'ดีเอสไอ'ชงยุบ'มูลนิธิธรรมกาย'

ไทยโพสต์ * มีรายงานว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด เรื่องส่งข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณายื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งเลิกมูลนิธิธรรมกายและมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูงในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์

เนื้อหาตอนหนึ่งระบุ ว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนพบความเกี่ยวพันของมูลนิธิธรรมกายและมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง ตลอดจนกรรมการของมูลนิธิดังกล่าว ในการรับเงินที่เป็นของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และปรากฏพยานหลักฐานในคดีพิเศษที่ 27/2559 และที่ 24/2560 รับฟังได้ว่า มูลนิธิธรรมกายและมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูงโดยกรรมการมูลนิธิทั้งสอง กระทำการขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งเข้ากรณีที่พนักงานอัยการอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งเลิกมูลนิธิ และให้ทรัพย์สินของมูลนิธิตกเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 131 ประกอบมาตรา 134 วรรคท้ายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

        ท้ายหนังสือระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงขอส่งคำร้องของนายธรรมนูญ อัตโชติ พร้อมข้อเท็จจริงมายังท่าน เพื่อโปรดพิจารณายื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งเลิกมูลนิธิธรรมกายและมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูงในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ และให้ทรัพย์สินของมูลนิธิตกเป็นของแผ่นดิน.

อ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/tpd/2935010


ริบเป็นของแผ่นดิน

การเสนอเรื่องต่ออัยการเพื่อร้องขอต่อศาล ให้มีคำสั่งเลิกมูลนิธิธรรมกายและมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง หากเป็นไปตามข้อเสนอดังกล่าวทรัพย์ที่เคยมีคำสั่งอายัดอาจถูกริบให้ตกเป็นของแผ่นดิน จากนั้นอาจดำเนินการจำหน่ายออกไปเพื่อนำเงินที่ได้มาเฉลี่ยคืนให้กับเจ้าหนี้ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น

อาคาร 100 ปีหรืออาคารทรงลูกโลกนับเป็นฐานปฏิบัติการสำคัญของทางวัดพระธรรมกาย ใช้ในกิจกรรมหลายอย่าง รวมทั้งเป็นศูนย์บัญชาการสาขาของวัดพระธรรมกายทั่วโลก ส่วนอาคารมหารัตนวิหารคตน่าจะมีความหมายต่อทางวัดพระธรรมกายมากกว่า เนื่องจากตัวอาคารสร้างขึ้นเพื่อล้อมรอบพระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าล้านพระองค์(ทรงจานบิน)ของวัดพระธรรมกายทั้ง 4 ทิศ

ตอนนี้ทางวัดและลูกศิษย์ยังคงเข้าไปใช้พื้นที่ในอาคารมหารัตนวิหารคต ในการประกอบกิจกรรมทางพุทธศาสนาตามที่วัดจัดขึ้นได้ หากท้ายที่สุดของคดีมีการยึดอาคารดังกล่าวจริง ย่อมส่งผลต่อกิจกรรมของทางวัด ที่มักใช้อาคารดังกล่าวทำกิจกรรมหลักเกือบทุกงาน แม้จะไม่ได้ยึดพระมหาเจดีย์ แต่เข้าวิหารคดไม่ได้ก็เท่ากับเข้าไปประกอบพิธีกรรมที่พระมหาเจดีย์ไม่ได้เช่นกัน

รอการเมืองเปลี่ยน

สำหรับขั้นตอนในทางคดีตามกระบวนการทางกฎหมาย คงต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าผลของคดีจะออกมา แม้ทีมกฎหมายของทางวัดพระธรรมกายจะดูเหมือนทำงานล่าช้าและไม่พยายามปกป้องสิทธิในอาคารดังกล่าวในสายตาของศิษย์อีกฝ่ายหนึ่ง แต่ความหวังในการพลิกสถานการณ์ของทางวัดยังคงมีอยู่อีกเช่นกัน หากสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนไปจากเดิม

อ่านตัวเต็มที่
https://mgronline.com/specialscoop/detail/9610000128606
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่