ชาวยิวกับ อิสลามคือศัตรูกัน ใครที่เป็นคนยิวก็น่าจะทราบดีไม่มีวันที่ถังสองไม่เป็นศัตรู
เพราะ คนยิวก็ย่อมรู้ดีว่า อิสลามคือศัตรูที่ยิงใหญ่ที่สุด และต้องฆ่าเท่านั้น คนมุสลิม ก็เช่นกัน
เรียกได้ว่า ศัตรู กัน ตลอดกาล เพราะ จะมีศาสนาเดียวแม้แต่ไกลวันสิ้นโลกแล้วที่ยังสู้รบกับมุสลิม
“วันสิ้นโลกจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าชาวมุสลิมจะต่อสู้กับชาวยิวและชาวมุสลิมจะสังหารพวกเขา” (4)
ในซูเราะฮ ฟัตฮ โองการที่ 27 ความว่า “เพื่อพระองค์จทรงให้ศาสนา (ของพระองค์) มีชัยเหนือศาสนาทั้งมวล”
คัมภีร์อัลกุรอานได้กล่าวเกี่ยวกับภารกิจของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ไว้ในบทอัตเตาบะฮ์ว่า :
هُوَ الَّذِی أَرْسَلَ رَسُولَهُ بِالْهُدَى وَدِینِ الْحَقِّ لِیُظْهِرَهُ عَلَى الدِّینِ کُلِّهِ وَلَوْ کَرِهَ الْمُشْرِکُونَ
”พระองค์คือผู้ส่งศาสนทูตของพระองค์มาพร้อมด้วยทางนำ และศาสนาแห่งสัจธรรม
เพื่อที่จะทรงให้ศาสนาแห่งสัจจะนั้นพิชิตเหนือศาสนาทั้งมวล แม้ว่าบรรดาผู้ตั้งภาคีจะชิงชังก็ตาม” (14)
มุสลิมทุกคนต้องศรัทธามั่นว่า ท้ายสุดแล้วชัยชนะจะต้องตกอยู่ในกำมือของมุสลิม รุ่งอรุ่ณแห่งอิสลามจะปกคลุมทั่วปาเลสไตน์ และ
ทั่วโลกด้วยสันติจะเกิดขึ้นอีกครั้ง นบีมูฮัมมัด ได้กล่าวไว้ความว่า
จะไม่เกิดวันกิยามะฮฺ(วันสิ้นโลก) จนกว่าชาวมุสลิมจะทำสงครามกับชาวยิว ชาวมุสลิมจะไล่ฆ่าชาวยิวจนกระทั่งพวกเขาต้องหลบซ่อนกำบังตัวที่โขดหินและต้นไม้ จนกระทั่งโขดหินและต้นไม้บอกว่า โอ้มุสลิม โอ้บ่าวของอัลลอฮฺ ชาวยิวได้หลบซ่อนหลังฉัน จงรีบมาฆ่าเขาเถิด ยกเว้นต้นไม้ชื่อ Gharqad เพราะมันเป็นต้นไม้ยิว (รายงานโดยมุสลิม 4/2239)
หะดีษดังกล่าว ยืนยันว่าสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างชาวมุสลิมกับยิวจะต้องบังเกิดขึ้น ณ เวลาที่ อัลลอฮ์ กำหนดแล้ว ซึ่งชาวยิวเองก็เชื่อศรัทธาหะดีษดังกล่าว ชีคอับดุลลอฮฺนาศิหฺ อุลวาน และบรรดานักวิชาการมุสลิมอีกหลายท่านได้กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาลยิวกำลังเร่งรณรงค์ปลูกต้นไม้ Gharqad ในอิสราเอลเป็นการใหญ่แล้ว
http://www.islammore.com/view/412
วันสิ้นโลกและชาวยิว
เพราะ คนยิวก็ย่อมรู้ดีว่า อิสลามคือศัตรูที่ยิงใหญ่ที่สุด และต้องฆ่าเท่านั้น คนมุสลิม ก็เช่นกัน
เรียกได้ว่า ศัตรู กัน ตลอดกาล เพราะ จะมีศาสนาเดียวแม้แต่ไกลวันสิ้นโลกแล้วที่ยังสู้รบกับมุสลิม
“วันสิ้นโลกจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าชาวมุสลิมจะต่อสู้กับชาวยิวและชาวมุสลิมจะสังหารพวกเขา” (4)
ในซูเราะฮ ฟัตฮ โองการที่ 27 ความว่า “เพื่อพระองค์จทรงให้ศาสนา (ของพระองค์) มีชัยเหนือศาสนาทั้งมวล”
คัมภีร์อัลกุรอานได้กล่าวเกี่ยวกับภารกิจของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ไว้ในบทอัตเตาบะฮ์ว่า :
هُوَ الَّذِی أَرْسَلَ رَسُولَهُ بِالْهُدَى وَدِینِ الْحَقِّ لِیُظْهِرَهُ عَلَى الدِّینِ کُلِّهِ وَلَوْ کَرِهَ الْمُشْرِکُونَ
”พระองค์คือผู้ส่งศาสนทูตของพระองค์มาพร้อมด้วยทางนำ และศาสนาแห่งสัจธรรม
เพื่อที่จะทรงให้ศาสนาแห่งสัจจะนั้นพิชิตเหนือศาสนาทั้งมวล แม้ว่าบรรดาผู้ตั้งภาคีจะชิงชังก็ตาม” (14)
มุสลิมทุกคนต้องศรัทธามั่นว่า ท้ายสุดแล้วชัยชนะจะต้องตกอยู่ในกำมือของมุสลิม รุ่งอรุ่ณแห่งอิสลามจะปกคลุมทั่วปาเลสไตน์ และ
ทั่วโลกด้วยสันติจะเกิดขึ้นอีกครั้ง นบีมูฮัมมัด ได้กล่าวไว้ความว่า
จะไม่เกิดวันกิยามะฮฺ(วันสิ้นโลก) จนกว่าชาวมุสลิมจะทำสงครามกับชาวยิว ชาวมุสลิมจะไล่ฆ่าชาวยิวจนกระทั่งพวกเขาต้องหลบซ่อนกำบังตัวที่โขดหินและต้นไม้ จนกระทั่งโขดหินและต้นไม้บอกว่า โอ้มุสลิม โอ้บ่าวของอัลลอฮฺ ชาวยิวได้หลบซ่อนหลังฉัน จงรีบมาฆ่าเขาเถิด ยกเว้นต้นไม้ชื่อ Gharqad เพราะมันเป็นต้นไม้ยิว (รายงานโดยมุสลิม 4/2239)
หะดีษดังกล่าว ยืนยันว่าสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างชาวมุสลิมกับยิวจะต้องบังเกิดขึ้น ณ เวลาที่ อัลลอฮ์ กำหนดแล้ว ซึ่งชาวยิวเองก็เชื่อศรัทธาหะดีษดังกล่าว ชีคอับดุลลอฮฺนาศิหฺ อุลวาน และบรรดานักวิชาการมุสลิมอีกหลายท่านได้กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาลยิวกำลังเร่งรณรงค์ปลูกต้นไม้ Gharqad ในอิสราเอลเป็นการใหญ่แล้ว
http://www.islammore.com/view/412