สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 27
มันขึ้นอยู่กับการตีความค่ะ
ก่อนอื่นก็ขอออกตัวก่อนนะคะ ว่านี่เป็นความเห็นส่วนตัว โดยที่มีหลักฐานและเหตุผลประกอบเป็นบางส่วน
เราอยากให้ทุกคนลองเปิดใจอ่านที่เราเขียน แล้วเข้าสู่ข้อสรุปเอาเองว่าเป็นการดิส RM ของ Bobby หรือเปล่า
เราแปลเนื้อเพลงจากภาษาอังกฤษนะคะ แล้วเราจะแนบต้นฉบับให้ด้วย (เขาแปลมาจากภาษาเกาหลีอีกที แต่เนื่องจากเราไม่สามารถเข้าใจภาษาเกาหลีได้ เราก็ต้องเชื่อตามที่เข้าแปลมาอีกที อาจมีอะไรที่ผิดผลาดไปบ้าง ก็ขออภัยด้วยนะคะ เราเลือกแหล่งที่คิดว่าเชื่อถือได้ที่สุดสำหรับเราแล้ว)
เอาล่ะมาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่าค่ะ
นี่คือความหมายของเนื้อแรปของบ็อบบี้ในเพลง COM
มาจากลิงค์ด้านล่าง เราเห็นหลายที่เอามา แล้วแปลเหมือนกัน น่าจะมาจากแหล่งเดียวกัน
https://colorcodedlyrics.com/2014/12/masta-wu-com-iliwabwa-feat-dok2-bobby
I’m talkin bout. I’m talkin bout the
saliva of a one-day old puppy – Young blood’s pride
I’m the focal point of the saying
“a needle thief becomes a cow thief”
I’m on the top so I’m roaring and crushing it1
If you thought I was easy like water,
you better watch out like Tabasco
I live the fast life, don’t need to be a pretty boy
They call me a monster, I’ve never called myself that
You all are completely made of glass,
much better than the basement dungeon
If skill equals to looks,
I’m Won Bin in front of a bulletproof glass
If I make a hit,
I rake up all the work of the tone-deaf rappers
With nothing to do, you just pick at your teeth
Don’t acknowledge me as your junior,
stop acting like we’re close – If you don’t like me,
chip away at my attitude with your skill
ท่อนที่เป็นประเด็น คือตรงที่เราทำการไฮไลต์ไว้ให้
แต่จากอีกเวป (จาก soompi) เขาแปลว่า
“They call me a monster / It’s not a name I made / You prefer a full-length mirror over a basement dungeon, don’t you / If skills are looks, then I’m Won Bin in front of a bulletproof glass.”
ถ้าอ่านเข้าใจ มันจะมีที่ต่างกันอยู่นิดหน่อย เราจึงเลือกมาทั้งคู่ เพราะอันด้านบนจะเห็นครอบคลุมกว่า
ต่อไปเราจะวิเคราะห์เนื้อ ตามความเข้าใจของเราให้นะคะ การจะแปลความหมาย ตีความ มีความจำเป็นที่เราต้องเห็นภาพกว้างๆ เพราะการแปลเพียงประโยคเดี่ยวๆ อาจจะให้เรามองประเด็นที่ผู้เขียนพยายามจะสื่อได้ไม่ครบถ้วนดีพอ เราจึงเลือกมาทั้งหมด เพื่อให้เห็นภาพโดยรวมได้ง่ายขึ้น แต่แน่นอนว่าเราก็ไม่มีทางที่จะทราบได้อย่างแน่นอนหรอกว่า สิ่งที่เราคิดจะเป็นสิ่งที่ผู้เขียนพยายามจะสื่อจริงๆ หรือเป็นการเล่นคำให้มีหลายความหมายจริงๆ อีกอย่างเราแปลที่เขาแปลอีกที อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีทางจะถูกต้องไปทั้งหมดได้ มันต้องมีบางส่วนที่หล่นหายไปบ้างระหว่างที่แปล
เราอยากให้ดูที่การเลือกใช้คำ pretty boy, monster, looks และWon Bin เป็นคำที่มีความหมายเกี่ยวกับ รูปร่าง หน้าตา
และคำที่เกี่ยวกับกระจก แก้ว คือ glass และ bulletproof glass
เราเห็นคนส่วนใหญ่จะตัดประโยคแรกไป (I live the fast life, don’t need to be a pretty boy) และเริ่มที่ They call me a monster, I’ve never called myself that แต่เราเลือกที่จะเชื่อว่า มันมีความเชื่อมโยงกันอยู่
I live the fast life, don’t need to be a pretty boy - ฉันน่ะเลือกที่รีบจะโตเป็นผู้ใหญ่ไวๆ ไม่จำเป็นหรอกนะที่จะต้องดูดีน่ะ
(จะทำมันทุกอย่างที่เลย ต่อให้ต้องดูแย่ก็จะทำ เพราะตอนนั้นบ็อบบี้ต้องการที่จะหาเงินมากๆ อยากที่จะประสบความสำเร็จเร็วๆ อยากพาครอบครัวกลับมาอยู่เกาหลี)
They call me a monster, I’ve never called myself that - เขาเรียกฉันว่า monster ฉันไม่เคยเรียกตัวเองอย่างนั้น
(อาจแปลความหมายได้ว่า เขาน่ะวิจารณ์ว่าฉันเป็นเหมือนปีศาจ เป็นการว่ากล่าว แต่ฉันน่ะก็ไม่สนหรอกนะ ฉันไม่เคยเห็นว่าตัวเองจะเป็นอย่างนั้น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบ็อบบี้ ใครจะว่าอะไรก็ช่างมัน และยังเป็นการเล่นคำระหว่าง pretty boy และ monster ได้อีกด้วย)
1 You all are completely made of glass, much better than the basement dungeon - นายน่ะมันทำมาจากกระจก ดีซะกว่าห้องใต้ดินซะอีก
2 You prefer a full-length mirror over a basement dungeon, don’t you - นายน่ะเลือกที่จะเป็นกระจกแบบเต็มบาน มากว่าห้องใต้ดิน ใช่ไหมล่ะ
ทั้งสองประโยคนี้ มีความหมายที่ต่างกัน แต่แปลมาจากเนื้อท่อนเดียวกัน โดยผู้แปลต่างคนกัน เราเองก็ไม่แน่ใจนักว่าต้องการจะสื่อถึงอะไร อาจเป็นประโยคที่มีความหมายในภาษาเกาหลี อาจจะเป็นการเล่นคำกับประโยคถัดไปก็เป็นได้
If skill equals to looks, I’m Won Bin in front of a bulletproof glass - หากว่าทักษะ เปรียบได้กับหน้าตาแล้วล่ะก็
ฉันน่ะ คือ วอนบินที่อยู่หน้ากระจกกันกระสุนเลย
(ทักษะดี = หล่อ หน้าตาดี โดยวอนบิน ขึ้นชื่อว่าเป็นดาราที่คนเกาหลีให้การยอมรับว่าหน้าตาดีมากคนหนึ่ง มันเป็นฉากในหนังเรื่อง Man From Nowhere วอนบินขึ้นไปอยู่บนกระโปรงรถ แล้วพยายามที่จะเอาปืนยิงกระจกกันกระสุนของรถให้แตก เป็นการสื่อให้เห็นถึงสิ่งที่ทำได้ยาก หรืออาจไม่ได้ผล แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ)
ถ้าสนใจจริงจัง ก็ลองไปอ่านลองวิเคราะห์ดูเล่นๆได้ อ่านเนื้อเพลงดูทั้งเพลง มันตีได้หลายความหมายจริงๆ แล้วแต่ว่าคุณจะคิดว่าเป็นแบบไหน
บางครั้งก็อยากให้ลองดูหลายๆทางดูบ้าง อย่าเชื่อเพียงเพราะเขาเล่าว่า คนที่แปลอาจยังขาดประสบการณ์ อย่างลิงค์ที่เอามาลองกดเข้าไปอ่านแหล่งที่มาดูแล้ว ก็มีที่แปลผิด
แหล่งมาจาก https://www.koreaboo.com/stories/dol-rivalries-beefs-never-knew/
แหล่งที่มาของ Allkpop น่าจะแปลมาจากบทความเดียวกันกับของ Soompi ที่แปลมาจาก Naver อีกที สำหรับคนที่สนใจ เราจะแนบลิงค์ให้ ลองไปกดอ่านกันดู
https://www.allkpop.com/article/2015/01/rap-monster-talks-about-the-diss-tracks-between-him-and-ikons-bobby
https://www.soompi.com/article/696701wpp/bts-rap-monster-speaks-up-about-his-diss-battle-with-bobby
https://entertain.naver.com/ranking/read?oid=108&aid=0002383457
ด้วยความเคารพค่ะ
ก่อนอื่นก็ขอออกตัวก่อนนะคะ ว่านี่เป็นความเห็นส่วนตัว โดยที่มีหลักฐานและเหตุผลประกอบเป็นบางส่วน
เราอยากให้ทุกคนลองเปิดใจอ่านที่เราเขียน แล้วเข้าสู่ข้อสรุปเอาเองว่าเป็นการดิส RM ของ Bobby หรือเปล่า
เราแปลเนื้อเพลงจากภาษาอังกฤษนะคะ แล้วเราจะแนบต้นฉบับให้ด้วย (เขาแปลมาจากภาษาเกาหลีอีกที แต่เนื่องจากเราไม่สามารถเข้าใจภาษาเกาหลีได้ เราก็ต้องเชื่อตามที่เข้าแปลมาอีกที อาจมีอะไรที่ผิดผลาดไปบ้าง ก็ขออภัยด้วยนะคะ เราเลือกแหล่งที่คิดว่าเชื่อถือได้ที่สุดสำหรับเราแล้ว)
เอาล่ะมาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่าค่ะ
นี่คือความหมายของเนื้อแรปของบ็อบบี้ในเพลง COM
มาจากลิงค์ด้านล่าง เราเห็นหลายที่เอามา แล้วแปลเหมือนกัน น่าจะมาจากแหล่งเดียวกัน
https://colorcodedlyrics.com/2014/12/masta-wu-com-iliwabwa-feat-dok2-bobby
I’m talkin bout. I’m talkin bout the
saliva of a one-day old puppy – Young blood’s pride
I’m the focal point of the saying
“a needle thief becomes a cow thief”
I’m on the top so I’m roaring and crushing it1
If you thought I was easy like water,
you better watch out like Tabasco
I live the fast life, don’t need to be a pretty boy
They call me a monster, I’ve never called myself that
You all are completely made of glass,
much better than the basement dungeon
If skill equals to looks,
I’m Won Bin in front of a bulletproof glass
If I make a hit,
I rake up all the work of the tone-deaf rappers
With nothing to do, you just pick at your teeth
Don’t acknowledge me as your junior,
stop acting like we’re close – If you don’t like me,
chip away at my attitude with your skill
ท่อนที่เป็นประเด็น คือตรงที่เราทำการไฮไลต์ไว้ให้
แต่จากอีกเวป (จาก soompi) เขาแปลว่า
“They call me a monster / It’s not a name I made / You prefer a full-length mirror over a basement dungeon, don’t you / If skills are looks, then I’m Won Bin in front of a bulletproof glass.”
ถ้าอ่านเข้าใจ มันจะมีที่ต่างกันอยู่นิดหน่อย เราจึงเลือกมาทั้งคู่ เพราะอันด้านบนจะเห็นครอบคลุมกว่า
ต่อไปเราจะวิเคราะห์เนื้อ ตามความเข้าใจของเราให้นะคะ การจะแปลความหมาย ตีความ มีความจำเป็นที่เราต้องเห็นภาพกว้างๆ เพราะการแปลเพียงประโยคเดี่ยวๆ อาจจะให้เรามองประเด็นที่ผู้เขียนพยายามจะสื่อได้ไม่ครบถ้วนดีพอ เราจึงเลือกมาทั้งหมด เพื่อให้เห็นภาพโดยรวมได้ง่ายขึ้น แต่แน่นอนว่าเราก็ไม่มีทางที่จะทราบได้อย่างแน่นอนหรอกว่า สิ่งที่เราคิดจะเป็นสิ่งที่ผู้เขียนพยายามจะสื่อจริงๆ หรือเป็นการเล่นคำให้มีหลายความหมายจริงๆ อีกอย่างเราแปลที่เขาแปลอีกที อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีทางจะถูกต้องไปทั้งหมดได้ มันต้องมีบางส่วนที่หล่นหายไปบ้างระหว่างที่แปล
เราอยากให้ดูที่การเลือกใช้คำ pretty boy, monster, looks และWon Bin เป็นคำที่มีความหมายเกี่ยวกับ รูปร่าง หน้าตา
และคำที่เกี่ยวกับกระจก แก้ว คือ glass และ bulletproof glass
เราเห็นคนส่วนใหญ่จะตัดประโยคแรกไป (I live the fast life, don’t need to be a pretty boy) และเริ่มที่ They call me a monster, I’ve never called myself that แต่เราเลือกที่จะเชื่อว่า มันมีความเชื่อมโยงกันอยู่
I live the fast life, don’t need to be a pretty boy - ฉันน่ะเลือกที่รีบจะโตเป็นผู้ใหญ่ไวๆ ไม่จำเป็นหรอกนะที่จะต้องดูดีน่ะ
(จะทำมันทุกอย่างที่เลย ต่อให้ต้องดูแย่ก็จะทำ เพราะตอนนั้นบ็อบบี้ต้องการที่จะหาเงินมากๆ อยากที่จะประสบความสำเร็จเร็วๆ อยากพาครอบครัวกลับมาอยู่เกาหลี)
They call me a monster, I’ve never called myself that - เขาเรียกฉันว่า monster ฉันไม่เคยเรียกตัวเองอย่างนั้น
(อาจแปลความหมายได้ว่า เขาน่ะวิจารณ์ว่าฉันเป็นเหมือนปีศาจ เป็นการว่ากล่าว แต่ฉันน่ะก็ไม่สนหรอกนะ ฉันไม่เคยเห็นว่าตัวเองจะเป็นอย่างนั้น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบ็อบบี้ ใครจะว่าอะไรก็ช่างมัน และยังเป็นการเล่นคำระหว่าง pretty boy และ monster ได้อีกด้วย)
1 You all are completely made of glass, much better than the basement dungeon - นายน่ะมันทำมาจากกระจก ดีซะกว่าห้องใต้ดินซะอีก
2 You prefer a full-length mirror over a basement dungeon, don’t you - นายน่ะเลือกที่จะเป็นกระจกแบบเต็มบาน มากว่าห้องใต้ดิน ใช่ไหมล่ะ
ทั้งสองประโยคนี้ มีความหมายที่ต่างกัน แต่แปลมาจากเนื้อท่อนเดียวกัน โดยผู้แปลต่างคนกัน เราเองก็ไม่แน่ใจนักว่าต้องการจะสื่อถึงอะไร อาจเป็นประโยคที่มีความหมายในภาษาเกาหลี อาจจะเป็นการเล่นคำกับประโยคถัดไปก็เป็นได้
If skill equals to looks, I’m Won Bin in front of a bulletproof glass - หากว่าทักษะ เปรียบได้กับหน้าตาแล้วล่ะก็
ฉันน่ะ คือ วอนบินที่อยู่หน้ากระจกกันกระสุนเลย
(ทักษะดี = หล่อ หน้าตาดี โดยวอนบิน ขึ้นชื่อว่าเป็นดาราที่คนเกาหลีให้การยอมรับว่าหน้าตาดีมากคนหนึ่ง มันเป็นฉากในหนังเรื่อง Man From Nowhere วอนบินขึ้นไปอยู่บนกระโปรงรถ แล้วพยายามที่จะเอาปืนยิงกระจกกันกระสุนของรถให้แตก เป็นการสื่อให้เห็นถึงสิ่งที่ทำได้ยาก หรืออาจไม่ได้ผล แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ)
ถ้าสนใจจริงจัง ก็ลองไปอ่านลองวิเคราะห์ดูเล่นๆได้ อ่านเนื้อเพลงดูทั้งเพลง มันตีได้หลายความหมายจริงๆ แล้วแต่ว่าคุณจะคิดว่าเป็นแบบไหน
บางครั้งก็อยากให้ลองดูหลายๆทางดูบ้าง อย่าเชื่อเพียงเพราะเขาเล่าว่า คนที่แปลอาจยังขาดประสบการณ์ อย่างลิงค์ที่เอามาลองกดเข้าไปอ่านแหล่งที่มาดูแล้ว ก็มีที่แปลผิด
แหล่งมาจาก https://www.koreaboo.com/stories/dol-rivalries-beefs-never-knew/
แหล่งที่มาของ Allkpop น่าจะแปลมาจากบทความเดียวกันกับของ Soompi ที่แปลมาจาก Naver อีกที สำหรับคนที่สนใจ เราจะแนบลิงค์ให้ ลองไปกดอ่านกันดู
https://www.allkpop.com/article/2015/01/rap-monster-talks-about-the-diss-tracks-between-him-and-ikons-bobby
https://www.soompi.com/article/696701wpp/bts-rap-monster-speaks-up-about-his-diss-battle-with-bobby
https://entertain.naver.com/ranking/read?oid=108&aid=0002383457
ด้วยความเคารพค่ะ
ความคิดเห็นที่ 3
ย้อนกลับไปในปี 2014 สถานการณ์ระหว่าง 2 คนนี้เริ่มขึ้นเมื่อบ๊อบบี้ปล่อยเพลง Com ซึ่งเนื้อเพลงดูจะไปกระทบกับแร็พมอนสเตอร์เข้า ท่อนที่บ๊อบบี้แร็พคือ :
“เรียกผมว่ามอนสเตอร์ แต่ผมไม่ได้ตั้งชื่อตัวเองแบบนั้น ถ้าว่ากันด้วยความสามารถและหน้าตา ผมก็คือวอนบินที่มีกระจกกันกระสุน” – บ๊อบบี้
หลายคนตีความว่า ‘มอนสเตอร์’ และ ‘กระจกกันกระสุน’ (bulletproof glass) ในท่อนแร๊พนี้หมายถึง แร๊พมอนสเตอร์ เพราะทั้งชื่อ และคำว่า bulletproof glass นั้นคล้องจองกับชื่อของลีดเดอร์แห่งบังทันบอย และชื่อวงอย่างเป็นทางการของ BTS (Bulletproof Boy Scouts)
ไม่นานหลังจากนั้นแร๊พมอนสเตอร์ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้
“จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับที่ดิสกัน เพราะแร๊ปเปอร์ชื่อดังหลายคนก็ทำสิ่งนี้ ฟังจากแร๊พท่อนนั้นแล้ว ผมว่าเขาหมายถึงผมจริงๆนั่นแหละ ดังนั้นผมว่าผมต้องทำอะไรบางอย่างบ้างแล้ว” – แร๊พมอนสเตอร์
ในงาน Mnet Asian Music Awards 2014 แร๊พมอนสเตอร์ได้ปรับเปลี่ยนเนื้อเพลงของบ๊อบบี้เล็กน้อย “วางความมั่นใจของนายลงซะ แล้วฟังฉันแร๊พของฉันซะ”
แร๊พมอนสเตอร์ได้ออกมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลง เนื่องจากคิดว่าหลายคนคงคิดว่าเขาโกรธบ๊อบบี้ในเรื่องนี้
“แร็ปเปอร์สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของพวกเขาผ่านทางการแร็พ พวกเขาแต่งเนื้อเพลงขึ้นมาจากความรู้สึกในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งจากนั้นความรู้สึกเหล่านั้นก็จะผ่านไป ในเวลานั้นผมเติมเต็มเนื้อเพลงโดยใช้ความคิดและอารมณ์ในขณะนั้น มันไม่ใช่การดิสหรอกครับ เพราะถ้าดิสกันจริง ผมคงทำให้มันรุนแรงแล้วก็ใช้คำที่ตรงกว่านี้” – แร๊พมอนสเตอร์
แร๊พมอนสเตอร์และบ๊อบบี้มีโอกาสได้เจอกันที่งานประกาศรางวัล พวกเขาต่างทักทายกันอย่างเป็นมิตร อย่างไรก็ตามแฟนคลับหลายคนยังคงเชื่อว่าทั้งสองคนยังคงมีอะไรในใจ ถ้าอัดอั้นไม่ไหวเมื่อไหร่ วันนั้นเราคงได้ฟังศึกดิสแร็พของทั้งคู่เอง
credit : http://www.popcornfor2.com/content/การเปิดศึกดิสแร็พกันระหว่างเหล่าไอดอล-ที่คุณอาจไม่เคยรู้-news-105481
ในความติดของเรานะคะ การจะดิสกันในหมู่แร๊ปเปอร์เราเข้าใจนะคะว่าเป็นเรื่องปกติ แต่การดิสกันในเชิงดูถูกเรื่องหน้าตา เรามองว่า เห้ย มันไม่โอเคนะ แล้วยิ่งเค้าเองก็เป็นไอด้อลเหมือนกันด้วยแล้ว ทัศนะคติเค้าไม่ค่อยโอเคเลยนะในสายตาเรา “ถ้าว่ากันด้วยความสามารถและหน้าตา ผมก็คือวอนบินที่มีกระจกกันกระสุน” ท่อนนี้ไม่โอเคเลยนะ
“เรียกผมว่ามอนสเตอร์ แต่ผมไม่ได้ตั้งชื่อตัวเองแบบนั้น ถ้าว่ากันด้วยความสามารถและหน้าตา ผมก็คือวอนบินที่มีกระจกกันกระสุน” – บ๊อบบี้
หลายคนตีความว่า ‘มอนสเตอร์’ และ ‘กระจกกันกระสุน’ (bulletproof glass) ในท่อนแร๊พนี้หมายถึง แร๊พมอนสเตอร์ เพราะทั้งชื่อ และคำว่า bulletproof glass นั้นคล้องจองกับชื่อของลีดเดอร์แห่งบังทันบอย และชื่อวงอย่างเป็นทางการของ BTS (Bulletproof Boy Scouts)
ไม่นานหลังจากนั้นแร๊พมอนสเตอร์ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้
“จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับที่ดิสกัน เพราะแร๊ปเปอร์ชื่อดังหลายคนก็ทำสิ่งนี้ ฟังจากแร๊พท่อนนั้นแล้ว ผมว่าเขาหมายถึงผมจริงๆนั่นแหละ ดังนั้นผมว่าผมต้องทำอะไรบางอย่างบ้างแล้ว” – แร๊พมอนสเตอร์
ในงาน Mnet Asian Music Awards 2014 แร๊พมอนสเตอร์ได้ปรับเปลี่ยนเนื้อเพลงของบ๊อบบี้เล็กน้อย “วางความมั่นใจของนายลงซะ แล้วฟังฉันแร๊พของฉันซะ”
แร๊พมอนสเตอร์ได้ออกมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลง เนื่องจากคิดว่าหลายคนคงคิดว่าเขาโกรธบ๊อบบี้ในเรื่องนี้
“แร็ปเปอร์สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของพวกเขาผ่านทางการแร็พ พวกเขาแต่งเนื้อเพลงขึ้นมาจากความรู้สึกในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งจากนั้นความรู้สึกเหล่านั้นก็จะผ่านไป ในเวลานั้นผมเติมเต็มเนื้อเพลงโดยใช้ความคิดและอารมณ์ในขณะนั้น มันไม่ใช่การดิสหรอกครับ เพราะถ้าดิสกันจริง ผมคงทำให้มันรุนแรงแล้วก็ใช้คำที่ตรงกว่านี้” – แร๊พมอนสเตอร์
แร๊พมอนสเตอร์และบ๊อบบี้มีโอกาสได้เจอกันที่งานประกาศรางวัล พวกเขาต่างทักทายกันอย่างเป็นมิตร อย่างไรก็ตามแฟนคลับหลายคนยังคงเชื่อว่าทั้งสองคนยังคงมีอะไรในใจ ถ้าอัดอั้นไม่ไหวเมื่อไหร่ วันนั้นเราคงได้ฟังศึกดิสแร็พของทั้งคู่เอง
credit : http://www.popcornfor2.com/content/การเปิดศึกดิสแร็พกันระหว่างเหล่าไอดอล-ที่คุณอาจไม่เคยรู้-news-105481
ในความติดของเรานะคะ การจะดิสกันในหมู่แร๊ปเปอร์เราเข้าใจนะคะว่าเป็นเรื่องปกติ แต่การดิสกันในเชิงดูถูกเรื่องหน้าตา เรามองว่า เห้ย มันไม่โอเคนะ แล้วยิ่งเค้าเองก็เป็นไอด้อลเหมือนกันด้วยแล้ว ทัศนะคติเค้าไม่ค่อยโอเคเลยนะในสายตาเรา “ถ้าว่ากันด้วยความสามารถและหน้าตา ผมก็คือวอนบินที่มีกระจกกันกระสุน” ท่อนนี้ไม่โอเคเลยนะ
ความคิดเห็นที่ 8
ไม่ได้จะบอกว่าการแซะการด่ากันมันปกตินะ
แต่การแรปแซะกัน ดิสกันนี่มันเป็นเรื่องธรรมดามากกกกกกกอ่ะ
บ๊อบบี้ดิสเท่านี้ถือว่าเบาๆพอคันๆไม่ถึงกับแสบด้วยซ้ำ ในSMTMนี่ด่ากราดกวาดทั้งวงการไอดอลแรปเปอร์เลย แรงๆหยาบๆกว่านี้มีอีกเยอะ
คนที่จะเจ็บๆเคืองๆมองว่ามันไม่เหมาะ น่าจะเป็นแฟนคลับสายไอดอลโดยแท้ที่ยังไม่ค่อยชินกับการแซะกันผ่านการแรปเท่าไร
ให้นึกไว้ว่าถ้ามีคนมาดิสแรปใส่แปลว่ายังมีส่วนให้น่านึกถึงในวงการแรปบ้าง ถ้าเป็นแรปเปอร์ดังๆมีชื่อเสียงแล้วไม่โดนแรปพาดพิงเลย มันเหมือนขาดอะไรบางอย่างอ่ะ มีแบบนี้บ้างมันก็สีสันชีวิต
แต่การแรปแซะกัน ดิสกันนี่มันเป็นเรื่องธรรมดามากกกกกกกอ่ะ
บ๊อบบี้ดิสเท่านี้ถือว่าเบาๆพอคันๆไม่ถึงกับแสบด้วยซ้ำ ในSMTMนี่ด่ากราดกวาดทั้งวงการไอดอลแรปเปอร์เลย แรงๆหยาบๆกว่านี้มีอีกเยอะ
คนที่จะเจ็บๆเคืองๆมองว่ามันไม่เหมาะ น่าจะเป็นแฟนคลับสายไอดอลโดยแท้ที่ยังไม่ค่อยชินกับการแซะกันผ่านการแรปเท่าไร
ให้นึกไว้ว่าถ้ามีคนมาดิสแรปใส่แปลว่ายังมีส่วนให้น่านึกถึงในวงการแรปบ้าง ถ้าเป็นแรปเปอร์ดังๆมีชื่อเสียงแล้วไม่โดนแรปพาดพิงเลย มันเหมือนขาดอะไรบางอย่างอ่ะ มีแบบนี้บ้างมันก็สีสันชีวิต
แสดงความคิดเห็น
Bobby ikon เคยเเรพเเซะ RM BTS หรอครับ