10 เหตุการณ์สุดประทับใจใน 10 ปีบาเยิร์นกับของอาร์เยน ร็อบเบน

หากท่าเต้น “มูนวอล์ค” คือเครื่องหมายการค้าของไมเคิ่ล แจ๊คสัน ในวงการเพลง ถ้าอย่างนั้นสำหรับวงการฟุตบอลแล้วคงต้องเรียกเครื่องหมายการค้าของร็อบเบนว่า “ฝันร้ายของกองหลัง”

พูดให้ละเอียดขึ้นไปอีกนิด เครื่องหมายการค้าของร็อบเบนก็คือการตัดเข้ากลาง แล้วบรรจงปั่นด้วยเท้าซ้าย ซึ่งการยิงประตูลักษณะนี้สร้างความสำเร็จมานักต่อนักและทะลายกำแพงคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาได้มากมาย

เป็นที่รู้กันว่าร็อบเบนจะเล่นให้ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิคในฤดูกาลนี้ (2018/19) เป็นฤดูกาลสุดท้ายแล้ว วันนี้เราขอพาไปย้อนชม 10 เหตุการณ์สุดประทับใจของร็อบเบนที่เกิดขึ้นในอาชีพค้าแข้งของเขากันเลย


1. ประเดิมสนามพบโวล์ฟสบวร์ก

ร็อบเบนย้ายจากเรอัล มาดริดมายังบาเยิร์นในช่วงซัมเมอร์ปี 2009 ท่ามกลางข้อกังขาว่าเขาจะเหมาะกับยอดทีมแห่งนี้จริงหรือ แต่แล้วข้อกังขาเหล่านั้นก็ถูกคลี่คลายตั้งแต่นัดแรกที่เขาลงประเดิมสนาม เมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังและยิง 2 ประตูรวด พาบาเยิร์นเอาชนะโวล์ฟสบวร์กไปได้ 3-0 ประตูด้วยลูกแอสซิสต์จากริเบรี แถมยังเป็นจุดกำเนิดคู่หูดูโอ้ตัวอันตราย “ร็อบเบรี” อีกด้วย

2. แฮตทริคแรกในบุนเดสลีกา

อาจฟังดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อว่าที่ริเบรีไม่ได้จ่ายแอสซิสต์ให้ร็อบเบนเลยในเกมที่เขาเก็บแฮตทริคแรกจากฮันโนเวอร์ได้ในฤดูกาล 2009/10 แต่เป็น มาร์ค ฟาน บอมเมล ฟิลิปป์ ลาห์ม และ อนาโตลี ติมอสชุค ที่ถวายพานให้ปีกดัตช์แมนเหมาแฮตทริคพาบาเยิร์นถล่มฮันโวเวอร์ไปถึง 7-0 ประตู นับเป็นแฮตทริคแรกในชีวิตการค้าแข้งในเยอรมนีของร็อบเบน และเขายังทำแอสซิสต์ได้ในนัดนั้นอีกด้วย


3. แชมป์บุนเดสลีกาครั้งแรก พ่วงรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี

หลังยิง 2 ประตูใส่แฮร์ธ่า เบอร์ลินในนัดปิดฤดูกาล ร็อบเบนก็ได้ฉลองแชมป์บุนเดสลีกาสมัยแรกเสียที แถมยังเป็นผู้เล่นเสือใต้ที่ยิงประตูได้มากที่สุดในฤดูกาลนั้น (16 ประตู) พ่วงด้วยดีกรีผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีในเยอรมนีประจำปี 2010 อีกด้วย

4. ฝันร้ายของซังต์ เพาลี

แม้ร็อบเบนจะอดลงเล่นครึ่งแรกของฤดูกาล 2010/11 เพราะอาการบาดเจ็บ แต่เขาก็กลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการยิง 12 ประตูกับทำอีก 10 แอสซิสต์จาก 14 นัดที่เหลือพาบาเยิร์นจบอันดับ 3 ในตาราง ตามหลังแชมป์ลีกปีนั้นซึ่งคือโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์อยู่ 10 แต้ม ส่วนทีมที่โชคร้ายที่สุดเห็นจะเป็น ซังต์ เพาลี ที่โดนร็อบเบนกดไป 2 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ในเกมชี้ชะตา สุดท้ายก็พ่ายให้กับเสือใต้ไปถึง 8-1 ประตู ตกชั้นไปเล่นในบุนเดสลีกา 2 ตามระเบียบ


5. ทริปเปิ้ลแชมป์ปี 2012/13

ร็อบเบนกลับบ้านมือเปล่าอีกครั้งในฤดูกาล 2011/12 หลังพลาดจุดโทษในเกมตัดสินแชมป์ลีกกับดอร์ทมุนด์ แถมยังต้องฝันร้ายพ่ายให้กับเชลซีในนัดชิงชนะเลิศยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีกอีก แต่ในฤดูกาลต่อมา (2012/13) เขาก็สามารถช่วยบาเยิร์นกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเหมาทั้งแชมป์ลีก ยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ เดเอฟเบ โพคาล และภาพที่ประวัติศาสตร์ฟุตบอลเยอรมันจะต้องจดจำไปอีกนานก็คือ เหตุการณ์ที่เขายิงประตูชัยพาบาเยิร์นคว่ำดอร์ทมุนด์ในนัดชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก ซึ่งสองทีมยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีโคจรมาฟัดกันเองเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ลูกหนัง

6. จุดสูงสุดของอาชีพในฤดูกาล 2014/15

หลายคนคงเดาว่าผู้เล่นอย่างร็อบเบนน่าจะฟอร์มร่วงลงตามอายุที่โรยราในช่วงใกล้วัยสามสิบ แต่ร็อบเบนนั้นยิงในลีกได้เกิน 10 ลูกเกือบทุกฤดูกาล โดยทำสถิติสูงสุดของตัวเองได้ที่ 17 ประตูในฤดูกาล 2014/15 แถมยังทำได้อีก 7 แอสซิสต์อีกด้วย น่าแปลกใจนะว่าทำไมทำผลงานเยี่ยมขนาดนี้แต่กลับได้ผลโหวตรางวัลบังลงดอร์ปี 2014 แค่อันดับ 4


7. ชนะครบร้อยนัดในศึกบุนเดสลีกา

ฤดูกาล 2014/15 จะเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ร็อบเบนจะไม่มีวันลืม เพราะเขาทำสถิติเก็บชัยชนะในบุนเดสลีกาเป็นนัดที่ 100 ในเกมที่เอาชนะฮันโนเวอร์ 3-1 ประตูโดยที่ลงเล่นน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ (126 นัด) ลองคิดดูว่าหากร็อบเบนไม่พลาดลงเล่นเพราะปัญหาอาการบาดเจ็บเลย สถิติจะโหดแค่ไหน

8. นักฟุตบอลที่วิ่งเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกปี 2014

สำหรับในวงการลูกหนังแล้ว ร็อบเบนถือว่าเป็นจอมสปริ้นท์ระดับเทพอย่างไร้คู่แข่งเลยทีเดียว ไม่เชื่อลองไปถามเซร์คิโอ รามอสได้! ในศึกฟุตบอลโลก 2014 นัดที่พบกับสเปน เขาวิ่งสปริ้นท์ระยะทาง 15.55 เมตรในเวลาเพียง 1.61 วินาที ทำความเร็วเฉลี่ยสูงถึง 22 ไมล์ต่อชั่วโมง ปล่อยให้รามอสวิ่งตามอย่างเวิ้งว้างอยู่ภายหลัง จบเกมฮอลแลนด์เอาชนะสเปนไปได้ถึง 5-1 ประตู ถือเป็นการแก้แค้นทัพลา โรฆา ที่เอาชนะฮอลแลนด์ได้อย่างน่าเจ็บใจในช่วงต่อเวลาพิเศษ นัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลโลกปี 2010 โดยสุดท้ายแล้วร็อบเบนยังพาฮอลแลนด์คว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลกปี 2014 ไปครองได้ด้วย


9. ของแสลงดอร์ทมุนด์

ดอร์ทมุนด์ต้องเผชิญกับร็อบเบนมาหลายต่อหลายนัด พวกเขารู้จักนักเตะตัวจี๊ดรายนี้แบบรอบด้าน แต่ก็หยุดความร้อนแรงของร็อบเบนไม่ได้สักที โดยเฉพาะในนัดที่เสือใต้ยกพลมาเยือนถิ่นซิกนัล อิดูน่าพาร์ค ในเดือนพฤศจิกายนปี 2017 ซึ่งเกมนั้นร็อบเบนสวมปลอกแขนกัปตันทีมแทนมานูเอล นอยเออร์ และโทมัส มึลเลอร์ เขาใช้เวลาเพียง 17 นาทียิงประตูลูกที่ 11 ใส่ดอร์ทมุนด์จากทั้งหมด 19 เกมที่พบกัน

10. 100 ประตูกับบาเยิร์น และแชมป์ลีกสมัยที่ 8 ???

และแล้วเวลาของร็อบเบนในถิ่นเสือใต้ก็กำลังจะจบลง ฝันร้ายของเหล่ากองหลังที่ยาวนานกว่า 10 ปีกำลังจะหายไป ร็อบเบนยิงให้กับบาเยิร์นในบุนเดสลีกาทะลุร้อยลูกเข้าไปแล้ว มีอีกสถิติเดียวที่เขาตั้งใจมุ่งมั่นทำให้สำเร็จก่อนจะก้าวออกไปคือการคว้าแชมป์บุนเดสลีกาสมัยที่ 8 กับบาเยิร์น มิวนิคในฤดูกาลสุดท้ายในเยอรมนี แม้ว่าเขาจะทำได้สำเร็จหรือไม่ ร็อบเบนก็ยังคู่ควรกับการเข้าไปอยู่ใน “ฮอลออฟเฟม” ของทีมเสือใต้อยู่ดี ว่าไหม?


credit : www.siamsport.co.th
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่