เชื่อว่าสกินแคร์เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งสำหรับหลายๆคนเราเองก็เป็นหนึ่งคนในนั้นเพราะคิดว่าผิวหน้าคือสิ่งที่เราต้องบำรุงและใส่ใจเนื่องจากในทุกๆวันเราต้องเจอกิจกรรมมากมาย มีทั้งมลภาวะรวมถึงแสงแดดดังนั้นในตอนกลางคืนเราจึงอยากให้ผิวหน้าได้พักผ่อนไปพร้อมกับการบำรุง
ซี่งปกติแล้วหลักๆที่เราใช้จะเป็นว่านหางNature Republicหลายๆคนน่าจะรู้จักกับตัวนี้ในทุกๆคืนแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพี่สาวได้นำของฝากจากเกาหลีมาให้เป็นสกินแคร์มีชื่อว่าBiogelb ตัวนี้เป็นเจลแตงกวาพี่ก็บอกให้ลองใช้ดู ทางเราเองก็ไม่รู้จักเจลแตงกวามาก่อน เพราะส่วนใหญ่ก็ใช้แต่ว่านหางแต่เจลแตงกวาตัวใหม่นี้ก็มีความน่าสนใจนะเราเลยตัดสินใจลองใช้เลย55555
สำหรับตัวนี้เป็นเจลแตงกวา 99% เนื้อเจลจะคล้ายกับเจลว่านหางที่ใช้อยู่ เห็นว่าซูตติ้ง เจลนี่ฮิตมากที่เกาหลี คนเกาหลีใช้กันเป็นเรื่องปกติ ใช้ทาได้ทั้งตัวตลอดจนผมเลย ตอนนี้ทางเราลองใช้เจลแตงกวามาๆได้อาทิตย์กว่าๆแล้ว ร้สึกได้ว่า ใช้ดีจริงๆโอเคกับผิว เลยจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังว่าเจลแตงกวาจากเกาหลีที่เราได้มา แตกต่างจากเจลว่านหางจระเข้ที่เราใช้อยู่เป็นประจำยังไง
และนี่เป็นคุณสมบัติและความแตกต่างของทั้งสองอย่าง หลายคนอาจจะสงสัยเหมือนกับเราตอนแรกๆว่าเอ๊ะมันต่างกันยังไง เรารวบรวมข้อมูลจากการที่เราใช้มาฝากทุกคนกัน
1.ลักษณะเนื้อเจล สี และกลิ่น
เนื้อเจลเป็นเจลใสสีเขียวอ่อนเหมือนกัน เนื้อของเจลว่านหางจะเหลวกว่าเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับเรื่องความชุ่มชื้นมั้ย แต่เจลว่านหางของ Nature Republic มีกลิ่นแอลกอฮอล์ชัดเจน ในขณะที่เจลแตงกวามีแค่กลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งตัวสินค้านี้เค้าก็เคลมว่าไม่มีแอลกอฮอล์ เราว่าเค้าน่าจะผสมน้ำหอมนิดหน่อย อาจจะมีผลกับคนที่ผิวแพ้ง่าย แต่เราใช้ทาหน้าก็ไม่มีปัญหาทั้งเจลว่านหางและเจลแตงกวานะ
2.ผลลัพธ์หลังการใช้ทั้งสองอย่าง
สิ่งที่เหมือนกัน
ช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้นเหมือนกัน ทำให้รอยแดงๆจากสิวดูจางลง และใช้ทาตัวได้เหมือนกัน (เราใช้สลับกันทั้งสองอย่างช่วยลดความแห้งได้ดีเลยทีเดียว) รวมทั้งบำรุงผิวหลังจากที่เจอกับแสงแดดแรงๆช่วงนี้ใช้ทุกคืนเลยเพราะผิวแห้งมาก ย้ำว่ามากจริงบางวันถึงกับแห้งลอกเลยช่วงนี้แต่ก็ได้ทั้งสองเจลมาช่วยลดความแห้งของผิวไว้
ความแตกต่าง
เจลแตงกวาเนื้อแน่นกว่า แต่เนื้อค่อนข้างบางเบา ซึมเข้าผิวเร็วกว่าเจลว่านหางเล็กน้อย ช่วงที่ใช้เจลแตงกวารู้สึกว่าผิวจะขาวขึ้นด้วย(เคยอ่านเจอบทความเกี่ยวกับการบำรุงแตงกวานั้นมีส่วนช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสได้ด้วย)แต่ถ้าเป็นเจลว่านหางจะเน้นไปทางช่วยให้ผิวชุ่มชื้นมากกว่า
สรุปโดยรวมแล้วนะ เราว่า 2 ตัวนี้ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ให้ความชุ่มชื้น เติมน้ำให้กับผิวได้เหมือนกันน่าจะอยู่ที่ความชอบของแต่ละคนนะอย่างถ้าใครชอบแบบซึมเข้าผิวเร็วๆแล้วก็อยากให้ผิวขาวด้วย เราแนะนำเจลแตงกวา แต่ถ้าใครอยากบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นอย่างเดียวแล้วก็เน้นหาซื้อง่าย ก็ใช้เป็นเจลว่านหางจระเข้ก็ได้ ส่วนตัวเราเราชอบเจลแตงกวามากกว่า เพราะบางช่วงที่ต้องออกแดดผิวมันก็จะหมองๆหน่อย คิดว่าเจลแตงกวาน่าจะตอบโจทย์เรามากกว่า สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองเจลแตงกวา เราแนะนำให้ลองใช้กัน เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่น่าสนใจทีเดียว ยังไงถ้าเราใช้จนเกือบหมดแล้ว จะมารีวิวผลให้เพื่อนๆฟังอีกรอบนะว่าขาวขึ้นแค่ไหน
รูปผิวหน้าตอนที่ใช้
[CR] เคล็ดลับลดความแห้งให้กับผิวหน้า
ซี่งปกติแล้วหลักๆที่เราใช้จะเป็นว่านหางNature Republicหลายๆคนน่าจะรู้จักกับตัวนี้ในทุกๆคืนแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพี่สาวได้นำของฝากจากเกาหลีมาให้เป็นสกินแคร์มีชื่อว่าBiogelb ตัวนี้เป็นเจลแตงกวาพี่ก็บอกให้ลองใช้ดู ทางเราเองก็ไม่รู้จักเจลแตงกวามาก่อน เพราะส่วนใหญ่ก็ใช้แต่ว่านหางแต่เจลแตงกวาตัวใหม่นี้ก็มีความน่าสนใจนะเราเลยตัดสินใจลองใช้เลย55555
สำหรับตัวนี้เป็นเจลแตงกวา 99% เนื้อเจลจะคล้ายกับเจลว่านหางที่ใช้อยู่ เห็นว่าซูตติ้ง เจลนี่ฮิตมากที่เกาหลี คนเกาหลีใช้กันเป็นเรื่องปกติ ใช้ทาได้ทั้งตัวตลอดจนผมเลย ตอนนี้ทางเราลองใช้เจลแตงกวามาๆได้อาทิตย์กว่าๆแล้ว ร้สึกได้ว่า ใช้ดีจริงๆโอเคกับผิว เลยจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังว่าเจลแตงกวาจากเกาหลีที่เราได้มา แตกต่างจากเจลว่านหางจระเข้ที่เราใช้อยู่เป็นประจำยังไง
และนี่เป็นคุณสมบัติและความแตกต่างของทั้งสองอย่าง หลายคนอาจจะสงสัยเหมือนกับเราตอนแรกๆว่าเอ๊ะมันต่างกันยังไง เรารวบรวมข้อมูลจากการที่เราใช้มาฝากทุกคนกัน
1.ลักษณะเนื้อเจล สี และกลิ่น
เนื้อเจลเป็นเจลใสสีเขียวอ่อนเหมือนกัน เนื้อของเจลว่านหางจะเหลวกว่าเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับเรื่องความชุ่มชื้นมั้ย แต่เจลว่านหางของ Nature Republic มีกลิ่นแอลกอฮอล์ชัดเจน ในขณะที่เจลแตงกวามีแค่กลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งตัวสินค้านี้เค้าก็เคลมว่าไม่มีแอลกอฮอล์ เราว่าเค้าน่าจะผสมน้ำหอมนิดหน่อย อาจจะมีผลกับคนที่ผิวแพ้ง่าย แต่เราใช้ทาหน้าก็ไม่มีปัญหาทั้งเจลว่านหางและเจลแตงกวานะ
2.ผลลัพธ์หลังการใช้ทั้งสองอย่าง
สิ่งที่เหมือนกัน
ช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้นเหมือนกัน ทำให้รอยแดงๆจากสิวดูจางลง และใช้ทาตัวได้เหมือนกัน (เราใช้สลับกันทั้งสองอย่างช่วยลดความแห้งได้ดีเลยทีเดียว) รวมทั้งบำรุงผิวหลังจากที่เจอกับแสงแดดแรงๆช่วงนี้ใช้ทุกคืนเลยเพราะผิวแห้งมาก ย้ำว่ามากจริงบางวันถึงกับแห้งลอกเลยช่วงนี้แต่ก็ได้ทั้งสองเจลมาช่วยลดความแห้งของผิวไว้
ความแตกต่าง
เจลแตงกวาเนื้อแน่นกว่า แต่เนื้อค่อนข้างบางเบา ซึมเข้าผิวเร็วกว่าเจลว่านหางเล็กน้อย ช่วงที่ใช้เจลแตงกวารู้สึกว่าผิวจะขาวขึ้นด้วย(เคยอ่านเจอบทความเกี่ยวกับการบำรุงแตงกวานั้นมีส่วนช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสได้ด้วย)แต่ถ้าเป็นเจลว่านหางจะเน้นไปทางช่วยให้ผิวชุ่มชื้นมากกว่า
สรุปโดยรวมแล้วนะ เราว่า 2 ตัวนี้ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ให้ความชุ่มชื้น เติมน้ำให้กับผิวได้เหมือนกันน่าจะอยู่ที่ความชอบของแต่ละคนนะอย่างถ้าใครชอบแบบซึมเข้าผิวเร็วๆแล้วก็อยากให้ผิวขาวด้วย เราแนะนำเจลแตงกวา แต่ถ้าใครอยากบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นอย่างเดียวแล้วก็เน้นหาซื้อง่าย ก็ใช้เป็นเจลว่านหางจระเข้ก็ได้ ส่วนตัวเราเราชอบเจลแตงกวามากกว่า เพราะบางช่วงที่ต้องออกแดดผิวมันก็จะหมองๆหน่อย คิดว่าเจลแตงกวาน่าจะตอบโจทย์เรามากกว่า สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองเจลแตงกวา เราแนะนำให้ลองใช้กัน เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่น่าสนใจทีเดียว ยังไงถ้าเราใช้จนเกือบหมดแล้ว จะมารีวิวผลให้เพื่อนๆฟังอีกรอบนะว่าขาวขึ้นแค่ไหน
รูปผิวหน้าตอนที่ใช้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้