ถ้าพูดถึงเมืองเลย หลายๆคนจะนึกถึง เชียงคาน ภูกระดึง ภูเรือ
แต่ตอนนี้เมืองเลยมีที่เที่ยวแห่งใหม่ให้ไปเที่ยวกันคือ “วนอุทยานภูบ่อบิด”
อันที่จริงภูบ่อบิดมีมานานแล้ว เมื่อก่อนมีแต่ชาวบ้านแถวนั้นที่ขึ้น - ลงกัน เพราะเมื่อก่อนทางขึ้นลงยากลำบาก ทำให้คนยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่
แต่ในปัจจุบันส่วนราชการจังหวัดเลยได้ทำบันไดให้ได้ขึ้นไปชมวิวได้ง่ายขึ้นเมื่อ พ.ศ.2560 นี่เอง เป็นผลทำให้มีคนขึ้นไปเที่ยวกันมากขึ้น และเริ่มรู้จักภูบ่อบิดมากขึ้น
วนอุทยานภูบ่อบิด อยู่ในท้องที่ตำบลนาอาน ตำบลชัยพฤกษ์ ตำบลเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเลย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูห้วยหมาก ป่าภูทอก และป่าภูบ่อบิด ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 870 (พ.ศ.2522) มีเนื้อที่ประมาณ 4,375 ไร่ โดยกรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2539
ขับรถจากตัวเมืองประมาณ 3 กม. จะนั่งรถสามล้อสกายแลบหรือเช่ามอเตอร์ไซด์ หรือรถส่วนตัวตามสะดวก เมื่อมาถึงภูบ่อบิดจะมีที่จอดรถและห้องน้ำไว้บริการ
มองจากตีนเขาแล้วภูบ่อบิดเป็นภูเขาเล็กๆ ไม่สูงมาก ที่ประตูทางขึ้นจะมีฆ้องยักษ์อยู่ตีนบันไดทางขึ้น
เมื่อมองผ่านประตูทางขึ้นแล้วเห็นบันไดทางขึ้นที่ชันและสูงมาก ทำให้ผมต้องเดินกลับไปซื้อน้ำดื่มที่ลานจอดรถพกไว้ระหว่างทางดีกว่า
ระยะทางจากตีนเขาถึงยอด 640 เมตร
เดินขึ้นไปสัก 20 เมตร จะมีศาลเจ้าปู่ภูบ่อบิดอยู่ทางซ้ายมือ
และก็คิดไม่ผิดจริงๆ ถึงที่นี่เป็นเขาที่ไม่สูงมาก แต่ทางขึ้นนั้นสูงชันเหนื่อยพอสมควรเลย ถ้าไม่พกน้ำขึ้นมาด้วยต้องแย่แน่
ในกลุ่มของผมครั้งนี้มีลูกและหลานอายุ 5 ขวบ และ 9 ขวบ ขึ้นไปด้วย สำหรับเด็ก 5 ขวบจะลำบากซักหน่อยเพราะขายังสั้น บางช่วงจะต้องก้าวขึ้นที่สูงมาก ขาเขาจะก้าวไม่ถึงจะต้องช่วยอุ้มขึ้นบ้าง เพราะบางช่วงไม่มีบันได แต่จะเป็นทางเดินธรรมชาติ
ระหว่างทางจะมีป้ายบอกระยะทางที่เหลือเป็นระยะ เมื่อขึ้นมาก่อนถึงยอดเขาประมาณ 200 เมตร จะถึงถ้ำพระ ตรงนี้จะเป็นจุดแวะพักเหนื่อยและมีบริเวณชมวิวและมีพระพุทธรูปให้สักการะ ที่สำคัญจุดนี้มีน้ำให้ดื่มฟรีด้วย เป็นน้ำเปล่าใส่ขวดไว้บริการ หากใครคิดว่าสามารถทนหิวน้ำมาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ต้องพกน้ำขึ้นมาเอง
พักเหนื่อยเสร็จเดินขึ้นไปอีก 180 เมตรจะเจอถ้ำลอด ถ้ำลอดเป็นถ้ำที่ไม่ลึกมาก ลึกประมาณ 10 เมตร แต่ถึงตรงนี้ผมและคณะไม่ค่อยสนใจถ้ำแล้วเพราะจากจุดนี้มองเห็นยอดเขาแล้ว เดินเหนื่อยมาตั้งนานถึงยอดสูงสุดสักที
ยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 520 เมตร ถ้าเทียบกับภูกระดึง และภูเรือ ถือว่าภูบ่อบิดความสูงน้อยกว่ามาก แต่สามารถเดินขึ้น – ลงได้แบบใช้เวลาไม่มากนัก
บริเวณยอดเขาจะมีระเบียงให้ชมวิว จะมองเห็นตัวเมืองจังหวัดเลยได้ชัดเจน และถ้าเดินไปรอบยอดเขาจะสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา
สังเกตุดีๆจะเห็นสนามบินจากไกลๆ
เมื่อชมวิวและถ่ายภาพกันพอสมควรก็ถึงเวลาลงแล้ว แต่ก่อนจะลงมองจากบนยอดเขาเห็นมีบันไดปีนลงไปอีกทาง
ไม่แน่ในว่าถ้าลงทางนี้จะสามารถทะลุไปถึงถ้ำลอดได้หรือเปล่า แต่มองจากด้านบนแล้วเห็นว่าเป็นทางตัน เลยเดินกลับลงทางเดิมที่ขึ้นมา
ด้วยความสงสัยเมื่อมาถึงหน้าถ้ำลอดจึงเดินไปดูในถ้ำใกล้ๆ เห็นเหมือนมีแสงลงมาจากด้านบน แต่ช่องนั้นแคบมากๆ
ไม่แน่ในว่าคนจะลอดไปได้หรือเปล่า เลยให้เด็กสองคนลองเข้าไปดูใกล้ๆ
พอลูกเข้าไปดูลูกบอกว่า “ทะลุได้พ่อ” แล้วเขารีบมุดขึ้นไปอย่างรวดเร็วเลย ผมตะโกนบอกลูกว่า “อย่าขึ้นไปให้กลับลงมา” แต่เหมือนจะไม่ได้ผล
เขาปีนขึ้นไปบนยอดเขาอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นบนยอดเขาไม่มีนักท่องเที่ยวอยู่เลยสักคน
สักพักได้ยินเสียงลูกร้องไห้ดังมาจากบนยอดเขาด้วยความตกใจ คงเป็นเพราะเวลานั้นบนยอดเขาไม่มีคนอยู่
ผมต้องรีบวิ่งอ้อมขึ้นบันไดทางปกติเพื่อไปรับที่ยอดเขา แต่พอผมใกล้ถึงยอดกลับได้ยินเสียงลูกร้องไห้กลับลงไปที่ถ้ำลอดด้านล่างอีก
ซึ่งตอนนั้นปากถ้ำไม่มีใครอยู่แล้ว เพราะผมวิ่งขึ้นไปข้างบน เมื่อลูกลงมาไม่เห็นใครยิ่งตกใจร้องไห้โวยวายใหญ่
จากนั้นผมจึงวิ่งจากบนยอดเขาลงไปที่ปากถ้ำด้านล่างอีกครั้ง แต่ก็ไม่เจอลูกเพราะเขาปีนกลับขึ้นไปยอดเขาอีกครั้ง เพราะลงมาแล้วไม่เจอใคร
ผมเลยตะโกนให้ลูกปีนไปที่ยอดเขาเพื่อไปเจอกันที่บนนั้น และผมต้องวิ่งขึ้นไปรับบนยอดเขาอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่า
กลัวว่าจะได้ยินแต่เสียงร้องไห้ของตัวเอง
สุดท้ายก็เจอกันจนได้บนยอดเขา เฮ้อ ! ใจหายหมดเลย เล่นวิ่งขึ้น – ลงเขา หอบแฮ่กเลยทีเดียว
ระยะทางจากถ้ำลอดถึงยอดเขาแค่ 20 เมตร พอจะตะโกนได้ยินเสียงกันอยู่
หลังจากนั้นก็พากันลงจากเขา ขาลงสำหรับเด็กเล็กจะลงยากสักหน่อยเพราะขายังสั้นก้าวลงไม่ค่อยสะดวกในทางที่ไม่มีบันได แต่ถ้าเป็นขาขึ้นเขาใช้วิธีปีนขึ้นจะง่ายกว่า ผมเลยต้องอุ้มลงเยอะหน่อยในขาลง โดยรวมถือทุกคนสนุกสนานและได้ประสบการณ์ที่ดีเลย
หากใครมีโอกาสได้ไปเมืองเลยขอแนะนำให้ลองไปเที่ยวภูบ่อบิด ไม่ไกลจากตัวเมือง และใช้เวลาขึ้นลงไม่นาน แต่ได้เหงื่อพอสมควร
ต้องขอภัยด้วยสำหรับภาพที่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ครับ
[CR] ภูบ่อบิด เมืองเลย
แต่ตอนนี้เมืองเลยมีที่เที่ยวแห่งใหม่ให้ไปเที่ยวกันคือ “วนอุทยานภูบ่อบิด”
อันที่จริงภูบ่อบิดมีมานานแล้ว เมื่อก่อนมีแต่ชาวบ้านแถวนั้นที่ขึ้น - ลงกัน เพราะเมื่อก่อนทางขึ้นลงยากลำบาก ทำให้คนยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่
แต่ในปัจจุบันส่วนราชการจังหวัดเลยได้ทำบันไดให้ได้ขึ้นไปชมวิวได้ง่ายขึ้นเมื่อ พ.ศ.2560 นี่เอง เป็นผลทำให้มีคนขึ้นไปเที่ยวกันมากขึ้น และเริ่มรู้จักภูบ่อบิดมากขึ้น
ขับรถจากตัวเมืองประมาณ 3 กม. จะนั่งรถสามล้อสกายแลบหรือเช่ามอเตอร์ไซด์ หรือรถส่วนตัวตามสะดวก เมื่อมาถึงภูบ่อบิดจะมีที่จอดรถและห้องน้ำไว้บริการ
มองจากตีนเขาแล้วภูบ่อบิดเป็นภูเขาเล็กๆ ไม่สูงมาก ที่ประตูทางขึ้นจะมีฆ้องยักษ์อยู่ตีนบันไดทางขึ้น
เมื่อมองผ่านประตูทางขึ้นแล้วเห็นบันไดทางขึ้นที่ชันและสูงมาก ทำให้ผมต้องเดินกลับไปซื้อน้ำดื่มที่ลานจอดรถพกไว้ระหว่างทางดีกว่า
ระยะทางจากตีนเขาถึงยอด 640 เมตร
เดินขึ้นไปสัก 20 เมตร จะมีศาลเจ้าปู่ภูบ่อบิดอยู่ทางซ้ายมือ
และก็คิดไม่ผิดจริงๆ ถึงที่นี่เป็นเขาที่ไม่สูงมาก แต่ทางขึ้นนั้นสูงชันเหนื่อยพอสมควรเลย ถ้าไม่พกน้ำขึ้นมาด้วยต้องแย่แน่
ในกลุ่มของผมครั้งนี้มีลูกและหลานอายุ 5 ขวบ และ 9 ขวบ ขึ้นไปด้วย สำหรับเด็ก 5 ขวบจะลำบากซักหน่อยเพราะขายังสั้น บางช่วงจะต้องก้าวขึ้นที่สูงมาก ขาเขาจะก้าวไม่ถึงจะต้องช่วยอุ้มขึ้นบ้าง เพราะบางช่วงไม่มีบันได แต่จะเป็นทางเดินธรรมชาติ
ระหว่างทางจะมีป้ายบอกระยะทางที่เหลือเป็นระยะ เมื่อขึ้นมาก่อนถึงยอดเขาประมาณ 200 เมตร จะถึงถ้ำพระ ตรงนี้จะเป็นจุดแวะพักเหนื่อยและมีบริเวณชมวิวและมีพระพุทธรูปให้สักการะ ที่สำคัญจุดนี้มีน้ำให้ดื่มฟรีด้วย เป็นน้ำเปล่าใส่ขวดไว้บริการ หากใครคิดว่าสามารถทนหิวน้ำมาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ต้องพกน้ำขึ้นมาเอง
พักเหนื่อยเสร็จเดินขึ้นไปอีก 180 เมตรจะเจอถ้ำลอด ถ้ำลอดเป็นถ้ำที่ไม่ลึกมาก ลึกประมาณ 10 เมตร แต่ถึงตรงนี้ผมและคณะไม่ค่อยสนใจถ้ำแล้วเพราะจากจุดนี้มองเห็นยอดเขาแล้ว เดินเหนื่อยมาตั้งนานถึงยอดสูงสุดสักที
ยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 520 เมตร ถ้าเทียบกับภูกระดึง และภูเรือ ถือว่าภูบ่อบิดความสูงน้อยกว่ามาก แต่สามารถเดินขึ้น – ลงได้แบบใช้เวลาไม่มากนัก
บริเวณยอดเขาจะมีระเบียงให้ชมวิว จะมองเห็นตัวเมืองจังหวัดเลยได้ชัดเจน และถ้าเดินไปรอบยอดเขาจะสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา
สังเกตุดีๆจะเห็นสนามบินจากไกลๆ
ไม่แน่ในว่าถ้าลงทางนี้จะสามารถทะลุไปถึงถ้ำลอดได้หรือเปล่า แต่มองจากด้านบนแล้วเห็นว่าเป็นทางตัน เลยเดินกลับลงทางเดิมที่ขึ้นมา
ด้วยความสงสัยเมื่อมาถึงหน้าถ้ำลอดจึงเดินไปดูในถ้ำใกล้ๆ เห็นเหมือนมีแสงลงมาจากด้านบน แต่ช่องนั้นแคบมากๆ
ไม่แน่ในว่าคนจะลอดไปได้หรือเปล่า เลยให้เด็กสองคนลองเข้าไปดูใกล้ๆ
เขาปีนขึ้นไปบนยอดเขาอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นบนยอดเขาไม่มีนักท่องเที่ยวอยู่เลยสักคน
สักพักได้ยินเสียงลูกร้องไห้ดังมาจากบนยอดเขาด้วยความตกใจ คงเป็นเพราะเวลานั้นบนยอดเขาไม่มีคนอยู่
ผมต้องรีบวิ่งอ้อมขึ้นบันไดทางปกติเพื่อไปรับที่ยอดเขา แต่พอผมใกล้ถึงยอดกลับได้ยินเสียงลูกร้องไห้กลับลงไปที่ถ้ำลอดด้านล่างอีก
ซึ่งตอนนั้นปากถ้ำไม่มีใครอยู่แล้ว เพราะผมวิ่งขึ้นไปข้างบน เมื่อลูกลงมาไม่เห็นใครยิ่งตกใจร้องไห้โวยวายใหญ่
จากนั้นผมจึงวิ่งจากบนยอดเขาลงไปที่ปากถ้ำด้านล่างอีกครั้ง แต่ก็ไม่เจอลูกเพราะเขาปีนกลับขึ้นไปยอดเขาอีกครั้ง เพราะลงมาแล้วไม่เจอใคร
ผมเลยตะโกนให้ลูกปีนไปที่ยอดเขาเพื่อไปเจอกันที่บนนั้น และผมต้องวิ่งขึ้นไปรับบนยอดเขาอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่า
กลัวว่าจะได้ยินแต่เสียงร้องไห้ของตัวเอง
สุดท้ายก็เจอกันจนได้บนยอดเขา เฮ้อ ! ใจหายหมดเลย เล่นวิ่งขึ้น – ลงเขา หอบแฮ่กเลยทีเดียว
ระยะทางจากถ้ำลอดถึงยอดเขาแค่ 20 เมตร พอจะตะโกนได้ยินเสียงกันอยู่
หลังจากนั้นก็พากันลงจากเขา ขาลงสำหรับเด็กเล็กจะลงยากสักหน่อยเพราะขายังสั้นก้าวลงไม่ค่อยสะดวกในทางที่ไม่มีบันได แต่ถ้าเป็นขาขึ้นเขาใช้วิธีปีนขึ้นจะง่ายกว่า ผมเลยต้องอุ้มลงเยอะหน่อยในขาลง โดยรวมถือทุกคนสนุกสนานและได้ประสบการณ์ที่ดีเลย
หากใครมีโอกาสได้ไปเมืองเลยขอแนะนำให้ลองไปเที่ยวภูบ่อบิด ไม่ไกลจากตัวเมือง และใช้เวลาขึ้นลงไม่นาน แต่ได้เหงื่อพอสมควร
ต้องขอภัยด้วยสำหรับภาพที่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้