จากกรณีข่าว
"หญิงชาวซาอุดีอาระเบีย อายุ 18 ปี กำลังเผชิญหน้ากับการถูกส่งตัวกลับประเทศ
หลังหลบหนีจากครอบครัวซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปประเทศคูเวต
และพยายามต่อเครื่องบินจากสนามบินแห่งชาติสุวรรณภูมิของไทยเพื่อลี้ภัยไปออสเตรเลียเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
เพราะถูกครอบครัวทำร้ายอย่างหนักทั้งทางร่างกายและจิตใจ"
อ่านรายเอียดข่าวเต็มได้ที่
[url]https://www.thairath.co.th/content/1463584#cxrecs_s [\url]
เกี่ยวกับเรื่องนี้
ผมไม่ได้รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งหมดนะ แต่พยายามหาความจริงด้วยตัวเอง เพราะอ่านหนังสือพิมพ์แล้วยังงง ๆ
....
1.เธอเป็นคนซาอุฯ แต่บินมาจากคูเวต โดยหนีจากครอบครัวตอนเที่ยวคูเวต ขึ้นเครื่องจากคูเวตมา Transit ที่สุวรรณภูมิเพื่อเดินทางต่อไปออสเตรเลีย
2. เธอคงวางแผนมานานแล้ว เพราะแอบขอวีซ่าเข้าออสเตรเลียได้แล้ว และมีตั๋วเครื่องบินไปออสเตรเลียเรียบร้อย อันนี้ก็ยังเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ เพราะอายุแค่ 18 ปี เดินทางคนเดียว วีซ่าเข้าออสเตรเลียไม่ได้ขอกันง่าย ๆ ขนาดนั้น แต่เอาเป็นว่าเชื่อไว้ก่อนว่าเธอมีวีซ่าแล้ว
3.พ่อ-แม่ (คง) แจ้งมาที่สถานทูตซาอุฯประจำประเทศไทยให้ช่วยสะกัด ตามข่าวบอกว่าพ่อแม่แจ้งว่าเธอจิตไม่ปกติ จนท.สถานทูตจึงประสานงานไปยัง ต.ม.ไทยให้ล็อคตัวทันทีเมื่อลงเครื่อง และตอนนี้พาสปอร์ตถูก จนท.สถานทูตซาอุ ยึดไปแล้ว
4. ต.ม.ไทยให้ข่าวว่าเธอไม่มีวีซ่าเข้าประเทศไทยตามกฏหมายต้องผลักดันกลับ รวมทั้งทาง จนท.สถานทูตซาอุก็ได้ประสานงานมาตามช่องทางแล้วว่าให้ส่งกลับ
5.แต่เธอไม่อยากกลับ โดยอ้างว่าถ้ากลับไปเธอจะ ถูกประหารโดยครอบครัว ตามกฏหมายชารีอะฮ์ กฏหมายศาสนาที่ซาอุฯใช้อยู่ โทษรุนแรงเพราะเธอละทิ้งอิสลามและทำให้ครอบครัวอับอาย
6.ข้อเท็จจริงที่นักข่าวไปขุดคือ การ Transit ที่สุวรรณภูมิไม่ต้องใช้วีซ่า แต่ต้องอยู่ในสนามบินเท่านั้น และถึงแม้จะต้องใช้วีซ่าจริง ๆ ก็สามารถขอได้แบบ on arrival คือ ลงเครื่องมาค่อยขอที่เคาน์เตอร์ที่ทางการไทยจัดไว้ให้อย่างถูกต้อง
7. อำนาจการอนุญาตให้เข้าเมือง อยู่ที่ ต.ม.จะมีวีซ่าหรือไม่มี ต.ม.ก็มีสิทธิ์ปฏิเสธ หากมีเหตุอันสมควร ซึ่งกรณีนี้ก็คงจะเป็นเพราะสถานทูตซาอุฯ ประสานงานขอให้ส่งกลับ
8.ตอนนี้ข่าวดังไปทั่วโลกแล้ว องค์กรมนุษยชนทั่วโลก กดดันให้ปล่อยเธอไปออสเตรเลีย ส่วนทางการซาอุฯ ก็กดดันให้ส่งตัวเธอกลับซาอุ (ไปรับโทษ ?)
.....
จึงได้ข้อสอบอีกข้อสำหรับ นักศึกษากฏหมายและการเมืองระหว่างประเทศ "ถ้าท่านเป็นรัฐบาลไทย ท่านจะตัดสินใจอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ โดยมีเงื่อนไขเรื่อง ผลประโยชน์ของไทยในซาอุฯ ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุ ที่กำลังดีขึ้นหลังจากเลวร้ายมานานจากรณีเพชรซาอุ ภาพลักษณ์ของไทยในสายตาขององค์กรมนุษยชนทั่วโลก ฯลฯ
Cr.Ekkawit Sudanich
ถ้าท่านเป็นรัฐบาลไทย ท่านจะตัดสินใจอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้?
"หญิงชาวซาอุดีอาระเบีย อายุ 18 ปี กำลังเผชิญหน้ากับการถูกส่งตัวกลับประเทศ
หลังหลบหนีจากครอบครัวซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปประเทศคูเวต
และพยายามต่อเครื่องบินจากสนามบินแห่งชาติสุวรรณภูมิของไทยเพื่อลี้ภัยไปออสเตรเลียเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
เพราะถูกครอบครัวทำร้ายอย่างหนักทั้งทางร่างกายและจิตใจ"
อ่านรายเอียดข่าวเต็มได้ที่
[url]https://www.thairath.co.th/content/1463584#cxrecs_s [\url]
เกี่ยวกับเรื่องนี้
ผมไม่ได้รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งหมดนะ แต่พยายามหาความจริงด้วยตัวเอง เพราะอ่านหนังสือพิมพ์แล้วยังงง ๆ
....
1.เธอเป็นคนซาอุฯ แต่บินมาจากคูเวต โดยหนีจากครอบครัวตอนเที่ยวคูเวต ขึ้นเครื่องจากคูเวตมา Transit ที่สุวรรณภูมิเพื่อเดินทางต่อไปออสเตรเลีย
2. เธอคงวางแผนมานานแล้ว เพราะแอบขอวีซ่าเข้าออสเตรเลียได้แล้ว และมีตั๋วเครื่องบินไปออสเตรเลียเรียบร้อย อันนี้ก็ยังเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ เพราะอายุแค่ 18 ปี เดินทางคนเดียว วีซ่าเข้าออสเตรเลียไม่ได้ขอกันง่าย ๆ ขนาดนั้น แต่เอาเป็นว่าเชื่อไว้ก่อนว่าเธอมีวีซ่าแล้ว
3.พ่อ-แม่ (คง) แจ้งมาที่สถานทูตซาอุฯประจำประเทศไทยให้ช่วยสะกัด ตามข่าวบอกว่าพ่อแม่แจ้งว่าเธอจิตไม่ปกติ จนท.สถานทูตจึงประสานงานไปยัง ต.ม.ไทยให้ล็อคตัวทันทีเมื่อลงเครื่อง และตอนนี้พาสปอร์ตถูก จนท.สถานทูตซาอุ ยึดไปแล้ว
4. ต.ม.ไทยให้ข่าวว่าเธอไม่มีวีซ่าเข้าประเทศไทยตามกฏหมายต้องผลักดันกลับ รวมทั้งทาง จนท.สถานทูตซาอุก็ได้ประสานงานมาตามช่องทางแล้วว่าให้ส่งกลับ
5.แต่เธอไม่อยากกลับ โดยอ้างว่าถ้ากลับไปเธอจะ ถูกประหารโดยครอบครัว ตามกฏหมายชารีอะฮ์ กฏหมายศาสนาที่ซาอุฯใช้อยู่ โทษรุนแรงเพราะเธอละทิ้งอิสลามและทำให้ครอบครัวอับอาย
6.ข้อเท็จจริงที่นักข่าวไปขุดคือ การ Transit ที่สุวรรณภูมิไม่ต้องใช้วีซ่า แต่ต้องอยู่ในสนามบินเท่านั้น และถึงแม้จะต้องใช้วีซ่าจริง ๆ ก็สามารถขอได้แบบ on arrival คือ ลงเครื่องมาค่อยขอที่เคาน์เตอร์ที่ทางการไทยจัดไว้ให้อย่างถูกต้อง
7. อำนาจการอนุญาตให้เข้าเมือง อยู่ที่ ต.ม.จะมีวีซ่าหรือไม่มี ต.ม.ก็มีสิทธิ์ปฏิเสธ หากมีเหตุอันสมควร ซึ่งกรณีนี้ก็คงจะเป็นเพราะสถานทูตซาอุฯ ประสานงานขอให้ส่งกลับ
8.ตอนนี้ข่าวดังไปทั่วโลกแล้ว องค์กรมนุษยชนทั่วโลก กดดันให้ปล่อยเธอไปออสเตรเลีย ส่วนทางการซาอุฯ ก็กดดันให้ส่งตัวเธอกลับซาอุ (ไปรับโทษ ?)
.....
จึงได้ข้อสอบอีกข้อสำหรับ นักศึกษากฏหมายและการเมืองระหว่างประเทศ "ถ้าท่านเป็นรัฐบาลไทย ท่านจะตัดสินใจอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ โดยมีเงื่อนไขเรื่อง ผลประโยชน์ของไทยในซาอุฯ ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุ ที่กำลังดีขึ้นหลังจากเลวร้ายมานานจากรณีเพชรซาอุ ภาพลักษณ์ของไทยในสายตาขององค์กรมนุษยชนทั่วโลก ฯลฯ
Cr.Ekkawit Sudanich