หน้าหนาวมาแล้ว  ถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนกันหลังจากทำงานกันมาเหน็ดเหนื่อยทั้งปี  คราวนี้เพื่อนมาบอกว่า  ไปปางอุ๋งกัน  แล้วส่งภาพแบบสวยงามเหมือนอยู่ต่างประเทศมาให้ชม  ตกลงรับคำกันไปเที่ยวระยะเวลาสั้น ๆ กัน  พวกเราสี่คนก็ไปกันตั้งแต่ พฤ. 20 ธ.ค. 2561   โดยนอน 2 วันในรถทัวร์  และสองคืนที่แม่ฮ่องสอน  เช้าวันจันทร์ก็กลับมาทำงานกันต่อไปเลยทีเดียว

การเดินทางโดยรถสมบัติทัวร์  ที่นั่งกว้างดีใช้ได้  มีทีวีและที่ชาร์ตแบตให้  เนื่องจากระยะทางไกล  จึงออกตั้งแต่บ่ายแก่ ๆ   5.30 น.  พอขึ้นรถก็มีพี่สาวนั่งติดกันแนะนำว่า  เดี๋ยวสี่ทุ่มไปถึงจุดพักรถที่กำแพงเพชร รถจะแวะให้ทานข้าวต้ม มีอาหารวางไว้น่ากินพอประมาณ และยังไม่มีใครแตะ (เป็นเพราะรถคันเราออกเร็วเลยมาถึงก่อนคันอื่น ขากลับดิ มาคันหลัง กับข้าวเกือบหมด)  แล้วค่อยตามด้วยยาแก้เมารถ 2 เม็ด  จะพอดีถึงแม่ฮ่องสอน  เราจะรู้สึกตอนรถโค้งซ้ายโค้งขวาตลอดแต่แบบเคลิ้ม ๆ กำลังพอดี ถ้าใครหลับได้ให้รีบหลับเพราะจะไม่ได้หลับง่าย ๆ เพราะโค้งเยอะ

พอขึ้นเขา จาก อำเภอเถิน จังหวัดตาก เป็นต้นไป  ก็เริ่มเข้าใจพี่สาวท่านนี้แนะนำได้เป๊ะมาก  โค้งซ้าย โค้งขวา  เท่าไหร่ไม่ต้องนับ  รถไปถึงแม่ฮ่องสอนเวลาประมาณ 8 โมง  เราก็เช่ารถโฟล์วีลไว้จัดไปเลย  แวะทานอาหารเช้าและขอคำแนะนำจาก ททท.แม่ฮ่องสอน นิดหน่อย  คืนแรกเราจองเต้นท์ของปางอุ๋งไว้  เราต้องดิ่งไปลงทะเบียนที่  อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา  แล้วขับไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง  เพื่อเลือกทำเลเต้นท์ก่อนเลย  ค่าเช่าเต้นท์ซึ่งนอนได้ 3 คน คืนละประมาณ 600 บาท  เราก็เลือกทำเลทองด้านหน้าเพราะมาเร็ว  โชคดีจัง


พวกเราก็หาอาหารกลางวันทานกันที่หมู่บ้านรักไทย  เป็นชนกลุ่มยูนนาน  อาหารและบรรยากาศดี  ที่ร้านลีวาย  ถ่ายภาพอุ่นเครื่องกัน


เย็น ๆ กลับมาที่ลานกางเต้นท์เพื่ออาบน้ำแต่หัววัน  เกรงว่าดึกจะหนาว  คืนนี้อากาศที่ปางอุ๋งประมาณ 14-20 องศา ได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ริมน้ำ  บรรยากาศมีความสุขกันดี  สำหรับบางกลุ่มก็เตรียมหุงต้มอาหาร  น่าสนุกกันแบบกลุ่มใหญ่  บางเต้นท์มีแบตเตอรี่ยกมาต่อไฟกันด้วย  สำหรับพวกเราชิวๆ เอาสะดวกเข้าว่า ก็ดูกลุ่มอื่นเป็นตัวอย่างไปพลางไม่คิดมาก สั่งหมูกระทะมาทานหน้าเต้นท์ริมน้ำกัน  เป็นอะไรที่อร่อยเหลือเกิน  มีความอุ่นจากเตาถ่าน  เปิดเพลงฟังเบา ๆ (แอบได้ยินเต้นท์อื่น คลอเพลงตามเราไปด้วย) ได้ถึง 4 ทุ่ม เพื่อจะได้ไม่รบกวนกัน  ในป่าและอ่างเก็บน้ำบนเขามืด แต่คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง มองเห็นน้ำในอ่านเก็บน้ำ และทิวต้นไม้สวย ๆ ช่างโรแมนติกจริง ๆ สักพักเราก็นอนหลับเก็บแรงสำหรับเช้าพรุ่งนี้กัน


เช้านี้ที่ปางอุ๋ง ประมาณหกโมงเช้า เปิดประตูเต้นท์ ถึงกับต้องว้าวกับภาพเบื้องหน้า คือ หมอกหนาๆ ลอยเหนือน้ำ พัดผ่านตามลมไปชิวๆ เป็นภาพที่ประทับใจมาก มัวแต่นั่งดูเพลินนึกได้ว่าจะออกไปถ่ายรูปซะหน่อย เพียงจะลุกออกไปเท่านั้น หมอกหนาก็หมดไปอย่างน่าเสียดาย เหลือแต่หมอกบาง ๆ  บ้างพอประมาณ นักท่องเที่ยวตื่นเช้าแต่งตัวกันแบบสวยงาม  และแบบชุดนอนตามอัธยาศัย  บางคนเตรียมลูกโป่งสี  เข้าฉากถ่ายภาพกัน บ้างก็พายเรือชิว ๆ บ้างก็หุงหาอาหารเช้ากัน  ภาพที่เห็นคือมีหมอกบาง ๆ เหนือน้ำ  และลมพัดหมอกชิว ๆ ช่างเป็นภาพที่สวยงามเสียนี่กระไร  เราก็พักผ่อนกันเต็มที่ ดื่มด่ำกับบรรยากาศตอนเช้าถึงสาย (พอดีเช่าเสื่อมาปูตอนกินหมูกระทะกัน ชิวอีกแระ นอนหลับกันพออิ่ม)

พอช่วงสาย ๆ หน่อยเราก็เก็บของ  เพื่อจะไปพักที่ปายกันในคืนที่สองคืนสุดท้ายนี้  เกิดมาไม่เคยมาแม่ฮ่องสอน  นึกไม่ออกว่าบรรยากาศแต่ละที่จะเป็นเช่นไร  รู้แต่ว่าปายเป็นที่สำหรับฝรั่ง  และวัยรุ่น  อึม  แต่เราก็จะไปปายกันนะ 5555  พวกเราก็อำลาปางอุ๋ง  เพื่อมุ่งหน้าไปปายกัน  โดยเราก็ไปทานอาหารกลางวันก๋วยเตี๋ยวห้อยขา  ตามที่เขาแนะนำกันมา  และต่อด้วยชา กาแฟกันพอหอมปากหอมคอ  งั้นขอไปที่พักที่ปายก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเราจะมาที่บ้านจ่าโบ่แห่งนี้  เพื่อดูทะเลหมอกอีกครั้ง...  

จากนั้นพวกเราขับรถกันมาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งเพื่อเข้าที่พักที่ปาย  ทางเข้าที่พักดูเหมือนจะกันดารและทุรักทุเลพอควร โดยเฉพาะบรรยากาศทางเข้าที่พักนี่ คนละเรื่องกับที่พักเลย แต่พอมาถึงที่พักจริง ๆ โอว ที่พักติดแม่น้ำปาย ข้ามสะพานไม้ไผ่ไปก็ถึงถนนคนเดินเลย (ถนนคนเดินมีทุกวัน)  



้ที่พักห้องเล็ก ๆ ติดน้ำ โอว  ชิวมาก  บ่าย ๆ ก็นอนเล่นพักผ่อนตามอัธยาศัย  เก็บแรงไว้เดินเล่นตอนหัวค่ำ  และเป้าหมายทะเลหมอกพรุ่งนี้เช้า

เริ่มหิวก็เดินข้ามสะพานไปห้านาทีที่ถนนคนเดิน  ไปหาอะไรทานกันแบบง่าย ๆ (อาหารข้างทาง) หมูปิ้ง สตอเบอรี่  ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย  หมาล่า ก็ว่ากันไป  ฝรั่งก็ยังเดินอยู่แยะ  อ้าวไม่กลับไปคริสมาสที่บ้านกันหรอกเหรอ  ยังมาเดินเที่ยวกันอยู่แถวนี้  ยังไงเราก็ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวเสมออยู่แล้ว  ชอบ ชอบ  มากันเยอะ ๆ และกลับไปบอกเพื่อน ๆ มาเที่ยวเมืองไทยกัน

และแล้วเราตื่นตีสี่เพื่อออกมาชมสิ่งนี้ตามที่หมายกันไว้  มิน่าล่ะแม่ฮ่องสอนถืงเป็นเมืองสามหมอก  สวยประจักษ์เต็มอิ่มกันขนาด


หลักจากเต็มอิ่มกับเมฆหมอกลอยบนฟ้า  หาอาหารเช้าง่าย ๆ ลองท้องกันไป ถ่ายรูปกันไป  แวะซื้อส้ม  ข้าวโพด ถั่วงา  อุดหนุนชาวมูเซอพอหมอปากหอมคอ   วันสุดท้าย เวลาบ่ายเราก็มากราบสักการะพระธาตุดอยกองมู ซึ่งอยู่ในตัวเมืองเลย และที่นี่จะมีร้านกาแฟชิว ๆ อีกร้าน ใครๆ ที่มาวัด คงไม่พลาดร้านกาแฟร้านนี้


พอได้เวลาก็คงต้องทานอาหารอร่อย ๆ กันก่อนกลับไปทำงานต่อ  เราขับไปทางหมู่บ้านผาบ่อง ร้านอร่อยสำหรับเราชื่อสวนอาหารชายทุ่ง อร่อยทุกเมนูเลย  ที่หาทานยากก็เห็นจะเป็นปลาช่อนกระบอกใหญ่นี้ล่ะ  ปรุงด้วยเครื่องเทศรสชาติแบบไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน  


คำนวณเวลาพอมีเวลาแวะเยี่ยมระหว่างทางกลับผ่านน้ำพุร้อนผาบ่อง ก็เลยได้ไปแช่น้ำแร่กัน  พูดคุยกับคุณพี่ชาวเมืองแม่ฮ่องสอนระหว่างแช่เท้าไป 20 นาที  ตอนนี้ถนนไทยพม่าลาวก็เชื่อมกันได้แล้ว  การค้าแนวนี้ยังไม่คึกคัก  แม้บ้านเมืองแนวตะเข็บจะสงบหลังการเลือกตั้งพม่า  เพราะอองซาน  ซูจีผู้นำเป็นกลุ่มก้อนเดียวกับชนกลุ่มน้อยในพม่า สำหรับไทใหญ่จะเป็นกลุ่มของเจ้ายอดศึก  ส่วนแช่นำแร่ก็ชิวอีกแระเนื่องจากไม่ต้องเสียเงินเพราะ อบต. สนับสนุน (ที่ อบต.ก็มีบ้านพักไว้รองรับขนาดนอนได้ 20-30 คนเรียงกันไป  คืนละ 500 บาทต่อหลัง) จากนั้นก็ได้เวลากลับ คืนรถ จัดของ และเตรียมตัวทานยาแก้เมารถก่อนรถบัสจะออกในเวลา 4.30 น.  แม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ ก็รู้สึกประทับใจในบรรยากาศของแม่ฮ่องสอนจัง  อยากแนะนำให้ไปท่องเที่ยวกันดู  ขอให้โชคดีค่ะ

26 ธันวาคม  2561
สร้อยอินทนิล
Credit นายเลี้ยงฮานากา  และพี่น้ำ