“ณพ” ฉีกแนวจาก WEH ตั้ง บ.ลูก “เคพีเอ็น เฮลท์แคร์” ผนึกสหยูเนี่ยน-สหพัฒนพิบูล ทุ่มงบฯ 4,000 ล้าน ผุดธุรกิจโรงพยาบาลหรู 350 เตียงรับลูกค้าย่านเกษตร-นวมินทร์ คาดเปิดปลายปี”62                                                                 
                                                                                                                                                                
                                                                                                                                                                                     
                                                                                                                                                                                     
   [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นายณพ ณรงค์เดช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้มีแผนจะลงทุนธุรกิจโรงพยาบาลและบริการสุขภาพสำหรับผู้สูงวัย (ซีเนียร์เฮลท์แคร์) โดยจัดตั้งบริษัทจอยต์เวนเจอร์ใหม่ชื่อ บริษัท เคพีเอ็น เฮลแคร์ จำกัด (มหาชน) ลงทุนพัฒนาโรงพยาบาลขนาด 350 เตียง บนพื้นที่ดินของบริษัท ที่ตั้งอยู่บนถนนเกษตร-นวมินทร์ และถนนนวลจันทร์ ด้วยวางงบประมาณการลงทุน 4,000-5,000 ล้านบาท

“บริษัท เคพีเอ็น เฮลท์แคร์ จำกัด (มหาชน) ไม่ได้เป็นบริษัทลูกของธุรกิจครอบครัว เคพีเอ็น หรือบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ แต่บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ตนตั้งขึ้นส่วนตัว โดยเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 60% ร่วมกับบริษัท สหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้นสัดส่วน 30% และกลุ่มสหพัฒนพิบูล ถือในสัดส่วน 10%”

ทั้งนี้ แผนการลงทุนแบ่งเป็น 2 เฟส โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ชั้น 2 ของเฟสแรก ซึ่งจะเป็นอาคารพักผู้ป่วย 150 เตียง และห้องรักษาพยาบาล อาคารจอดรถขนาด 600 คัน วางแผนจะใช้งบประมาณการลงทุนในเฟสแรก ประมาณ 4,000 ล้านบาท และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีหน้า หลังจากนั้นจะทยอยก่อสร้างเฟส 2 ซึ่งเป็นอาคารพักผู้ป่วยอีก 200 เตียงเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณเพิ่มเติมในส่วนนี้อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท


“มองว่าธุรกิจเฮลท์แคร์ยังมีโอกาสที่จะเติบโต เพราะในกรุงเทพฯมีพื้นที่ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาอยู่เรื่อย ๆ ในขณะที่ประชาชนในพื้นที่ยังมีความต้องการโรงพยาบาลอยู่ คิดว่าช่องว่างธุรกิจตรงจุดนี้มี จึงไปศึกษาตรงนี้”

ในด้านการบริหารจัดการนั้น ได้มีการเชิญคุณไกรวิน ศรีไกรวิน ซึ่งเคยอยู่โรงพยาบาลพญาไท มีประสบการณ์โรงพยาบาลมาเป็น 10 ปี มาช่วยศึกษาแล้ว ซึ่งพบว่าบริเวณถนนเกษตร-นวมินทร์และเลียบด่วนรามอินทรา มีอัตราการเติบโตสูงมากในกรุงเทพฯ และยังไม่ค่อยมีโรงพยาบาลใหม่ ๆ เกิดขึ้น มีเพียงโรงพยาบาลเก่า ๆ ไม่กี่แห่ง ทั้งที่พื้นที่ตรงนั้นดีมานด์สูงมาก แต่ซัพพลายน้อย เราจึงคิดว่าน่าจะขยาย โดยคอนเซ็ปต์โรงพยาบาลจะมีเทคโนโลยี อีควิปเมนต์ มีความคุ้มค่า ราคา และใช้เทคโนโลยีทันสมัยมาช่วย และวางอนาคตว่าจะเป็นซีเนียร์เฮลท์แคร์ เพราะสังคมเอเชียไม่สามารถจะไปปล่อยพ่อแม่ได้ เราคิดว่านี่จะตอบโจทย์สังคมไทยได้”

ส่วนโอกาสที่จะขยายการลงทุนธุรกิจนี้ในอนาคตตามแผน ซีเนียร์เฮลท์แคร์จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยต้องรอประเมินผลสำเร็จของเฟสแรกก่อน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการแข่งขันสูง แต่ก็มีโอกาสสูง และเป็นกลุ่มประชาชนในบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้พักอาศัยที่มีกำลังซื้อสูง

รายงานข่าวระบุว่า บริษัท เคพีเอ็น เฮลท์แคร์ จำกัด (มหาชน) แปรสภาพมาจากบริษัท เคพีเอ็น เฮลท์แคร์ จำกัด ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2558 บนอาคารเลขที่ 719 อาคารเคพีเอ็นทาวเวอร์ ถนนพระรามเก้า แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310 ด้วยทุนจดทะเบียน 550.6 ล้านบาท เพื่อประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชน สถานพยาบาล รับรักษาคนไข้และผู้ป่วยเจ็บ (ขนาดเล็ก) โดยมีนายณพ ณรงค์เดช ถือหุ้น 49.99% นายไกรวิน ศรีไกรวิน ถือ 25% และนายณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ ถือสัดส่วน 25% และนายสุรศักดิ์ เจียมสถิตย์ ถือสัดส่วน 0.01% ส่วนกรรมการผู้มีอำนาจเต็มประกอบด้วยนายณพ ณรงค์เดช และนายณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ได้แปรสภาพและเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นบริษัท เคพีเอ็น เฮลท์แคร์ จำกัด (มหาชน) ทุนจดทะเบียน 950 ล้านบาท เพื่อประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชน สถานพยาบาล รับรักษาคนไข้และผู้ป่วยเจ็บ (ขนาดใหญ่)

ทั้งนี้ บริษัท เคพีเอ็น เฮลท์แคร์ จำกัด (มหาชน) มีผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 17 ราย โดยมีบริษัท สหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นสัดส่วนสูงสุด 25% นายณพ ณรงค์เดช ถือหุ้นสัดส่วน 18.81% และนายณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ ถือสัดส่วน 14.49% และนายไกรวิน ศรีไกรวิน ถือหุ้น 12.63% และที่เหลือเป็นรายอื่น ๆ                                                                                                                      
                                                                                                                                  
                                                                                                                   
https://www.prachachat.net/economy/news-274033