ข้อมูลทุกอย่าง : เน้นการใช้ภาษาและความเข้าใจง่ายและพูดถึงแผ่นลิขสิทธิ์เท่านั้น
ภาพประกอบ : ยังไม่ได้ถ่ายจากของตัวเอง เป็นการยืมภาพจากอากู๋มาประกอบ
[ Bluray ]
- คือแผ่นที่ให้รายละเอียดของภาพและเสียงในระดับที่สูงกว่าแผ่นดีวีดี
ซึ่งน่าตาของแผ่นบลูเรย์กับดีวีดี เหมือนกันทุกอย่าง "ต่างกัน" ที่ชื่อเรียกและ "แพ็คเกจใส่"
[ Bluray แผ่นแม่สาย ]
- มันคือแผ่นปลอมที่ไม่มีคุณภาพ ถ้านึกอะไรไม่ออกให้นึกถึง "แผ่นไรท์ที่มีกล่องสวยแค่นั้น"
[ ร้านขายแผ่นปัจจุบันยังมีอยู่ไหม ]
- มีอยู่ โดยผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่หลักๆ ตอนนี้คือร้านบูมเมอแรง ซึ่งมีอยู่หลายสาขา แต่ส่วนร้านอื่นๆ เช่นแมงป่อง ,Cap และอื่นๆ มีการลดจำนวนสาขาและยุบบางสาขาจริง แต่ร้านหนังมันก็ไม่ได้หายไปอย่างถาวร เพราะต่อให้ทุกวันนี้ระบบสตริมมิ่งจะมาครอง แต่เป็นแค่ช่องทางเลือกช่องทางนึงเท่านั้นซึ่งระบบโดยรวมของสตริมมิ่งยังไงมันก็สู้การดูแผ่นไม่ได้อยู่ดี อีกทั้งส่วนหนึ่งคนนิยมหันมาสั่งออนไลน์กันมากขึ้น เพราะสะดวกและสามารถจองหนังได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องไปยืนคอยหรือรอของแบบสมัยก่อน แถมการสั่งออนไลน์ชอบมีโปรเด็ดๆ มาให้เรื่อยๆ ดังนั้นการมีหน้าร้าน อาจจะไม่จำเป็นต้องมีกระจายสาขาทั่วแบบสมัยก่อน
[ ความนิยมการเล่นแผ่นในปัจจุบัน ]
- ยกตัวอย่างกรณีที่เมืองนอก เค้ายังนิยมการสะสมแผ่นอยู่ และมันก็ไม่ได้น้อยลงเลยแถมเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยทุกๆ วันนี้ที่เมืองนอก
ก็มีการรีมาสเตอร์หนังเก่าลงบลูเรย์ พร้อมทำแพ็คเกจสวยๆ ให้สะสมกัน เพียงแต่นักสะสมบางส่วนเค้าจะไม่ยอมแกะซิลแผ่นตัวเองออกมา เพราะเน้นสะสมโดยตรง แล้วค่อยไปซื้อไฟล์แยกออกมาเพื่อดูแค่นั้น และอาจจะมีพวกใจดี ที่ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้วก็คงปล่อยว่อนไปตามบิท
แต่มันก็ยังมีอีกบางส่วน ที่ซื้อมาเพื่อเสพความงามของระบบแผ่นโดยตรง แล้วสะสมบูชาขึ้นหิ้ง ย้ำว่าขึ้นหิ้งจริงๆ
ในขณะที่คนไทย(บางส่วน)กลับมองว่าหนังเก่าคือหนังเก่า ต่อให้มันดีแค่ไหน เค้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร และมองว่ามันไม่ควรค่าที่จะเสียเงินเก็บแผ่น รอดูรีเมคหรือดูฟรีคุ้มกว่า ในขณะที่เมืองนอกเค้าตื่นเต้นกันมากในทุกๆ ครั้งที่หนังเก่ารีมาสเตอร์ใหม่ลงบลูเรย์
[ ความนิยมในเมืองไทย ]
- จากประสบการณ์ตรงเลย คนใกล้ตัวบางคนเค้าไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าแผ่นบลูเรย์คืออะไร และในส่วนคนที่รู้ ส่วนนึงที่ไม่ค่อยนิยมเป็นฟอร์แมทหลักในไทยอาจเพราะเรื่องของราคา เพราะการที่จะเล่นแผ่นบลูเรย์จะต้องมีเครื่องเล่นเฉพาะ เป็นต้น อีกทั้งคนบางส่วนอาจดูหนังแค่เอามันส์และไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพของภาพที่ได้
[ อายุของแผ่น ]
- จากที่เคยหาข้อมูลมาเค้าเครมไว้แล้วว่า 80-90 ปี (ถ้าดูแลรักษาถูกวิธี)
[ Package หรือกล่อง ]
- แผ่นบลูเรย์มีหลายแพ็คเกจมาก หลักๆ ก็จะมี
- กล่องฟ้าธรรมดา
ข้อดี : ราคาถูกที่สุด เก็บรักษาง่าย
ข้อเสีย : ไม่สวย สภาพเหมือนหนังลดราคา
ราคา : 599 บาท , 899 บาท พอเวลาลดราคาราคาต่ำสุดอยู่ที่ 199 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- กล่องฟ้า+ปกสวม
ข้อดี : ราคาถูก เก็บรักษาง่าย ดูสวยขึ้นมาอีกระดับ
ข้อเสีย : มันเป็นกระดาษ ถ้าโดนน้ำและรักษาไม่ดีก็บวมหรือยุ่ยได้
ราคา : 599 บาท 899 บาท เวลาลดาราคาต่ำสุดส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 350 บาท หรืออาจถูกกว่านั้น(เวลามีโปรน่ารักๆ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- กล่องเหล็ก
ข้อดี : สวย หน้าปกไม่เหมือนกล่องอื่นๆ (เพราะถูกดีไซด์ออกมาเฉพาะ)
ข้อเสีย : ราคาสูง และหากรักษาไม่ดี เสี่ยงทั้งสนิมและบุบ (ต้องใส่ซองถนอม)
ราคา : เริ่มต้นที่ 1050 บาท 1290 บาท 1390 บาท 1550 บาท 1790 บาท
ส่วนเวลาลดราคา ต่ำสุดที่เคยเจอคือ 350 บาท(เป็นหนังเก่า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- สมุดภาพ
ข้อดี : มีภาพสวยๆ และข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ให้อ่าน
ข้อเสีย : ราคาสูงเกือบเท่ากล่องเหล็ก วัสดุรวมเป็นกระดาษ รักษาไม่ดีมีสิทธขาดและมุมกล่องยุบได้
ราคา : เริ่มต้นที่ 1050 บาท ส่วนราคาเวลาลด ต่ำสุดที่เคยเห็นคือ 699 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- บ็อกเซ็ท
ข้อดี : อลังการ ด้วยดีไซด์กล่องที่ถูกออกแบบมาให้ตรงกับเรื่องที่เราซื้อ อาจจะเป็นปราสาท หัวกะโหลก
ข้อเสีย : ราคาสูง กล่องใหญ่ หากไม่มีตู้สำหรับเก็บโดยเฉพาะจะเป็นอะไรที่เกะกะบ้านมาก
ราคา : เริ่มต้นที่ 1500 บาท 2000 บาท ยันเกือบหมื่นก็มี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ดิจิแพค
ข้อดี : ราคาไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป กล่องสวย ส่วนใหญ่แพ็คเกจแบบนี้จะเป็นการรวมหนังภาคต่อไว้ด้วยกัน
ข้อเสีย : วัสดุเป็นกระดาษ บางเรื่องวางแผ่นเป็นแนวยาว จะดูทีต้องกางออก มีกี่ภาคก็กางออกไปตามจำนวน
ราคา : เริ่มต้นที่ 2000 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[ หมายเหตุ ]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทุกแพ็คเกจ เป็นการประเมิณข้างต้นเฉพาะเรื่องที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย หากเรื่องไหนมีแผ่น 3D และแผ่น Bonus แถมมาราคาก็จะสูงขึ้น ไม่ว่าหนังเรื่องนั้นจะเป็นแพ็จไหนก็ตาม
[ ซื้อแบบไหนที่คุ้มค่า ]
- กรณีหนังภาคต่อที่เป็นระดับตำนาน ที่มักจะสร้างภาคต่อห่างกันเป็น 10-20 ปี
หรือมากกว่านั้น ส่วนใหญ่แล้ว จะมีการรีแพึคเกจ พร้อมรีมาสเตอร์ตัวหนังใหม่
ส่วนใหญ่จะออกจำหน่ายก่อนหนังภาคใหม่ขายประมาณ 1-2 เดือน
- หากรู้ว่าหนังเรื่องไหนสร้างจากนิยายหรือที่มีภาคต่อเยอะๆ ถ้าอยากประหยัดเงิน
แนะนำรอซื้อแบบรวมภาคทีเดียวเลยก็ได้ แต่ถ้าหากอยากเก็บกล่องแยกทีละภาค นั่นก็ตามแต่สะดวก (โดยส่วนตัวชอบเก็บแบบแยกมากกว่า)
- จากข้อสอง ยกเว้นกรณีหนังซุปเปอร์ฮีโร่ เพราะมันสร้างออกมาเรื่อยๆ ยันเราแก่
[ กำหนดวางจำหน่าย ]
- หลังจากหนังเรื่องนั้นๆ ออกฉาย 3-4 เดือนหรืออาจมากกว่านั้นขึ้นอยู่ที่ค่าย
แต่ถ้าใจร้อนอยากได้ไวๆ ก็จัดทาง Amazon ไป แต่ส่วนใหญ่ไม่มีพากย์ไทยและบรรยายไทย (เดี๋ยวจะมาเจาะลึกอีกทีตรงส่วนนี้)
- กำหนดการวางจำหน่าย ไม่แน่นอน และสินค้าอาจหมดไว เพราะบางทีเค้าไม่ได้อัพเดตหน้าเพจร้าน
แต่จะอัพเดตทางเว็บไซต์ก่อน ดังนั้นอย่าไปโวยวายอะไรทางร้านเลยว่าทำไมเรื่องนี้หมดไว เพราะบางอย่างมันก็ต้องตามเอง
เพราะกรณีนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วบ่อยครั้ง อย่างที่จำได้คือ Woder woman ทางร้านไม่ได้ลงข้อมูลหน้าเพจ แต่ลงทางเว็บ
พอกำหนดวางอีกที ก็ประกาศไปแล้วว่า สินค้าตัวนี้ไม่มีขายแล้ว (คนมาโวยวายกันใหญ่หน้าเพจ)
[ แหล่งขายบลูเรย์ (ลิขสิทธิ์แท้) หลักๆ ]
- Boomerangshop
- Media play international
- Cap
- ร้าน Gizman หรือ Mangpong
- Lido Dvd
- Catalyst alliance
***ทุกร้าน มีเพจ Facebook หากไม่สะดวกไปหน้าร้านก็สั่งทางอินบ็อคให้มาจัดส่งได้
[ ถูกที่สุด ]
- ทาง Catalyst alliance ทุกปีจะมีการจัดงานประจำปี ปีนึงจัดสองครั้ง และมีออนทัวร์
ที่เค้าเอาพวกบลูเรย์มาจัดโปรลดราคา งานนี้ถูกจริง แนะนำเลย แต่ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ
ว่าส่วนใหญ่จะเป็นหนังเก่าและพวกหนังหายากที่ไม่ได้สต็อคของไว้ตามร้านต่างๆ (คอยติดตามเพจไว้)
[ ข้อควรทราบ ]
- บลูเรย์กล่องเหล็ก ส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างเป็นอะไรที่ Limited มากๆ หมดแล้วหมดเลย และน้อยมาก ที่จะรีแพ็คเกจออกมาใหม่ ถ้ามีโอกาสก็รีบเลย
- หนังลดราคา บางทีจะมีการเอา Slipcover หรือปกสวมออก ถ้าอยากได้แบบปกสวมก็ซื้อตอนราคาเต็ม หรือหลังจากวางแผงไม่เกิน 4 เดือน
- ถึงแม้ว่าดีวีดี และบลูเรย์จะมีหนังให้ดูเหมือนกัน แต่สำหรับบางเรื่อง หากใครอยากดูแบบ Uncut หรือฉบับพิเศษที่เพิ่มฉากยาวกว่าในโรงภาพยนตร์ เวอร์ขั่นพวกนี้ส่วนใหญ่แล้ว จะมีให้ดูเฉพาะในแผ่นบลูเรย์ (แม้แต่ในสตริมมิ่งบางเรื่องก็ยังเป็นแค่ฉบับธรรมดา)
- ถ้าคิดจะอุดหนุนแผ่น อุดหนุนตัวลิขสิทธิ์ดีกว่า หรือถ้าหากไม่สะดวก ขีเกรียจเก็บให้รกบ้านก็ยังมีเว็บสตริมมิ่งแบบถูกลิขสิทธิ์ให้ดู
- ข้อนี้ไม่ค่อยอยากพูด แต่ในเมื่อจะเสียเงินเก็บแผ่นกันแล้วก็อยากให้ได้แผ่นคุณภาพดีๆ เพราะมันจะมีค่ายค่ายนึงที่ ถ้าเป็นไปได้ไม่ค่อยอยากให้......เลย คิดว่าข้อสุดท้ายนี้หลายๆ ท่านคงจะทราบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(คีย์เวิร์ดคือ บ้านที่มีความสุข)
แก้ไข/เว้นวรรคใหม่
ข้อมูล : สำหรับผู้ที่คิดเริ่มจะสะสมแผ่นบลูเรย์ (Blu-ray) รวมถึงแหล่งและวิธีการเลือกซื้อที่คุ้มค่าที่สุด
ภาพประกอบ : ยังไม่ได้ถ่ายจากของตัวเอง เป็นการยืมภาพจากอากู๋มาประกอบ
[ Bluray ]
- คือแผ่นที่ให้รายละเอียดของภาพและเสียงในระดับที่สูงกว่าแผ่นดีวีดี
ซึ่งน่าตาของแผ่นบลูเรย์กับดีวีดี เหมือนกันทุกอย่าง "ต่างกัน" ที่ชื่อเรียกและ "แพ็คเกจใส่"
[ Bluray แผ่นแม่สาย ]
- มันคือแผ่นปลอมที่ไม่มีคุณภาพ ถ้านึกอะไรไม่ออกให้นึกถึง "แผ่นไรท์ที่มีกล่องสวยแค่นั้น"
[ ร้านขายแผ่นปัจจุบันยังมีอยู่ไหม ]
- มีอยู่ โดยผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่หลักๆ ตอนนี้คือร้านบูมเมอแรง ซึ่งมีอยู่หลายสาขา แต่ส่วนร้านอื่นๆ เช่นแมงป่อง ,Cap และอื่นๆ มีการลดจำนวนสาขาและยุบบางสาขาจริง แต่ร้านหนังมันก็ไม่ได้หายไปอย่างถาวร เพราะต่อให้ทุกวันนี้ระบบสตริมมิ่งจะมาครอง แต่เป็นแค่ช่องทางเลือกช่องทางนึงเท่านั้นซึ่งระบบโดยรวมของสตริมมิ่งยังไงมันก็สู้การดูแผ่นไม่ได้อยู่ดี อีกทั้งส่วนหนึ่งคนนิยมหันมาสั่งออนไลน์กันมากขึ้น เพราะสะดวกและสามารถจองหนังได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องไปยืนคอยหรือรอของแบบสมัยก่อน แถมการสั่งออนไลน์ชอบมีโปรเด็ดๆ มาให้เรื่อยๆ ดังนั้นการมีหน้าร้าน อาจจะไม่จำเป็นต้องมีกระจายสาขาทั่วแบบสมัยก่อน
[ ความนิยมการเล่นแผ่นในปัจจุบัน ]
- ยกตัวอย่างกรณีที่เมืองนอก เค้ายังนิยมการสะสมแผ่นอยู่ และมันก็ไม่ได้น้อยลงเลยแถมเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยทุกๆ วันนี้ที่เมืองนอก
ก็มีการรีมาสเตอร์หนังเก่าลงบลูเรย์ พร้อมทำแพ็คเกจสวยๆ ให้สะสมกัน เพียงแต่นักสะสมบางส่วนเค้าจะไม่ยอมแกะซิลแผ่นตัวเองออกมา เพราะเน้นสะสมโดยตรง แล้วค่อยไปซื้อไฟล์แยกออกมาเพื่อดูแค่นั้น และอาจจะมีพวกใจดี ที่ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้วก็คงปล่อยว่อนไปตามบิท
แต่มันก็ยังมีอีกบางส่วน ที่ซื้อมาเพื่อเสพความงามของระบบแผ่นโดยตรง แล้วสะสมบูชาขึ้นหิ้ง ย้ำว่าขึ้นหิ้งจริงๆ
ในขณะที่คนไทย(บางส่วน)กลับมองว่าหนังเก่าคือหนังเก่า ต่อให้มันดีแค่ไหน เค้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร และมองว่ามันไม่ควรค่าที่จะเสียเงินเก็บแผ่น รอดูรีเมคหรือดูฟรีคุ้มกว่า ในขณะที่เมืองนอกเค้าตื่นเต้นกันมากในทุกๆ ครั้งที่หนังเก่ารีมาสเตอร์ใหม่ลงบลูเรย์
[ ความนิยมในเมืองไทย ]
- จากประสบการณ์ตรงเลย คนใกล้ตัวบางคนเค้าไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าแผ่นบลูเรย์คืออะไร และในส่วนคนที่รู้ ส่วนนึงที่ไม่ค่อยนิยมเป็นฟอร์แมทหลักในไทยอาจเพราะเรื่องของราคา เพราะการที่จะเล่นแผ่นบลูเรย์จะต้องมีเครื่องเล่นเฉพาะ เป็นต้น อีกทั้งคนบางส่วนอาจดูหนังแค่เอามันส์และไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพของภาพที่ได้
[ อายุของแผ่น ]
- จากที่เคยหาข้อมูลมาเค้าเครมไว้แล้วว่า 80-90 ปี (ถ้าดูแลรักษาถูกวิธี)
[ Package หรือกล่อง ]
- แผ่นบลูเรย์มีหลายแพ็คเกจมาก หลักๆ ก็จะมี
- กล่องฟ้าธรรมดา
ข้อดี : ราคาถูกที่สุด เก็บรักษาง่าย
ข้อเสีย : ไม่สวย สภาพเหมือนหนังลดราคา
ราคา : 599 บาท , 899 บาท พอเวลาลดราคาราคาต่ำสุดอยู่ที่ 199 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- กล่องฟ้า+ปกสวม
ข้อดี : ราคาถูก เก็บรักษาง่าย ดูสวยขึ้นมาอีกระดับ
ข้อเสีย : มันเป็นกระดาษ ถ้าโดนน้ำและรักษาไม่ดีก็บวมหรือยุ่ยได้
ราคา : 599 บาท 899 บาท เวลาลดาราคาต่ำสุดส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 350 บาท หรืออาจถูกกว่านั้น(เวลามีโปรน่ารักๆ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- กล่องเหล็ก
ข้อดี : สวย หน้าปกไม่เหมือนกล่องอื่นๆ (เพราะถูกดีไซด์ออกมาเฉพาะ)
ข้อเสีย : ราคาสูง และหากรักษาไม่ดี เสี่ยงทั้งสนิมและบุบ (ต้องใส่ซองถนอม)
ราคา : เริ่มต้นที่ 1050 บาท 1290 บาท 1390 บาท 1550 บาท 1790 บาท
ส่วนเวลาลดราคา ต่ำสุดที่เคยเจอคือ 350 บาท(เป็นหนังเก่า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- สมุดภาพ
ข้อดี : มีภาพสวยๆ และข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ให้อ่าน
ข้อเสีย : ราคาสูงเกือบเท่ากล่องเหล็ก วัสดุรวมเป็นกระดาษ รักษาไม่ดีมีสิทธขาดและมุมกล่องยุบได้
ราคา : เริ่มต้นที่ 1050 บาท ส่วนราคาเวลาลด ต่ำสุดที่เคยเห็นคือ 699 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- บ็อกเซ็ท
ข้อดี : อลังการ ด้วยดีไซด์กล่องที่ถูกออกแบบมาให้ตรงกับเรื่องที่เราซื้อ อาจจะเป็นปราสาท หัวกะโหลก
ข้อเสีย : ราคาสูง กล่องใหญ่ หากไม่มีตู้สำหรับเก็บโดยเฉพาะจะเป็นอะไรที่เกะกะบ้านมาก
ราคา : เริ่มต้นที่ 1500 บาท 2000 บาท ยันเกือบหมื่นก็มี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ดิจิแพค
ข้อดี : ราคาไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป กล่องสวย ส่วนใหญ่แพ็คเกจแบบนี้จะเป็นการรวมหนังภาคต่อไว้ด้วยกัน
ข้อเสีย : วัสดุเป็นกระดาษ บางเรื่องวางแผ่นเป็นแนวยาว จะดูทีต้องกางออก มีกี่ภาคก็กางออกไปตามจำนวน
ราคา : เริ่มต้นที่ 2000 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[ หมายเหตุ ]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[ ซื้อแบบไหนที่คุ้มค่า ]
- กรณีหนังภาคต่อที่เป็นระดับตำนาน ที่มักจะสร้างภาคต่อห่างกันเป็น 10-20 ปี
หรือมากกว่านั้น ส่วนใหญ่แล้ว จะมีการรีแพึคเกจ พร้อมรีมาสเตอร์ตัวหนังใหม่
ส่วนใหญ่จะออกจำหน่ายก่อนหนังภาคใหม่ขายประมาณ 1-2 เดือน
- หากรู้ว่าหนังเรื่องไหนสร้างจากนิยายหรือที่มีภาคต่อเยอะๆ ถ้าอยากประหยัดเงิน
แนะนำรอซื้อแบบรวมภาคทีเดียวเลยก็ได้ แต่ถ้าหากอยากเก็บกล่องแยกทีละภาค นั่นก็ตามแต่สะดวก (โดยส่วนตัวชอบเก็บแบบแยกมากกว่า)
- จากข้อสอง ยกเว้นกรณีหนังซุปเปอร์ฮีโร่ เพราะมันสร้างออกมาเรื่อยๆ ยันเราแก่
[ กำหนดวางจำหน่าย ]
- หลังจากหนังเรื่องนั้นๆ ออกฉาย 3-4 เดือนหรืออาจมากกว่านั้นขึ้นอยู่ที่ค่าย
แต่ถ้าใจร้อนอยากได้ไวๆ ก็จัดทาง Amazon ไป แต่ส่วนใหญ่ไม่มีพากย์ไทยและบรรยายไทย (เดี๋ยวจะมาเจาะลึกอีกทีตรงส่วนนี้)
- กำหนดการวางจำหน่าย ไม่แน่นอน และสินค้าอาจหมดไว เพราะบางทีเค้าไม่ได้อัพเดตหน้าเพจร้าน
แต่จะอัพเดตทางเว็บไซต์ก่อน ดังนั้นอย่าไปโวยวายอะไรทางร้านเลยว่าทำไมเรื่องนี้หมดไว เพราะบางอย่างมันก็ต้องตามเอง
เพราะกรณีนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วบ่อยครั้ง อย่างที่จำได้คือ Woder woman ทางร้านไม่ได้ลงข้อมูลหน้าเพจ แต่ลงทางเว็บ
พอกำหนดวางอีกที ก็ประกาศไปแล้วว่า สินค้าตัวนี้ไม่มีขายแล้ว (คนมาโวยวายกันใหญ่หน้าเพจ)
[ แหล่งขายบลูเรย์ (ลิขสิทธิ์แท้) หลักๆ ]
- Boomerangshop
- Media play international
- Cap
- ร้าน Gizman หรือ Mangpong
- Lido Dvd
- Catalyst alliance
***ทุกร้าน มีเพจ Facebook หากไม่สะดวกไปหน้าร้านก็สั่งทางอินบ็อคให้มาจัดส่งได้
[ ถูกที่สุด ]
- ทาง Catalyst alliance ทุกปีจะมีการจัดงานประจำปี ปีนึงจัดสองครั้ง และมีออนทัวร์
ที่เค้าเอาพวกบลูเรย์มาจัดโปรลดราคา งานนี้ถูกจริง แนะนำเลย แต่ต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ
ว่าส่วนใหญ่จะเป็นหนังเก่าและพวกหนังหายากที่ไม่ได้สต็อคของไว้ตามร้านต่างๆ (คอยติดตามเพจไว้)
[ ข้อควรทราบ ]
- บลูเรย์กล่องเหล็ก ส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างเป็นอะไรที่ Limited มากๆ หมดแล้วหมดเลย และน้อยมาก ที่จะรีแพ็คเกจออกมาใหม่ ถ้ามีโอกาสก็รีบเลย
- หนังลดราคา บางทีจะมีการเอา Slipcover หรือปกสวมออก ถ้าอยากได้แบบปกสวมก็ซื้อตอนราคาเต็ม หรือหลังจากวางแผงไม่เกิน 4 เดือน
- ถึงแม้ว่าดีวีดี และบลูเรย์จะมีหนังให้ดูเหมือนกัน แต่สำหรับบางเรื่อง หากใครอยากดูแบบ Uncut หรือฉบับพิเศษที่เพิ่มฉากยาวกว่าในโรงภาพยนตร์ เวอร์ขั่นพวกนี้ส่วนใหญ่แล้ว จะมีให้ดูเฉพาะในแผ่นบลูเรย์ (แม้แต่ในสตริมมิ่งบางเรื่องก็ยังเป็นแค่ฉบับธรรมดา)
- ถ้าคิดจะอุดหนุนแผ่น อุดหนุนตัวลิขสิทธิ์ดีกว่า หรือถ้าหากไม่สะดวก ขีเกรียจเก็บให้รกบ้านก็ยังมีเว็บสตริมมิ่งแบบถูกลิขสิทธิ์ให้ดู
- ข้อนี้ไม่ค่อยอยากพูด แต่ในเมื่อจะเสียเงินเก็บแผ่นกันแล้วก็อยากให้ได้แผ่นคุณภาพดีๆ เพราะมันจะมีค่ายค่ายนึงที่ ถ้าเป็นไปได้ไม่ค่อยอยากให้......เลย คิดว่าข้อสุดท้ายนี้หลายๆ ท่านคงจะทราบ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไข/เว้นวรรคใหม่