ต้องบอกก่อนเลยว่า ช่วงนี้ จริงๆ จขกท. มีงานเยอะมากๆที่ต้องเคลียก่อนที่จะไปต่างประเทศ แต่ว่า ทางผู้อ่านชาวPantipหลายๆท่านส่งข้อความกันเข้ามาหลังไมค์ทาง IGเยอะมาก ข้างล่างนี้แค่ ก๊อปมาให้ดูเป็นบางส่วนเพราะถ้าเอามาหมดนิ๊วล๊อคแน่ๆ ปล. จขกท. ตัดชื่อและเบลอหน้าคนถามให้แล้วนะคะ มิต้องห่วง (ให้เกียรติและเคารพในสิทธิส่วนบุคคลของทุกคนน้า)
และด้วยเหตุนี้ เลยเป็นที่มาว่ารีวิวนี้เกิดขึ้นเพื่อ หลายๆคนเลยนะคะ เพราะทำงานประจำด้วยไล่ตอบทุกคนนี่ก็ เกือบไม่ไหวเลยน้า กลัวตอบช้าละงอนกันอีกตะหากแน่ะ แต่ขอบคุณมากจริงๆค่ะ เพราะเวลารีวิวเพื่ออยากบอกต่อแล้วมีคนติดตาม บางคนหน้าดีขึ้นแล้วได้ฟังจากที่ทุกคนเล่าก็ดีใจ เพราะนี่ไม่ใช่อาชีพเราและเราไม่ได้รับรีวิว ทุกอย่างคือใช้เองซื้อเองทั้งหมด เลยจะมาสรุปทั้งหมดที่ผ่านมา ใน1 ปี ว่าอันไหนใช้ดี อันไหนเลิกใช้หยุดใช้ แล้วอะไรที่เป็นลูกรักแบบขาดไม่ได้เลย
ภาพแรก : ผิวในช่วงเวลาที่หน้าไม่รอดจากการเปลี่ยนสกินแคร์ที่ไม่ถูกกับผิว รวมภาพจากหลายช่วงเวลา เพื่อให้เห็นว่า พื้นฐานไม่ใช่คนผิวดีเลย อ่อนแอมากๆ Sensitiveกับทุกสิ่ง ถ้าแพ้อะไร ผลจะออกมาแบบนี้เสมอ
ภาพที่สอง : เวลาเจออะไรที่ถูกกับผิว แล้วไม่เอาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เสี่ยงกับการเกิดการระคายเคืองผิว ก็จะมีหลายช่วงที่ผิวดีขึ้น แข็งแรงขึ้น การอักเสบและรอยทุเลา ภาพนี้คือ ถ่ายอัพเดทล่าสุดในช่วงเวลาเดียวคือเมื่อวานนี้เอง ปกติเป็นคนไม่ใช้รองพื้นอยู่แล้วถ้าไม่ได้ไปงานแต่งงานใคร จะมีแค่ลิปแท่งเดียว และหวีจัดทรงคิ้วซึ่งหนาอยู่แล้วก็จบเลย เพราะถ้าผิวไม่ดีต่อให้แต่งหน้ารองพื้นลงจะยิ่งเห็นผิวเป็นเหี่ยวๆหน้าลอกๆ เป็นเม็ดๆ อยู่ดี
เอาน่าๆ มาดูกันเลยดีกว่า อย่าให้เสียเวลา ที่แอบเจ้านายเล่นคอม เอาเป็นว่า ตัวที่กู้ให้หน้าดีขึ้นในหลายช่วงเวลาแห่งชีวิตของ จขกท. มีอะไรบ้างไปดูกัน
เริ่มกันที่แบรนด์ลาแมร์ ให้เกียรติกับราคาพี่เค้านิดนึง แฮ่ๆ (ทุนนิยมชัดๆ)
สำหรับดวงตา ณ ตอนนี้มีเพียงหนึ่งเดียวคือ Lamer ตัวนี้ ปกติจะไม่เอาพวกนี้เลย เพราะว่า เหนื่อยที่สุดกับการกว่าจะนอน แล้วเชื่อย่างยิ่งว่า การยุ่งกับตาให้น้อยที่สุดคือ ทุกอย่างจะจบ แต่เวลาอายุผ่านไป มันไม่จบง่ายๆล่ะสิ เลยต้องหาตัวช่วย และเมื่อการเดินเข้าออกคลีนิคเสริมความงาม ไม่ใช่คำตอบของผู้หญิงในสไตล์เรา เลยกลายเป็นว่า Lamer ก็ Lamer เว้ย
สรุปผล : เนื้อเข้มข้น ให้ความชุ่มชื่นดีมาก กลิ่นหอมอ่อนๆไม่แรง ใช้ต่อเนื่อง1เดือน รอยเล็กๆดูดีขึ้น แต่ไม่ถึงกับหาย เพราะเราเป็นคนยิ้มแบบตลอดเวลา ใช้กล้ามเนื้อตาหนักมาก แต่นับว่า พอใจกับผลลัพท์ หมดซื้อต่อ (ปล. ถ้าเงินเหลือ ฮ่าๆ) ส่วนเรื่องรอยดำคล้ำ กับถุงใต้ตายังไม่เห็นชัด กลไลของมันเป็นไปแบบธรรมชาติ ไม่ได้ให้ผลทันทีแบบกลุ่มการเติมเต็มฟิลเลอร์นะคะ ใครสนใจ คือแนะนำ ซื้อกระปุกทดลองดูก่อน จากแหล่งที่น่าเชื่อถือนะจ๊ะ เพราะของปลอมเกลื่อนมาก สรุปตัวนี้ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “รอด”
CRÈME DE LA MER
ทางแบรนด์เคลมว่า เนื้อครีมเข้มข้น มอบความชุ่มชื้นพิเศษ ความรู้สึกคือ ไม่ได้ชุ่มชื่นทันทีอย่างที่คิด ถ้าเทียบความชุ่มชื่นที่Phyciogel สีฟ้า ให้
แต่ชอบTexture เหมือนครีมสมัยก่อนที่ย้อนไปสัก15ปีก่อนที่จะมีความหนืดๆติดหน้า ทาแล้วรู้สึกได้ว่าทาอะไรลงไป แต่คือมันรู้สึกดี กลิ่นก็ถูกจริตกับ จขกท. ใช้มาประมาณ1 เดือน หน้าเนียนๆ เรื่องริ้วรอยอะไรยังไม่เห็นชัด เรื่องหน้าผดก็ไม่ได้ช่วย แต่ดีต่อสุขภาพจิตตรงที่ ไม่มีอะไรแพ้ และกลิ่นกับTextureทำให้ สบายอารมณ์มาก คือชอบ แต่ผลระยะยาว ต้องรอหมดกระปุกก่อน สรุป ตัวนี้ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “รอด”
กลุ่มผลิตภัณฑ์ล้าง ทำความสะอาดหน้า
Bifesta ยังคงใช้และใช้ต่อเนื่องมารวมๆน่าจะเกินโหล แต่ช่วงนี้จะเก็บไว้ใช้ตอนเวลารู้สึกหน้ามัน จขกท. เลือกสูตร Sebum ซึ่งเหมาะกับผิวผสม และเป็นสูตรที่ลองใช้กับตัวเองแล้วรู้สึกอ่อนโยนสุดกว่าบรรดา ตัวอื่นๆของBifesta จึงแน่นอนว่าเข้าเกณฑ์ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว "รอด"
Cetaphil ตัวนี้จะหันไปถามหมอ ถามพยาบาล เภสัช ถ้าบอกผิวแพ้ง่าย ใดใดก็ล้วนแนะนำตัวนี้ ก็เอามาใช้ในช่วงที่ผิวตรงหน้าผากมีเม็ดแบบผดๆเล็กๆ ที่ไม่ว่าล้างด้วยสิ่งใด โปะยาหรือทาอะไรก็ไม่ยุบ พอล้างตัวนี้เออยุบ (แต่ งง ใน งง ตรงที่ จะมีช่วงนึงกระแส สกินแคร์ Organicที่เน้นเรื่องธรรมชาติ จะเอาเรื่อง Paraben ว่าอันตรายต่อผิวมาตี แบบเชือดเฉือนกันอย่างดุเดือดในวงการสกินแคร์จนคนขยาดพาราเบน แต่พอพลิกดูหลังขวด Cetaphil คือ ขุ่นพระ! พาราเบนล่อไปสามตัว ใดใดล้วนใส่มา แต่สังเกตไหมว่า หลายคนหน้าเห่อสิวใช้กลายเป็น สิวดีขึ้น บอกต่อกันเยอะมากบางคนไม่เคยพลิกอ่านด้วยซ้ำ) อันนี้เลยสรุปด้วยตัวเองว่า บางครั้งข้อมูลในเน็ตมีหลายมิติ หลายแง่มุม หลายจุดประสงค์ของผู้เขียน แต่ยังคงเชื่อมั่นใน จรรยาบรรณของการรับรองความปลอดภัยของต่างประเทศ เพราะถ้าผ่านมาได้ แสดงว่า Cetaphil เองก็ต้องใส่ทุกอย่างในปริมาณที่กฏหมายความปลอดภัยคุ้มครองผู้บริโภคกำหนด อาจไม่อันตรายอย่างที่เราเข้าใจ สรุปเลยคือใช้เฉพาะกิจ กู้หน้าช่วงวิกฤตแล้วโอเค ช่วงหน้าดี ก็ใช้ตัวอื่นๆสลับตามสภาพผิวนะจ๊ะ สรุปเจ้าตัวนี้ จขกท. ใช้แล้ว "รอด"
Dr. Somchai ตัวนี้ได้มาจากคุณแฟน เนื้อวิปโฟม เนื้อสวย นวล ฟูอย่างมาก Texture ดี กลิ่นแบบน่ารักๆผลไม้ๆ เค้าจะมีแค่สูตรเดียวเลย เด่นเรื่องคนเป็นสิว (ที่ต้องเป็นคนหน้ามันมาก ย้ำว่ามาก) เพราะประเด็นคือ ผิว จขกท. เป็นผิวผสม มีส่วนที่แห้งและเป็นผดผื่นแพ้ง่าย การใช้อะไรที่ชะล้างน้ำมันมากเกินไป เปรียบเหมือนการเอาน้ำมันมาราดและรอจุดไฟเผาตัวเอง อารมณ์นั้นเลย หน้าตึงเหมือนดึงมาจากโรงบาล แล้วสิวก็ทยอยขึ้นในวันรุ่งขึ้น อันนี้ เรียกว่าความผิดของผิวเราไม่ใช่ทางแบรนด์ เพราะเชื่อว่า ถ้าคนผิวมันเยิ้มๆ รับรองตัวนี้กวาดล้างไขมันให้คุณแบบสะใจแน่นอน สรุปตัวนี้ผิวแห้งแพ้ง่ายใช้แล้ว “ไม่รอด”
111Skin
111skins คำโปรยจากBA สายเชียร์ โทนเนอร์ตัวช่วยสำคัญ ผิวจะดีขึ้นมาก เพราะน้ำประปาเมืองไทยไม่ได้สะอาดจริง ค่าPHไม่เหมาะสม ต้องปรับด้วยตัวนี้ แล้วใช้อะไร ผิวก็รับหมด บลาๆๆ “อ่ะจ้า นึกถึงคำโปรยแล้วอยากจะเขกกะโหลกตัวเองจริ๊งจริง เชื่อคนง่าย” กลิ่นจะค่อนข้างมีน้ำหอมกับแอลกอฮอล์แรง ลองไป 7 วัน พยายามคิดแบบPositiveว่า ก็เค้าบอกผิวแพ้ใช้ได้ และใช้ดีมาก สุดท้ายเริ่มมีอาการ แสบๆเหมือนผิวลอกรอบจมูก ผดเริ่มทยอยขึ้นมากกว่าเดิมเป็นเม็ดฝอยๆทั่วหน้า เลยเดาเอาว่า น่าจะระคายเคืองมาจาก แอลกอฮอล์ที่ใส่ในผลิตภัณฑ์ ซึ่งไม่ทันสังเกตตอนซื้อ เพราะกำลังต้องมนต์สะกดBA เลิกเลยจ้าพี่จ๋า ปล. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นผิวแต่ละคนนะคะต้องใช้วิจารณญาณ เพราะบางคนอาจจะใช้แล้วใสจริง อย่างBAไง เชียร์ขาดใจสงสัยใช้ทุกวัน แต่สำหรับ จขกท. ตัวนี้ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “ไม่รอด”
Pure altitude
ตั้งแต่ล้างหน้ามา ด้วยว่ากระแส โฟมล้างหน้าที่ฮอตฮิตมากของ Bifesta ช่วงหนึ่ง ประกอบกับราคาที่น่ารัก ทำให้ได้ลอง แล้วก็ว่าล้างสะอาด หน้าไม่แห้งตึงดี แต่พอระยะเวลาผ่านไป ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น และบางช่วงที่ต้องปรับให้เข้ากับผิวในแต่ละช่วง ทำให้เริ่มค้นหา คลีนซิ่งใหม่ๆ แล้วก็ได้เจ้าตัวนี้มา Pure altitude สัญชาติฝรั่งเศส ตัวนี้ เรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวใน Cleasing น้ำนมที่ได้ลองแล้ว ล้างง่าย ไม่มัน ไม่เมือก ไม่ก่อให้เกิดสิว ปกติไม่ว่าจะแบรนด์ไหนๆ ที่ว่าเปลี่ยนออยส์เป็นน้ำนม เปลี่ยนผงเป็นน้ำนม เปลี่ยนน้ำนมเป็นน้ำอะไรต่างๆนาๆ คือใช้แล้วแพ้หมด เจอตัวนี้คือดีเลย แต่แบรนด์นี้ในไลน์สินค้าตัวอื่นๆ บำรุงอีกหลายตัวลองแล้วยังไม่ถูกกับผิว จขกท.เท่าไหร่ แม้ว่ากลิ่นจะน่าใช้ทุกตัว แต่ก็ ให้ใจไปแค่ตัวคลีนซิ่งตัวเดียว สรุปตัวนี้ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “รอด”
Evidens
ตัวนี้คือต้องเอามาพูดเลย เพราะดังมาก ปังสุด คือเปิดไอจี เฟสบุคเจอแต่คนรีวิว คนนำเข้ามาก็แบบ โพสต์ความดีกันสุดฤทธิ์ ทนไม่ได้ สอยตามเลยจ้า อันนี้มาแยกข้อดีข้อเสียให้เลยนะคะ เพราะทาง BA ประจำร้านที่ไปซื้อแนะนำว่า ผิวแพ้ง่าย เป็นสิวเป็นผด ต้องลองตัวนี้เลย เพราะผิวสะอาดมาก
ข้อดี : ขวดดูแพงสมราคา หรูหราหมาหอนไปเลย วัสดุดีงามมาก กลิ่นหอม ล้างเมคอัพสะอาดมาก อายไลเนอร์กันน้ำ ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า4ตัวแรกที่กล่าวไปด้านบนไม่มีตัวไหนล้างออกแต่ตัวนี้เอาอยู่ เรียกว่าเกลี้ยงเกลาและหน้าไม่แห้งตึง
ข้อเสีย : แต่เดี๋ยวก่อนจังหวะที่ล้างหน้า ถ้าเผลอเข้าตาจะระคายเคืองมาก ลืมตามาอีกทีคือตามัวเลย และที่สังเกตเห็นได้คือ วันไหนที่ล้างตัวนี้ วันถัดมา หน้าจะต้องเป็นเม็ดเล็กๆ ขึ้นมาเต็มทุกครั้ง ลองหยุดไปอาทิตย์ ลองใหม่ วันรุ่งขึ้นก็จะเป็นแบบเดิม เลยเข้าใจว่า น่าจะระคายเคืองกับพวกน้ำหอม และตัวสารสกัดทางเคมีอย่าง Benzyl benzoate และ เจ้า Cinnamal ซึ่งตัวนี้คืออบเชยนั่นแหละ ฝรั่งชอบใช้รักษาสิวแต่ผิวที่ระคายเคืองง่ายก็ไม่เหมาะเท่าไหร่ กลายเป็นว่าตอนนี้ ซื้อมาตั้งบูชา จ้า ถ้าหมดขวดก็คงเพราะมันระเหยออกไปเอง เพราะ จขกท. โบกมือบายบายตรงป้ายนี้แหละ ป้ายหน้าลาก่อน สรุป ตัวนี้ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “ไม่รอด”
น้ำเกลือเช็ดผิว
ตัวนี้ใช้เวลาไปกดสิวอุดตันมา เช็ดทำความสะอาดผิวและเช็ดเครื่องสำอางที่ไม่กันน้ำออกได้ดี อ่อนโยน แต่ไม่แนะนำให้ใช้ติดกันตลอด เพราะน้ำเกลือสามารถดูดเอาความชุ่มชื่นผิวไปหมด ยิ่งถ้าเช็ดบ่อยๆในช่วงหน้าหนาวอากาศเปลี่ยน เห็นชัดเลยว่ามีผิวบางส่วนแอบแห้งลอก แต่ถ้าโดยรวม สรุปผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “รอด”
กลุ่มผลิตภัณฑ์ ตัวช่วยผิวขาวและลดเลือนรอยดำ
Topnotch Revitalizing and whitening serum
Whitening สำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย ที่ทางแบรนด์เคลมมา ตัวนี้ก็ยังคงใช้และซื้อต่อ จนตอนนี้กระปุกเค้าเปลี่ยนเป็นแบบตักแบบเคาเตอร์แบรนด์ เพราะจากกระทู้ก่อนที่เคยบอกทุกคนว่า ตามหาWhitening มาตลอดชีวิต เพราะไม่เคยใช้ได้ ทุกครั้งที่ทาWhitening เมื่อไหร่เมื่อนั้น ผิวจะแห้งลอก ระคายเคือง ผิวแดง สิวเม็ดเล็กๆ บานปลายเต็มหน้า พอเจอตัวนี้ เออ จบ อารมณ์แบบ เมื่อเจอที่ใช่ ที่เราใช้ได้ก็เลย หยุดที่ตัวนี้ เนื้อบางมาก ซึมไวมาก ไม่เหนอะผิวเลย มันคือความสบายผิวที่แท้ทรู กลิ่นดี สดชื่นๆ ไม่เหม็นหืนน้ำมัน เรื่องสิวไม่ช่วยน้า แต่หน้านุ่มนี่ชัดมาก ก.ไก่ล้านตัว ถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่ จขกท.ใช้อยู่ตัวนี้ถือว่าถูกกว่า แต่แอบซื้อยาก เอะอะของหมด รายละเอียดตัวที่เคยเขียนแล้วจะไม่เขียนซ้ำน้า ลองดูจากกระทู้เก่าๆกันดูน้าคะ สรุป ตัวนี้ผิวแพ้ง่าย “รอด”
Eucerin Pro acne solution
มากกว่า 20แท่งที่ใช้มา คงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เพราะทั้งคอนซีลเลอร์ เกือบทุกเคาเตอร์แบรนด์ลองแล้ว อุดตันมาแบบยกขวบพาเหรด แต่ตัวนี้รอด ทั้งที่ถูกกว่าแบรนด์อื่นๆ เพราะไม่เคยซื้อในห้าง สั่งผ่าน Shopee โอ้ยราคาดีงามมาก ทาใต้ตาได้ รอยสิวดี รอยดำต่างๆได้เลย เหมาะมากกับคนผิวแพ้ และไม่ได้ชอบแต่งหน้าเยอะ ข้อเสียคือมีเฉดเดียวสีเดียว แต่ก็ จขกท ผิวขาวเหลือง, น้องสาว ผิวขาว ,พี่สาวผิวขาวอมชมพู ก็ปรากฏว่าใช้ได้ทั้งสามเฉดผิวนะ ไม่ได้ด่างอะไร ก็แปลกดีที่เข้าได้ ทั้งที่สีในแท่งดูเข้มๆ สรุปเลยว่า ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “รอด”
[CR] รวมสกินแคร์ สำหรับผิวแพ้ง่าย ประจำปี 2018 !! อันไหนรอดอันไหนร่วง มาดูกัน ใช้จริง ไม่มีสปอนเซอร์
และด้วยเหตุนี้ เลยเป็นที่มาว่ารีวิวนี้เกิดขึ้นเพื่อ หลายๆคนเลยนะคะ เพราะทำงานประจำด้วยไล่ตอบทุกคนนี่ก็ เกือบไม่ไหวเลยน้า กลัวตอบช้าละงอนกันอีกตะหากแน่ะ แต่ขอบคุณมากจริงๆค่ะ เพราะเวลารีวิวเพื่ออยากบอกต่อแล้วมีคนติดตาม บางคนหน้าดีขึ้นแล้วได้ฟังจากที่ทุกคนเล่าก็ดีใจ เพราะนี่ไม่ใช่อาชีพเราและเราไม่ได้รับรีวิว ทุกอย่างคือใช้เองซื้อเองทั้งหมด เลยจะมาสรุปทั้งหมดที่ผ่านมา ใน1 ปี ว่าอันไหนใช้ดี อันไหนเลิกใช้หยุดใช้ แล้วอะไรที่เป็นลูกรักแบบขาดไม่ได้เลย
ภาพที่สอง : เวลาเจออะไรที่ถูกกับผิว แล้วไม่เอาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เสี่ยงกับการเกิดการระคายเคืองผิว ก็จะมีหลายช่วงที่ผิวดีขึ้น แข็งแรงขึ้น การอักเสบและรอยทุเลา ภาพนี้คือ ถ่ายอัพเดทล่าสุดในช่วงเวลาเดียวคือเมื่อวานนี้เอง ปกติเป็นคนไม่ใช้รองพื้นอยู่แล้วถ้าไม่ได้ไปงานแต่งงานใคร จะมีแค่ลิปแท่งเดียว และหวีจัดทรงคิ้วซึ่งหนาอยู่แล้วก็จบเลย เพราะถ้าผิวไม่ดีต่อให้แต่งหน้ารองพื้นลงจะยิ่งเห็นผิวเป็นเหี่ยวๆหน้าลอกๆ เป็นเม็ดๆ อยู่ดี
เอาน่าๆ มาดูกันเลยดีกว่า อย่าให้เสียเวลา ที่แอบเจ้านายเล่นคอม เอาเป็นว่า ตัวที่กู้ให้หน้าดีขึ้นในหลายช่วงเวลาแห่งชีวิตของ จขกท. มีอะไรบ้างไปดูกัน
เริ่มกันที่แบรนด์ลาแมร์ ให้เกียรติกับราคาพี่เค้านิดนึง แฮ่ๆ (ทุนนิยมชัดๆ)
สำหรับดวงตา ณ ตอนนี้มีเพียงหนึ่งเดียวคือ Lamer ตัวนี้ ปกติจะไม่เอาพวกนี้เลย เพราะว่า เหนื่อยที่สุดกับการกว่าจะนอน แล้วเชื่อย่างยิ่งว่า การยุ่งกับตาให้น้อยที่สุดคือ ทุกอย่างจะจบ แต่เวลาอายุผ่านไป มันไม่จบง่ายๆล่ะสิ เลยต้องหาตัวช่วย และเมื่อการเดินเข้าออกคลีนิคเสริมความงาม ไม่ใช่คำตอบของผู้หญิงในสไตล์เรา เลยกลายเป็นว่า Lamer ก็ Lamer เว้ย
สรุปผล : เนื้อเข้มข้น ให้ความชุ่มชื่นดีมาก กลิ่นหอมอ่อนๆไม่แรง ใช้ต่อเนื่อง1เดือน รอยเล็กๆดูดีขึ้น แต่ไม่ถึงกับหาย เพราะเราเป็นคนยิ้มแบบตลอดเวลา ใช้กล้ามเนื้อตาหนักมาก แต่นับว่า พอใจกับผลลัพท์ หมดซื้อต่อ (ปล. ถ้าเงินเหลือ ฮ่าๆ) ส่วนเรื่องรอยดำคล้ำ กับถุงใต้ตายังไม่เห็นชัด กลไลของมันเป็นไปแบบธรรมชาติ ไม่ได้ให้ผลทันทีแบบกลุ่มการเติมเต็มฟิลเลอร์นะคะ ใครสนใจ คือแนะนำ ซื้อกระปุกทดลองดูก่อน จากแหล่งที่น่าเชื่อถือนะจ๊ะ เพราะของปลอมเกลื่อนมาก สรุปตัวนี้ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “รอด”
ทางแบรนด์เคลมว่า เนื้อครีมเข้มข้น มอบความชุ่มชื้นพิเศษ ความรู้สึกคือ ไม่ได้ชุ่มชื่นทันทีอย่างที่คิด ถ้าเทียบความชุ่มชื่นที่Phyciogel สีฟ้า ให้
แต่ชอบTexture เหมือนครีมสมัยก่อนที่ย้อนไปสัก15ปีก่อนที่จะมีความหนืดๆติดหน้า ทาแล้วรู้สึกได้ว่าทาอะไรลงไป แต่คือมันรู้สึกดี กลิ่นก็ถูกจริตกับ จขกท. ใช้มาประมาณ1 เดือน หน้าเนียนๆ เรื่องริ้วรอยอะไรยังไม่เห็นชัด เรื่องหน้าผดก็ไม่ได้ช่วย แต่ดีต่อสุขภาพจิตตรงที่ ไม่มีอะไรแพ้ และกลิ่นกับTextureทำให้ สบายอารมณ์มาก คือชอบ แต่ผลระยะยาว ต้องรอหมดกระปุกก่อน สรุป ตัวนี้ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “รอด”
กลุ่มผลิตภัณฑ์ล้าง ทำความสะอาดหน้า
Bifesta ยังคงใช้และใช้ต่อเนื่องมารวมๆน่าจะเกินโหล แต่ช่วงนี้จะเก็บไว้ใช้ตอนเวลารู้สึกหน้ามัน จขกท. เลือกสูตร Sebum ซึ่งเหมาะกับผิวผสม และเป็นสูตรที่ลองใช้กับตัวเองแล้วรู้สึกอ่อนโยนสุดกว่าบรรดา ตัวอื่นๆของBifesta จึงแน่นอนว่าเข้าเกณฑ์ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว "รอด"
Cetaphil ตัวนี้จะหันไปถามหมอ ถามพยาบาล เภสัช ถ้าบอกผิวแพ้ง่าย ใดใดก็ล้วนแนะนำตัวนี้ ก็เอามาใช้ในช่วงที่ผิวตรงหน้าผากมีเม็ดแบบผดๆเล็กๆ ที่ไม่ว่าล้างด้วยสิ่งใด โปะยาหรือทาอะไรก็ไม่ยุบ พอล้างตัวนี้เออยุบ (แต่ งง ใน งง ตรงที่ จะมีช่วงนึงกระแส สกินแคร์ Organicที่เน้นเรื่องธรรมชาติ จะเอาเรื่อง Paraben ว่าอันตรายต่อผิวมาตี แบบเชือดเฉือนกันอย่างดุเดือดในวงการสกินแคร์จนคนขยาดพาราเบน แต่พอพลิกดูหลังขวด Cetaphil คือ ขุ่นพระ! พาราเบนล่อไปสามตัว ใดใดล้วนใส่มา แต่สังเกตไหมว่า หลายคนหน้าเห่อสิวใช้กลายเป็น สิวดีขึ้น บอกต่อกันเยอะมากบางคนไม่เคยพลิกอ่านด้วยซ้ำ) อันนี้เลยสรุปด้วยตัวเองว่า บางครั้งข้อมูลในเน็ตมีหลายมิติ หลายแง่มุม หลายจุดประสงค์ของผู้เขียน แต่ยังคงเชื่อมั่นใน จรรยาบรรณของการรับรองความปลอดภัยของต่างประเทศ เพราะถ้าผ่านมาได้ แสดงว่า Cetaphil เองก็ต้องใส่ทุกอย่างในปริมาณที่กฏหมายความปลอดภัยคุ้มครองผู้บริโภคกำหนด อาจไม่อันตรายอย่างที่เราเข้าใจ สรุปเลยคือใช้เฉพาะกิจ กู้หน้าช่วงวิกฤตแล้วโอเค ช่วงหน้าดี ก็ใช้ตัวอื่นๆสลับตามสภาพผิวนะจ๊ะ สรุปเจ้าตัวนี้ จขกท. ใช้แล้ว "รอด"
Dr. Somchai ตัวนี้ได้มาจากคุณแฟน เนื้อวิปโฟม เนื้อสวย นวล ฟูอย่างมาก Texture ดี กลิ่นแบบน่ารักๆผลไม้ๆ เค้าจะมีแค่สูตรเดียวเลย เด่นเรื่องคนเป็นสิว (ที่ต้องเป็นคนหน้ามันมาก ย้ำว่ามาก) เพราะประเด็นคือ ผิว จขกท. เป็นผิวผสม มีส่วนที่แห้งและเป็นผดผื่นแพ้ง่าย การใช้อะไรที่ชะล้างน้ำมันมากเกินไป เปรียบเหมือนการเอาน้ำมันมาราดและรอจุดไฟเผาตัวเอง อารมณ์นั้นเลย หน้าตึงเหมือนดึงมาจากโรงบาล แล้วสิวก็ทยอยขึ้นในวันรุ่งขึ้น อันนี้ เรียกว่าความผิดของผิวเราไม่ใช่ทางแบรนด์ เพราะเชื่อว่า ถ้าคนผิวมันเยิ้มๆ รับรองตัวนี้กวาดล้างไขมันให้คุณแบบสะใจแน่นอน สรุปตัวนี้ผิวแห้งแพ้ง่ายใช้แล้ว “ไม่รอด”
111Skin
111skins คำโปรยจากBA สายเชียร์ โทนเนอร์ตัวช่วยสำคัญ ผิวจะดีขึ้นมาก เพราะน้ำประปาเมืองไทยไม่ได้สะอาดจริง ค่าPHไม่เหมาะสม ต้องปรับด้วยตัวนี้ แล้วใช้อะไร ผิวก็รับหมด บลาๆๆ “อ่ะจ้า นึกถึงคำโปรยแล้วอยากจะเขกกะโหลกตัวเองจริ๊งจริง เชื่อคนง่าย” กลิ่นจะค่อนข้างมีน้ำหอมกับแอลกอฮอล์แรง ลองไป 7 วัน พยายามคิดแบบPositiveว่า ก็เค้าบอกผิวแพ้ใช้ได้ และใช้ดีมาก สุดท้ายเริ่มมีอาการ แสบๆเหมือนผิวลอกรอบจมูก ผดเริ่มทยอยขึ้นมากกว่าเดิมเป็นเม็ดฝอยๆทั่วหน้า เลยเดาเอาว่า น่าจะระคายเคืองมาจาก แอลกอฮอล์ที่ใส่ในผลิตภัณฑ์ ซึ่งไม่ทันสังเกตตอนซื้อ เพราะกำลังต้องมนต์สะกดBA เลิกเลยจ้าพี่จ๋า ปล. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นผิวแต่ละคนนะคะต้องใช้วิจารณญาณ เพราะบางคนอาจจะใช้แล้วใสจริง อย่างBAไง เชียร์ขาดใจสงสัยใช้ทุกวัน แต่สำหรับ จขกท. ตัวนี้ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “ไม่รอด”
Pure altitude
ตั้งแต่ล้างหน้ามา ด้วยว่ากระแส โฟมล้างหน้าที่ฮอตฮิตมากของ Bifesta ช่วงหนึ่ง ประกอบกับราคาที่น่ารัก ทำให้ได้ลอง แล้วก็ว่าล้างสะอาด หน้าไม่แห้งตึงดี แต่พอระยะเวลาผ่านไป ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น และบางช่วงที่ต้องปรับให้เข้ากับผิวในแต่ละช่วง ทำให้เริ่มค้นหา คลีนซิ่งใหม่ๆ แล้วก็ได้เจ้าตัวนี้มา Pure altitude สัญชาติฝรั่งเศส ตัวนี้ เรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวใน Cleasing น้ำนมที่ได้ลองแล้ว ล้างง่าย ไม่มัน ไม่เมือก ไม่ก่อให้เกิดสิว ปกติไม่ว่าจะแบรนด์ไหนๆ ที่ว่าเปลี่ยนออยส์เป็นน้ำนม เปลี่ยนผงเป็นน้ำนม เปลี่ยนน้ำนมเป็นน้ำอะไรต่างๆนาๆ คือใช้แล้วแพ้หมด เจอตัวนี้คือดีเลย แต่แบรนด์นี้ในไลน์สินค้าตัวอื่นๆ บำรุงอีกหลายตัวลองแล้วยังไม่ถูกกับผิว จขกท.เท่าไหร่ แม้ว่ากลิ่นจะน่าใช้ทุกตัว แต่ก็ ให้ใจไปแค่ตัวคลีนซิ่งตัวเดียว สรุปตัวนี้ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “รอด”
Evidens
ตัวนี้คือต้องเอามาพูดเลย เพราะดังมาก ปังสุด คือเปิดไอจี เฟสบุคเจอแต่คนรีวิว คนนำเข้ามาก็แบบ โพสต์ความดีกันสุดฤทธิ์ ทนไม่ได้ สอยตามเลยจ้า อันนี้มาแยกข้อดีข้อเสียให้เลยนะคะ เพราะทาง BA ประจำร้านที่ไปซื้อแนะนำว่า ผิวแพ้ง่าย เป็นสิวเป็นผด ต้องลองตัวนี้เลย เพราะผิวสะอาดมาก
ข้อดี : ขวดดูแพงสมราคา หรูหราหมาหอนไปเลย วัสดุดีงามมาก กลิ่นหอม ล้างเมคอัพสะอาดมาก อายไลเนอร์กันน้ำ ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า4ตัวแรกที่กล่าวไปด้านบนไม่มีตัวไหนล้างออกแต่ตัวนี้เอาอยู่ เรียกว่าเกลี้ยงเกลาและหน้าไม่แห้งตึง
ข้อเสีย : แต่เดี๋ยวก่อนจังหวะที่ล้างหน้า ถ้าเผลอเข้าตาจะระคายเคืองมาก ลืมตามาอีกทีคือตามัวเลย และที่สังเกตเห็นได้คือ วันไหนที่ล้างตัวนี้ วันถัดมา หน้าจะต้องเป็นเม็ดเล็กๆ ขึ้นมาเต็มทุกครั้ง ลองหยุดไปอาทิตย์ ลองใหม่ วันรุ่งขึ้นก็จะเป็นแบบเดิม เลยเข้าใจว่า น่าจะระคายเคืองกับพวกน้ำหอม และตัวสารสกัดทางเคมีอย่าง Benzyl benzoate และ เจ้า Cinnamal ซึ่งตัวนี้คืออบเชยนั่นแหละ ฝรั่งชอบใช้รักษาสิวแต่ผิวที่ระคายเคืองง่ายก็ไม่เหมาะเท่าไหร่ กลายเป็นว่าตอนนี้ ซื้อมาตั้งบูชา จ้า ถ้าหมดขวดก็คงเพราะมันระเหยออกไปเอง เพราะ จขกท. โบกมือบายบายตรงป้ายนี้แหละ ป้ายหน้าลาก่อน สรุป ตัวนี้ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “ไม่รอด”
น้ำเกลือเช็ดผิว
ตัวนี้ใช้เวลาไปกดสิวอุดตันมา เช็ดทำความสะอาดผิวและเช็ดเครื่องสำอางที่ไม่กันน้ำออกได้ดี อ่อนโยน แต่ไม่แนะนำให้ใช้ติดกันตลอด เพราะน้ำเกลือสามารถดูดเอาความชุ่มชื่นผิวไปหมด ยิ่งถ้าเช็ดบ่อยๆในช่วงหน้าหนาวอากาศเปลี่ยน เห็นชัดเลยว่ามีผิวบางส่วนแอบแห้งลอก แต่ถ้าโดยรวม สรุปผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “รอด”
กลุ่มผลิตภัณฑ์ ตัวช่วยผิวขาวและลดเลือนรอยดำ
Whitening สำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย ที่ทางแบรนด์เคลมมา ตัวนี้ก็ยังคงใช้และซื้อต่อ จนตอนนี้กระปุกเค้าเปลี่ยนเป็นแบบตักแบบเคาเตอร์แบรนด์ เพราะจากกระทู้ก่อนที่เคยบอกทุกคนว่า ตามหาWhitening มาตลอดชีวิต เพราะไม่เคยใช้ได้ ทุกครั้งที่ทาWhitening เมื่อไหร่เมื่อนั้น ผิวจะแห้งลอก ระคายเคือง ผิวแดง สิวเม็ดเล็กๆ บานปลายเต็มหน้า พอเจอตัวนี้ เออ จบ อารมณ์แบบ เมื่อเจอที่ใช่ ที่เราใช้ได้ก็เลย หยุดที่ตัวนี้ เนื้อบางมาก ซึมไวมาก ไม่เหนอะผิวเลย มันคือความสบายผิวที่แท้ทรู กลิ่นดี สดชื่นๆ ไม่เหม็นหืนน้ำมัน เรื่องสิวไม่ช่วยน้า แต่หน้านุ่มนี่ชัดมาก ก.ไก่ล้านตัว ถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่ จขกท.ใช้อยู่ตัวนี้ถือว่าถูกกว่า แต่แอบซื้อยาก เอะอะของหมด รายละเอียดตัวที่เคยเขียนแล้วจะไม่เขียนซ้ำน้า ลองดูจากกระทู้เก่าๆกันดูน้าคะ สรุป ตัวนี้ผิวแพ้ง่าย “รอด”
Eucerin Pro acne solution
มากกว่า 20แท่งที่ใช้มา คงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เพราะทั้งคอนซีลเลอร์ เกือบทุกเคาเตอร์แบรนด์ลองแล้ว อุดตันมาแบบยกขวบพาเหรด แต่ตัวนี้รอด ทั้งที่ถูกกว่าแบรนด์อื่นๆ เพราะไม่เคยซื้อในห้าง สั่งผ่าน Shopee โอ้ยราคาดีงามมาก ทาใต้ตาได้ รอยสิวดี รอยดำต่างๆได้เลย เหมาะมากกับคนผิวแพ้ และไม่ได้ชอบแต่งหน้าเยอะ ข้อเสียคือมีเฉดเดียวสีเดียว แต่ก็ จขกท ผิวขาวเหลือง, น้องสาว ผิวขาว ,พี่สาวผิวขาวอมชมพู ก็ปรากฏว่าใช้ได้ทั้งสามเฉดผิวนะ ไม่ได้ด่างอะไร ก็แปลกดีที่เข้าได้ ทั้งที่สีในแท่งดูเข้มๆ สรุปเลยว่า ผิวแพ้ง่ายใช้แล้ว “รอด”
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้