วันที่ 14 November 2018

รีวิวนี้ต่อจาก Tateyama - Kurobe Alpine Route (November 2018)

เป็นภาคแถม Kyoto - Osaka - Rinku town ตอนขากลับ

จาก Kanazawa มาถึง Kyoto พักที่ Mosaic hostel ห้องพักก็โอเคอยู่ แต่ป้าไม่ชอบโซนห้องน้ำ มันอยู่ด้านหน้า แล้วเดินผ่านไปถึงจะเป็นห้องนอน ก็เช่นเคยเตียง 2 ชั้น ที่นี่ดูมั่นคงแข็งแรง

รุ่งเช้าตื่นสายนิดนึง แบบชิวๆ ออกไปเที่ยวตามวัดต่างๆ ด้านโตเกียวตะวันออก ฝากกระเป๋าไว้ที่สถานี

สถานีรถบัสก็อยู่ติดกันกับสถานีรถไฟ

แล้วขึ้นรถเมล์ สาย 100 ลงที่ป้าย Ginkakuji-mae แล้วเดินอีกหน่อย ก็ถึงวัดกินคะคุจิ Ginkakuji หรือวัดเงิน

เอ..เสียค่าเข้าวัดเท่าไหร่หว่า ป้าจำไม่ได้ซะแล้ว น่าจะ 500 เยน (รึป่าว) อันที่จริงเคยมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ป้าจำอะไรไม่ได้เลย ก็เดินชมความงดงามของวัดเหมือนยังไม่เคยมา 555

จากวัดเงิน แล้วเดินลงมาทาง Philosophers Path ซึ่งเป็นทางเดินเลียบคลองลงมาเรื่อยๆ แวะวัดนึง เป็นเหมือนวัดป่า ไม่หรูหรา แต่เงียบสงบดี ชื่อวัดโฮเนน Honen-in

เดินต่อมาเรื่อยๆ บางวัดก็ไม่ได้แวะ บางทีก็เป็นศาลเจ้าเล็กๆ ตามทางจะมีร้านขนมไปเรื่อย



จนมาถึงวัด ไอกันโด Eikando ที่นี่ต้นไม้สวยมากๆ คนเยอะมากๆวัดนี้

เริ่มเที่ยงแล้วก็เลยกลับ รอรถบัสสาย 5 กลับไปเกียวโตสเตชั่น ก็ยืนเข้าคิวยาวพอสมควร
พอไปถึงก็ไม่ได้ไปกินที่ร้านอาหาร พอดีมีของกินเหลือจากตอนเช้า พวกขนมจีบ ก็เลยออกมายืนกินแถวๆ locker ด้านนอกที่ฝากกระเป๋าไว้
ที่นี่มีlocker หลายที่ ต้องจดจำให้ดีว่าฝากไว้บริเวณไหน เดี๋ยวหาไม่เจอจะยุ่ง
จากนั้นก็ไปเดินซื้อขนมของฝาก ที่เป็นโมจิไส้ถั่วแดง มีหลายร้านมาก ก็เลือกชิมเอา เจอร้านนึงไม่ค่อยหวานก็เลยซื้อ

เมื่อได้เวลาเกรงว่าจะมืด ก็ไปจองตั๋วกลับโอซาก้า โดย Thunderbird เหมือนเดิม
ที่นี่ค่อนข้างงง ตอนแรกเค้าบอกชานชาลา 0 พอลงไป มันไม่ใช่ ก็ไปถามอีกคนบอกชานชาลา 7 สรุปว่าใช่ ก็รอรถไฟ ของเราได้ตู้ที่ 8 ตอนแรกดูตัวเลขที่พื้น มีหลายเลขเหลือเกิน ไม่รู้ว่าหัวหางนับจากทางไหน เลยตัดสินใจอยู่ตรงกลางๆ แล้วกัน กะว่าขึ้นไปแล้วค่อยเดินหาโบกี้เอา เมื่อถึงเวลารถไฟมา 17.09 ป้างงมากๆ นายท่ารถไฟเค้าก็เดินไปเดินมา เหมือนยังไม่ให้ขึ้น เราเห็นคนเข้าคิวกันยาวมาก ตรงขบวนหน้าๆ ก็คิดว่าเขายังไม่ให้ขึ้น ก็เลยเดินไปจะต่อคิว งงๆๆ อยู่ สักพักรถไฟออก ทีนี้ละสิอีป้าเซ่อเลย รีบก็รีบ ที่ไหนได้มันเป็นแถวของคนรอรถไฟขบวนถัดไปที่ไม่ใช่ Thunderbird ก็เลยต้องลากกระเป๋ากลับขึ้นไปกับคุณลูกเพื่อไปเปลี่ยนตั๋วใหม่อีก รอคิวยาวอีกกว่าจะได้ตั๋ว คราวนี้กลับลงมาใหม่ ไม่สนใจ คิวที่คนอื่นรอแล้ว ดูเวลารถมาถึงอย่างเดียว รีบขึ้นไปเดินหาตู้เอา เพราะรถเราคนไม่เยอะเป็นรถด่วน ถึงโอซาก้าซะที

เช่นเคยเดินหาที่พักที่จองไว้ GPS ก็ขาดหาย โทรศัพท์ไม่รู้เป็นรัย เดินไปมองบนตึกไปด้วย เจอพอดี คืนนี้พักที่ Business Inn Namba ขึ้นไปชั้น 2 เจอคุณป้า แกไม่น่ามาทำอาชีพนี้เลย การพูดจาของแกไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไหร่ เชคอินเสร็จก็ออกไปหารัยกิน ยังไม่ดึกก็เลยไปชอปปิ้งที่ Donquijote กลับมาที่พัก ป้าว่าไม่ค่อยโอเท่าไหร่ ที่นี่เป็นโรงแรมที่สูบบุหรี่ได้ ตอนนอนจะได้กลิ่นบุหรี่มาทางแอร์ เหม็นอยู่นานกว่าจะหลับ
ลืมถ่ายรูปมาให้ดู

วันที่ 14 November 2018
เช้านี้ เดินออกไปคนเดียวที่ Familymart ใกล้ๆ แถวนั้น ซื้อมากินที่ห้อง ส่วนคุณลูกก็นอนตื่นสายอีกตามเคย วันนี้แพลนคร่าวๆ ว่า เช้าจะไปวัดสักหนึ่งวัด แล้วมาเดินชอปที่ย่าน Dotongbori ตอนเย็นจะไปพักแถวใกล้ๆ สนามบินคันไซ อาจจะแวะแถวเมือง Sakai เที่ยวสักหน่อย ปรากฎว่ากว่าจะได้ออกไป ก็9โมงแล้ว ก็เลยเดินข้ามไปฝั่งโดทงโบริ ยังเช้าอยู่คนไม่มาก ก็ไปเซลฟี่กันแถวคลองกุลิโกะ
แล้วก็ไปนั่งดื่มกาแฟ Starbuck นั่งเคลียร์ค่าใช้จ่ายกันจนเพลินปาเข้าไป 11 โมง



เข้าร้าน Starbuck ขนมเค้าเยอะดี



ก็เลยต้องไปหาของกินก่อนจะแยกย้ายกันไปชอป คุณลูกอยากกินซูชิขึ้นมา ก็เลยไปกินซูชิสายพานแถวนั้น ก็รอคิวไม่นาน


เสร็จจากนั้น ต่างคนต่างเดินชอป แล้วนัดเจอกันที่โรงแรมบ่ายสอง เพื่อไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้
สรุปแล้วต้องออกเดินทางเลย ไม่ได้แวะเที่ยวที่ไหน เพราะเหนื่อย
ก็เลยนั่งรถไฟใต้ดินไปสถานี Tennoji เพื่อไปขึ้นรถไฟสาย Hanwa line ที่ไปสนามบินคันไซ
แต่ลงที่สถานี Rinku town เพื่อไปชอปปิ้งที่ outlet ก่อนถึงสถานี rinkutown จะเป็นสถานี Hineno จะจอดนานนิดนึง เพื่อตัดรถไฟออกเป็น 2 ส่วน คือ ที่นี่จะเป็นชุมทาง 2 สาย ที่จะแยกไปเมือง Wakayama ด้วย ซึ่งตู้ที่ 1-4 จะไป airport ส่วนตู้ที่ 5-8 จะไป wakayama ต้องนั่งให้ถูก หรือไม่งั้นถึงสถานีนี้ก็ต้องรีบย้ายมาข้างหน้าๆ ถ้าหากอยู่ตู้หลัง

เมื่อลงที่ rinku town ก็จะมีทางเดินเชื่อมไปจนถึง outlet ก่อนไปก็แวะกินมื้อเย็น มีร้านอาหารเยอะอยู่ เดินเมื่อยขาเลย ไม่อยากซื้อหรอกของมันแพง ที่นั่นอากาศเย็นลง หนาวมาก ไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวไป ตอนที่อยู่โอซาก้าไม่หนาวเท่าไหร่ ก็เดินจนมืด อยากกลับไปพักเต็มที

นั่งรถไฟสาย Nankai สถานีเดียวย้อนกลับมาก็ถึงสถานี Izumisano เดินไปที่พักไม่ไกล อยู่ติดกับสถานีเลย เป็นแบบ guesthouse แบบเรียวกัง ชื่อว่า Mimatsuso เจ้าของต้อนรับดีมาก


แต่คืนนั้นอากาศหนาวมาก ทั้งๆ ที่มี heater ต้องตื่นแต่ตีห้า เพราะต้องขึ้นรถเที่ยว 6 โมง ไฟลท์บินเรา 8 โมง แต่ห้องน้ำน้อยไปหน่อยรอคิวอาบน้ำก็เสียเวลาไปนิด

พอถึงสนามบินก็เชคอิน ไม่ต้องรอคิวยาว เพราะเรา Scootbiz เมื่อผ่าน ตม.แล้ว ก็รีบหาร้านซื้อชอคโกแลต และขนม บินกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ