จ่ายประกันสังคมเดือนล่ะ 750 บาท รักษากันแบบนี้ก็ได้เหรอ

สวัสดีครับ สมาชิก Pantip ทุกท่าน

             วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์การรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยจะเป็นประสบการณ์ เกี่ยวกับบริการของโรงพยาบาลที่เข้าร่วมประกันสังคม
ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนที่จ่ายเงินสมทบเข้าประกันสังคมเดือนล่ะ 750 บาท มา 10 ปี และเป็นคนส่วนใหญ่ที่มีทัศนคติไม่ดีต่อการรักษาในโรงพยาบาลประกันสังคม แล้วส่วนใหญ่ที่เรารับทราบคือ โรงพยาบาลประกันสังคม (จะใช้คำย่อว่า รพ. ปกส. น่ะครับ) โดนติมากกว่า โดนชม (เช่น จ่ายแต่พารา ,รอนานเป็นวัน,พยาบาลแรงส์, หมอมีแต่จบใหม่ ฯลฯ) ผมกลัวมากเวลาที่จะต้องเข้าไปใช้บริการ ซึ่ง 8 ปี ไม่เคยใช้บริการเลย (โชคดีมาก) เต็มที่ก็ใช้แค่เบิกค่าขูดหินปูน 600 บาท/ปี (เดี๋ยวนี้เบิกได้ 900 บาท/ปี) ซึ่งผมเสียดายเงินที่ส่งไปมาก ปีล่ะ 9,000 บาท 8 ปี = 72,000 บาท ใช้ 8 ปี ยังไม่ถึงหมื่นเลย ขาดทุนเห็น ๆ 6 หมื่นกว่าบาท พูดแล้วก็เซ็งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่แล้ววันหนึ่ง ก็ทำให้ความคิดผมเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง........

****** ก.ค. ปี 2560
            8 ปี ไม่เคยเจ็บป่วย แต่แล้ว ร่างกายต้านไข้หวัดใหญ่ไม่ได้ ต้องเข้ารักษา รพ. ปกส. (ไม่อยากไปเลย ประกันก็ไม่มี จะไปจ่ายเองที่ รพ. เอกชน ก็กลัว หมดตูด) ผมเข้าไปใช้ รพ. ปกส. ครั้งแรก ผมได้สิทธิการรักษา อยู่ที่ รพ. เอกชน ชื่อดัง แห่งหนึ่ง แถวจรัญฯ โรงพยาบาลดูดีมาก มีคนเข็นรถให้ ระบบบริหารจัดการดีมาก ไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็ได้รับการตรวจ และรับยา ก็ ไม่แย่เหมือนที่ได้ยินมา
           แต่สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ระหว่างที่ผมจะรับยา เพื่อจะกลับบ้าน หัวใจผมมันเต้นตูมตามเหมือนจะหลุดออกมาจากอก ภรรยาเห็นท่าไม่ดี จึงเรียกพยาบาล "คุณพยาบาลค่ะ ทางนี้หน่อยค่ะ แฟนหนูเป็นอะไรไม่รู้ค่ะ" พยาบาลรีบเข้ามาดู และสั่งให้เจ้าหน้าที่ พาเข้าห้องเพื่อตรวจเช็คโดยด่วน ปรากฎว่า หัวใจผมเต้นไปเกือบ 220 (คนปกติอยู่เฉย ๆ หัวจะเต้นไม่เกิน 100) และต้องกระตุ้นด้วยเครื่องกระตุ้นหัวใจ และนอนพักรักษาตัวในห้องผู้ป่วยวิกฤตหัวใจ CCU (ไม่ใช่ ไอซียู น่ะครับ) นอนอยู่ 3 วัน 4 คืน (ทีแรกคิดว่า คืนเดียวคงได้กลับบ้าน เพราะดูท่าทางจะค่าใช้จ่ายเยอะ) เพื่อดูอาการ ห้องนี้จะพิเศษมีไม่เกิน 8 เตียง ทุกเตียงโรคหัวใจล้วน ๆ ความประทับใจ ในการนอน 3 วัน 4 คืน คือ
1. มีอาหารสุขภาพครบ 5 หมู่ ทาน 3 มื้อ ทุกมื้อต้องมีผลไม้ ไม่ก็ของหวาน ทุกจัดไว้ในภาชนะที่สะอาด ช้อน ส้อม ถูกใส่ไว้ในซองพลาสติกอย่างดี
2. มีนางพยาบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และมีการบันทึกผลทุกช่วงเวลา เมื่อมีนางพยาบาลกลุ่มใหม่มา เค้าก็จะอ่านอธิบายให้กันฟังอย่างละเอียด ทำอย่างนี้ทุกรอบ (ผมฟังเค้าอ่านให้กันฟัง จนจะจำได้อยู่แล้ว) ถ้าหัวใจหยุดเต้น จะมีคนมารุมปลุกให้เราตื่น
3. เครื่องไม้เครื่องมือจัดเต็ม ทั้งเครื่องวัดหัวใจ น้ำเกลือ อ๊อกซิเจน เตียงปรับระดับด้วยรีโมท ต้องจดแม้กระทั่งน้ำที่เราดื่ม ปริมาณปัสสาวะของ (ฉี่บนเตียงมีกระบอก ฉี่เสร็จก็เรียกนางพยาบาล นำไปจดบันทึก)
4. มีนางพยาบาล 2 คน ทุกเช้า ที่มาอาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรา (อันนี้ผมขอเจ้าหน้าที่ทำเอง อายเค้า)
5. มีหมอมาวิจนิจฉัยโรค และเอาผลมาให้เราดู อธิบายให้เราฟัง ทุกวัน วันล่ะ 2 ครั้ง
6. ตอนออกโรงพยาบาลมีคนจัดการเรื่องเอกสาร ใบนัดหมอให้ มีบุรุษพยาบาล เข็นไปส่ง และเรียกรถแท็กซี่ให้
7. ทั้งหมดตั้งแต่ ข้อ 1-6 ฟรีหมด
       ผมถามทั้งหมดนี้ฟรี เหรอครับ "ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ" นั้นคือคำตอบที่ผมได้ ผมกลับมาถามภรรยาอีกว่า จ่ายไปเท่าไหร่ ภรรยาบอกว่า ไม่ได้จ่ายอะไรเลย จ่ายแค่ซื้อของใช้ส่วนตัวที่ทาง รพ. จัดไว้ให้อย่างดี 200 บาท เอาล่ะ เงินที่จ่ายไป 72,000 บาท เริ่มคืนบ้างล่ะ
       แต่แล้ว เหมือนใครได้ยินว่าผมอยากได้เงินที่จ่ายไปคืน เลยจัดให้ผมสมใจ

****** ส.ค. ปี 2560
            หัวใจผมเต้นตูมตามอีก เพียงแค่วิ่งตามรถเมล์ เพราะกลัวไม่ทัน แต่ยังพาสังขารตัวเองกลับไปที่คอนโดได้ ผมรู้ตัวแต่ขยับตัวไม่ได้ เกือบ 5 ชั่วโมง ในห้องน้ำ อุจจาระ+ปัสสาวะ มาเต็มไปหมด ภรรยามาโทรเรียกรถฉุกเฉินของ รพ. ปกส. เชื่อไหม ไม่เกิน 5 นาที รถมารับแล้ว (เว่อร์หรือเปล่า ผมพูดจริงคอนโดผมอยู่ตรงกันข้ามกับโรงพยาบาลนี้) ผมรักษาตัวดูอาการ อีก 3 วัน 4 คืน (เหมือน ก.ค. ปี 2560)
             แต่ครั้งนี้ หมอเอาประวัติผมมาวิเคราะห์ และตรวจอย่างละเอียด ปอด , เลือด ลองให้กินข้าวเหนียวเยอะ ๆ ตรวจดูว่า เป็นไหลตายไหม (นอนหลับแล้วหัวใจหยุดเต้น) จนท่านสรุปมาว่า ผมเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบเต้นเร็ว ซึ่งเกิดการเต้นผิดปกติ ของหัวใจด้านล่างขวา การรักษาต้องทำการจี้จุดกำเนิดไฟฟ้าในส่วนที่ผิดปกติ ค่าใช้จ่ายประมาณ 3 แสน แล้วต้องรอคิว และต้องทำเรื่องขออนุมัติจาก รพ. ด้วยว่าจะอนุมัติไหม
             เอาแล้วซิ 3 แสน ถ้า รพ. ไม่อนุมัติ ต้องจ่ายเองเหรอ? แล้วถ้าจ่ายเองเมื่อไหร่จะได้ทำ? คำถาม และความกังวลมาเพียบ แต่แล้วเหมือนสวรรค์มาโปรด หมอโทร.มาแจ้งว่า รพ. อนุมัติ และเดือน ตุลาคม ปี 2560 มาทำการจี้ได้ฟรี (โล่งเลย ไม่ตายแล้ว ไม่เสียตังค์ด้วย เร็วด้วย)

****** ต.ค. ปี 2560
            การจี้ดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็นผลสำเร็จกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่า โอกาสจะกลับมาเป็นซ้ำเพียง 1 ใน 10

****** ธ.ค. ปี 2560
           ส่งท้ายอาทิตย์สุดท้ายของปี ด้วยการเป็นไข้เลือดออก นอนโรงพยาบาล 3 วัน 4 คืน คุณหมอที่รักษาโรคหัวใจ ไม่รู้ รู้ได้ยังไงว่าผมเข้าโรงพยาบาล ท่านมาเยี่ยมและให้กำลังใจผม
           ในส่วนนี้เป็นห้องรวม มีคนไข้ประมาณ 20 เตียง ไม่มีสายระโยงระยางเหมือนก่อน ไว้รักษาโรคทั่วไปสำหรับคนไข้ที่ต้องคอยเฝ้าระวัง ผมโดนเจาะเลือดไปตรวจทุกวัน คุณหมอผู้หญิง ท่านก็มารายงานผลเลือดทุกวัน ปรับเปลี่ยนยา ตามอาการให้ตลอด จนผมออกโรคพยาบาล ก็มาตามนัดหมออีก 3-4 ครั้ง เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีอาการของไข้เลือดออกแล้ว ทุกครั้งที่ไปตามนัด ผมแค่ลางานครึ่งวัน ไม่ต้องลาทั้งวัน เพราะรู้ว่าโรงพยาลนี้ดำเนินการได้รวดเร็ว ลืมภาพในเฟซบุ๊คที่คนเอารองเท้าแตะไปต่อคิวได้เลย
            แต่น่าเสียดายครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้ใช้บริการ รพ. ปกส. นี้ เพราะจะออกจากประกันสังคมภายในสิ้นปีนี้ อ้าวต้องหาโรงพยาบาลใหม่สิครับรออะไร

****** ม.ค. ปี 2561 ผมได้เลือกใช้ รพ. เอกชนแห่งหนึ่ง แถวสะพานขาว (ติดใจโรงพยาบาลเอกชนล่ะ) แต่ขอล่ะ อย่าให้ได้ใช้เลย ผมคุ้มแล้วครับ คุ้มตั้งแต่จี้หัวใจ 3 แสนไม่เสียเงินสักบาท ผมยินดีจ่าย จะ 750 จะ 1,000 บาท ผมยินดี แต่ขออย่าให้ผมเข้าโรงพยาบาลอีกเลย ไม่เอาแล้ว

****** ก.ค. ปี 2561 แต่เหมือนคนคุมชะตาชีวิตผมคงไม่ได้ยินที่ผมขอร้อง ช่วงนี้เป็นช่วงบอลโลก ผมเชียร์ญี่ปุ่น ผมดีใจมากญี่ปุ่นผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
            ญี่ปุ่น แพ้ เบลเยี่ยม 2-3 แบบนำเค้าก่อน 2-0 โดนยิง 3 ประตูรวด ลูกที่สาม โดนยิ่งช่วงทดเจ็บด้วย หัวใจเต้นตูมตามซิครับ ผมค่อย ๆ พยายามลดความตื่นเต้นลง แต่ดูไม่เป็นผล ผมกลับไปนอนที่เตียงแต่ตัวผมเย็นราวกับน้ำแข็งที่จันเอาถูหลังคุณบุญเลื่อง ในจันดารา ร่างกายเริ่มขยับไม่ได้ แต่ยังรู้ตัว โชคยังเข้าข้างเมื่อภรรยา บังเอิญเอาแขนมาแตะที่แขนผม เธอตกใจสุดขีดเพราะเหมือนกับมาแตะกโดนน้ำแข็ง เธอรีบกด 1669 เพื่อเรียกรถฉุกเฉินมารับอีกครั้ง มีคำถามมากมายถามผม ผมจำไม่ได้ แต่ที่จำได้คือ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยถามผมว่า จะให้ไปโรงพยาบาลที่ไหน มีประกันสังคมอยู่ที่ไหน ผมรวบรวมพลังแล้วตอบว่า "มีครับ ที่......."ร้องไห้โรงพยาล แถวสะพานขาว) ที่จำได้เพราะผมกลัวไปที่อื่นแล้วจะเสียเงิน ผมเข้าห้องฉุกเฉินก่อน ทุกอย่างรวดเร็วไปหมด จนผมมาฟื้นที่ ห้องผู้ป่วยวิกฤตหัวใจ CCU ที่ ๆ คุ้นเคย การทำงานของทีมแพทย์และพยาบาล ทำให้นึกถึงวันเก่า ๆ ว่าเค้าเหล่านี้ เป็นหุ่นยนต์หรือเป็นคน ทำไมขั้นตอน การปฏิบัติ เหมือนถูกโปรแกรมไว้ ทุกอย่างเป๊ะไปหมด ผมนอนดูอาการอีก 3 วัน 4 คืน ครั้งนี้ผมรู้แล้วว่าฟรี

****** ส.ค. ปี 2561 ภาพเดือนที่แล้วยังไม่ทันหาย เอาอีกแล้ว หัวใจเต้นตูมตาม ครั้งนี้ไม่ทราบสาเหตุจริง ๆ แต่ครั้งนี้ผมมีประสบการณ์จากครั้งก่อน ๆ แล้ว และผมจะไม่ยอมให้ลูกน้องมาเห็นผมในสภาพแบบนี้เด็ดขาด ผมพยายามสุดชีวิต พาตัวเองไปขึ้นแท็กซี่ เพื่อไป โรงพยาล แถวสะพานขาว ซึ่งห่างจากที่ทำงานผมไม่เกิน 10 นาที (ที่เลือกโรงพยาบาลนี้เพราะเหตุผลนี้เลย ใกล้ที่ทำงาน) ผมเข้าไปที่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยตัวเอง ตอนนั้นยังรู้สึกตัวดีทุกอย่าง ผมยังอ่านป้าย ที่ติดหน้าห้องฉุกเฉินเกี่ยวกับเรื่องอาการที่เรียกว่าฉุกเฉิน วิกฤต ผมยังคิดอยู่ว่า เค้าจะประเมินยังไงน้อ ว่าเราวิกฤตหรือไม่วิกฤต หรือจะเป็นแบบในข่าว คนไข้บอกวิกฤต ทีมแพทย์พยาบาลบอกไม่วิกฤต เอาล่ะดิ มีเจ้าหน้าที่หน้าห้องฉุกเฉินเห็นผมหน้าซีด ๆ เค้าถามว่าเป็นอะไร ผมตอบไปว่าหัวใจมันเต้นเร็วยังไงไม่รู้ เค้ารีบเอาผมเค้าไปเช็ค ปรากฎว่า อาการของผมเป็นอาการวิกฤต ต้องรีบจัดการ (วิกฤตไม่วิกฤต เราไม่สามารถบอกเองได้ ใครก็อยากได้รับการรักษา เร็ว ๆ แต่คนที่จะเรียงลำดับว่าใครวิกฤตคือทีมแพทย์ เจ้าหน้าที่ พยาบาล ต่างหาก) ดูอาการ ห้องผู้ป่วยวิกฤตหัวใจ CCU ที่ ๆ คุ้นเคย 3 วัน 4 คืน จนหมอมาวินิจฉัยว่า ผมต้องจี้ซ้ำ คุณคือ 1 ใน 10 ที่ไม่หาย แต่ผมไม่สามารถจี้ได้ที่โรงพยาบาลนี้ ผมต้องไปจี้ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง แถวเทเวศน์ โดยทาง รพ. ปกส. ต้นสังกัด ทำเรื่องส่งตัวไป

****** ก.ย. ปี 2561 หลังจากทำเรื่องส่งตัวไป ทาง รพ.รัฐฯ แถวเทเวศน์ แจ้งนัดวันที่เข้าทำการจี้ เรื่องไปเร็วมาก ตอนนัดจี้ผมเข้าไปรายงานตัว เพื่อรับทราบและเซ็นยินยอมให้จี้ นายแพทย์ถามผมว่า "ค่าใช้จ่ายประมาณ 3 แสน ติดขัดอะไรไหม" ผมคิดในใจอ้าว ส่งตัวมาไม่ฟรีเหรอ คิดไปได้สักพักว่าจะถาม นายแพทย์ท่านนั้น เอ่ยขึ้นมาว่า "อ้อ ประกันสังคม ฟรี" ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
            ผมได้เข้าไปนอนในห้องรวม ซึ่งมีคนไข้ไม่ต่ำกว่า 50 เตียง ดีว่าเตียงผมทำเลดี อยู่ชั้น 17 มองเห็นวิวสะพานพระรามฯ 8 ชัดเจน จริง ๆ ห้องรวมไม่ได้แย่เหมือนที่เราเห็นในหนัง หรือในละคร ที่นี่สะอาดสะอ้าน ทุกอย่างถูกจัดเป็นระเบียบ แต่เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ค่อนข้างเก่า เครื่องมือพื้นฐานถือว่าโอเคมาก นางพยาบาลก็ไม่ได้ดุ ขนาดที่เห็นในเฟซ หรือเพราะผมโชคดี ถ้าเป็นโชคผมคงโชคดีถึง 3 โรงพยาบาล ขั้นตอนการจี้เป็นไปตามขั้นตอน
           แต่ผลออกมาคือ การจี้ไม่เป็นผลที่น่าพอใจ หากฝืนทำต่อไปอาจเสียชีวิตได้ แทบซ้ำร้าย หัวใจยังเต้นเร็ว จนต้องเข้า CCU ที่โรงพยาบาลแห่งนี้อีก จึงต้องเปลี่ยนมารักษาโดยการฟังเครื่องกระตุกหัวใจแทน

****** ต.ค. ปี 2561 ผมได้นัดติดเครื่องกระตุกหัวใจ ที่จะช่วยผมรอดชีวิตหากหัวใจเกิดเต้นเร็วเกินไป เพื่อความชัวร์ว่าวินิจฉัยถูกต้องผมต้องไปทำ MRI อย่างละเอียดที่โรงพยาบาลราชดำริ ค่าใช้จ่าย 30,000 บาท (ฟรี) เมื่อได้ผลแล้วก็ทำการติดเครื่องกระตุกหัวใจมูลค่า 300,000 บาท ที่หน้าอกด้านซ้าย กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของผมเพื่อต่อชีวิตผมให้ดำเนินต่อไป ผมต้องไปตรวจเครื่องนี้ ทุก ๆ 3 เดือน 6 เดือน ว่ายังใช้งานได้ดีอยู่ไหม และต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุก ๆ 5 ปี ไปตลอดชีวิต จนกว่าจะมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เหมือนในหนังวิทยาศาสาสตร์

ค่าใช้จ่ายตั้งแต่ ก.ค. 2560 - ต.ค. 2561
1. นอนห้อง CCU 3 วัน 4 คืน      ประมาณ 6,000 บาท ก.ค. 2560
2. นอนห้อง CCU 3 วัน 4 คืน      ประมาณ 6,000 บาท ส.ค. 2560
3. จี้ไฟฟ้าหัวใจ                        ประมาณ 3 แสน บาท ต.ค. 2560
4. ไข้เลือดออก นอน 3 วัน 4 คืน ประมาณ 4,000 บาท ธ.ค. 2560
5. นอนห้อง CCU 3 วัน 4 คืน      ประมาณ 6,000 บาท ก.ค. 2561
6. นอนห้อง CCU 3 วัน 4 คืน      ประมาณ 6,000 บาท ส.ค. 2561
7. จี้ไฟฟ้าหัวใจ                        ประมาณ 3 แสน บาท ก.ย. 2561
8. นอนห้อง CCU 3 วัน 4 คืน      ประมาณ 6,000 บาท ส.ค. 2561
9. ติดเครื่องกระตุกหัวใจ             ประมาณ 3 แสน บาท ต.ค. 2561
           รวมค่าใช้จ่ายประมาณ       934,000 บาท  (ประกันสังคมจ่าย)

ผมโชคดีหรือเปล่าไม่แน่ใจ ที่ได้รับการรักษาและบริการที่ดี ถึง 4 โรงพยาบาล โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย ทำให้ผมรู้ว่าจริง ๆ แล้ว การเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุขเป็นอย่างไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่