดยังไง ขอให้ช่วยทำงานแบ่งเบาภาระเราบ้าง น้องเราบอกว่า นี่ก็ทำงาน กิน อยุ่ที่ศูนย์ก็มีให้ฟรี แต่ปนะเด็นคือ บ้านเราอยากให้น้องมาใช้ชีวิตในสังคม เหมือนตอนนี้จิตใจมันมุ่งไปทางนั้นแล้ว แต่ในขณะที่น้องชายเราก็ยังรับผิดชอบตัวเอง ยังจัดการเรื่องของตัวเองได้ไม่ดีเลย เรารู้ว่าทั้งชมรมและที่นั่น มันคงรุ้สึกสบายใจ เพราะที่นั่นทุกคนพูดดี มีแต่คำพูดสวยงาม มีแต่ความดีงาม ความสบายใจ ซึ่งต่างจากความเป็นจริง และต่างจากที่บ้านที่ พอกลับบ้าน จะได้ยินแต่ปัญหา ตอนนี้เราไม่แน่ใจแล้วว่าน้องชายเรายังเป็นคนเดิมหรือมีจิตใจที่ถลำไปถึงไหนแล้ว ตอนแรกเราพยายามซับพอร์ทน้องทุกอย่างเพราะเราเชื่อมั่นใจความคิดมัน แต่ตอนนี้เราไม่รุ้แล้วว่าต่อไปจะเป็นยังไงต่อ
ปล.เรากับน้องถูกเลี้ยงมาโดยอา ไม่ได้สนิทกับพ่อแม่มากนัก แต่ก็รักท่าน ครอบครัวเราเป็นครอบครัวนะ แต่เราไม่ได้รู้สึกว่ามันอบอุ่น ด้วยปัญหาหลายอย่าง ในความคิดเราคือนี่อาจเป็นปมเล็กๆสำหรับเรา ตอนแรกเราคิดว่านี่อาจเป็นปมให้น้องหันหน้าหาความสวยงานที่นั่นก็ได้ แต่อีกใจเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ใครเคยเจอประสบการณ์แบบนี้ แล้วผ่านไปด้วยดีได้ยังไงบ้างค่ะ