ผมชอบมือถือจอใหญ่เพราะชอบใช้ดูทีวีกับวีดีโออยู่บ่อยๆ และได้เลือก Mi max 2 ที่มีขนาดจอ 6.44” เมื่อปีที่แล้ว ปัจจุบันมีมือถือรุ่นใหม่ๆที่โฆษณาขนาดหน้าจอใหญ่ตั้งแต่ 6.2” ถึง 7.2” เยอะขึ้น จึงอยากขอเล่าประสพการณ์ให้ฟังสักหน่อยนะครับ
บังเอิญผมไม่ระวังทำจอ Mi max 2 แตก พอทราบว่าค่าซ่อมศูนย์ราคา 3100 จึงไปจัด Y9 มาเพราะเห็นสเปคลงไว้ว่าขนาดหน้าจอ 6.5” (Mi max 2 แค่ 6.44”) และราคา Y9 2019 แค่ 5xxx เราก็คิดว่า Y9 จอใหญ่กว่า Mi Max 2 โดยขนาดเครื่องเล็กลงและน้ำหนักเครื่องก็น้อยลงเยอะมาก แต่พอได้เครื่องมากลับผิดคาด จอ 6.5” ของ Y9 ขนาดเล็กกว่าจอ 6.44” ของ Mi max 2 เยอะพอสมควร พอดูสเปคดีๆจึงเข้าใจว่าเป็นเพราะว่าอัตราส่วนจอ Y9 ที่ 19.5:9 เป็นแนวยาวกว่า Mi max 2 ที่ 16:9 พื้นที่ที่ได้ในที่สุด Y9 จึงมีน้อยกว่า ยิ่งตอนใช้ดูทีวีอัตราส่วนของภาพจะอยู่ที่ 16:9 เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ภาพบนมือถือรุ่นใหม่ๆที่เน้นแนวยาวจะมีขอบดำที่ซ้ายและขวา ทำให้ภาพบน Y9 ที่โฆษณาขนาดหน้าจอที่ 6.5” เล็กลงกว่า M Max 2 (6.44”) ลงไปอีก เสียอรรถรสในการรับชมไปมาก (นอกเรื่องอีกนิดนึง เสียงออกลำโพง Y9 สู้ Mi Max 2 ไม่ได้เลย Mi Max 2 เสี่ยงดังอิ่มกว่าเยอะ)
จึงอยากบอกว่า ถ้าใครอยากได้จอใหญ่คงต้องพิจารณาอัตราส่วนของจอให้ดีเพื่อให้รู้ว่าพื้นที่หน้าจอจริงๆที่ได้นั้นจะได้เท่าไหร่ นั่นเป็นขนาดจอที่แท้จริงครับ
จากสูตรคำนวนแทยงมุมที่เราเรียนกันในชั้นมัธยม ผมลองเอามือถือ 4 รุ่นมาเทียบดูว่าพื้นที่หน้าจอที่แท้จริงของแต่ละรุ่นเป็นเท่าไหร่กันแน่ จะเห็นได้ว่ามือถือที่โฆษณาว่าใหญ่สุดในตลาดอย่าง Huawei Y Max ที่ขนาดแทยงมุมที่ 7.12” นั้น ความจริงเล็กกว่า Mi Max 3 ที่ 6.99” อีกครับ
มันเป็นวิธีทางการตลาดอย่างนึงเพื่อโฆษณาข้อมูล (ที่เป็นจริง) บางอย่างที่ทำให้ผู้บริโภคหลงเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง (พื้นที่ใช้งานของจอ) จึงควรต้องทราบเพื่อการพิจารณาและตัดสินใจที่ถูกต้องในการเลือกมือถือที่ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งานครับ
ถ้าผมทราบข้อเท็จจริงนี้ ก่อนซื้อ Y9 ผมอาจจะพิจารณานำ Mi Max 2 ของผมไปดปลี่ยนจอ (ได้ราคาจากช่างข้างนอกศูนย์ที่ 1350) หรือเปลี่ยนเป็นรุ่น Mi Max 3 หรือ Y Max แทนครับ
มือถือ Y9 2019 นั้นไม่ใช่ไม่ดีนะครับ ทันสมั้ยใช้ได้เลย กล้องก็ดีกว่า Mi max 2 ผมพอใจในระดับนึง แต่กระทู้นี้พูดถึงขนาดจอเป็นหลัก ตรงใช้เพื่อดูหนังยังสู้ Mi max 2 ไม่ได้ครับ
การโฆษณาขนาดหน้าจอมือถือ - สิ่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อ!!
บังเอิญผมไม่ระวังทำจอ Mi max 2 แตก พอทราบว่าค่าซ่อมศูนย์ราคา 3100 จึงไปจัด Y9 มาเพราะเห็นสเปคลงไว้ว่าขนาดหน้าจอ 6.5” (Mi max 2 แค่ 6.44”) และราคา Y9 2019 แค่ 5xxx เราก็คิดว่า Y9 จอใหญ่กว่า Mi Max 2 โดยขนาดเครื่องเล็กลงและน้ำหนักเครื่องก็น้อยลงเยอะมาก แต่พอได้เครื่องมากลับผิดคาด จอ 6.5” ของ Y9 ขนาดเล็กกว่าจอ 6.44” ของ Mi max 2 เยอะพอสมควร พอดูสเปคดีๆจึงเข้าใจว่าเป็นเพราะว่าอัตราส่วนจอ Y9 ที่ 19.5:9 เป็นแนวยาวกว่า Mi max 2 ที่ 16:9 พื้นที่ที่ได้ในที่สุด Y9 จึงมีน้อยกว่า ยิ่งตอนใช้ดูทีวีอัตราส่วนของภาพจะอยู่ที่ 16:9 เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ภาพบนมือถือรุ่นใหม่ๆที่เน้นแนวยาวจะมีขอบดำที่ซ้ายและขวา ทำให้ภาพบน Y9 ที่โฆษณาขนาดหน้าจอที่ 6.5” เล็กลงกว่า M Max 2 (6.44”) ลงไปอีก เสียอรรถรสในการรับชมไปมาก (นอกเรื่องอีกนิดนึง เสียงออกลำโพง Y9 สู้ Mi Max 2 ไม่ได้เลย Mi Max 2 เสี่ยงดังอิ่มกว่าเยอะ)
จึงอยากบอกว่า ถ้าใครอยากได้จอใหญ่คงต้องพิจารณาอัตราส่วนของจอให้ดีเพื่อให้รู้ว่าพื้นที่หน้าจอจริงๆที่ได้นั้นจะได้เท่าไหร่ นั่นเป็นขนาดจอที่แท้จริงครับ
จากสูตรคำนวนแทยงมุมที่เราเรียนกันในชั้นมัธยม ผมลองเอามือถือ 4 รุ่นมาเทียบดูว่าพื้นที่หน้าจอที่แท้จริงของแต่ละรุ่นเป็นเท่าไหร่กันแน่ จะเห็นได้ว่ามือถือที่โฆษณาว่าใหญ่สุดในตลาดอย่าง Huawei Y Max ที่ขนาดแทยงมุมที่ 7.12” นั้น ความจริงเล็กกว่า Mi Max 3 ที่ 6.99” อีกครับ
มันเป็นวิธีทางการตลาดอย่างนึงเพื่อโฆษณาข้อมูล (ที่เป็นจริง) บางอย่างที่ทำให้ผู้บริโภคหลงเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง (พื้นที่ใช้งานของจอ) จึงควรต้องทราบเพื่อการพิจารณาและตัดสินใจที่ถูกต้องในการเลือกมือถือที่ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งานครับ
ถ้าผมทราบข้อเท็จจริงนี้ ก่อนซื้อ Y9 ผมอาจจะพิจารณานำ Mi Max 2 ของผมไปดปลี่ยนจอ (ได้ราคาจากช่างข้างนอกศูนย์ที่ 1350) หรือเปลี่ยนเป็นรุ่น Mi Max 3 หรือ Y Max แทนครับ
มือถือ Y9 2019 นั้นไม่ใช่ไม่ดีนะครับ ทันสมั้ยใช้ได้เลย กล้องก็ดีกว่า Mi max 2 ผมพอใจในระดับนึง แต่กระทู้นี้พูดถึงขนาดจอเป็นหลัก ตรงใช้เพื่อดูหนังยังสู้ Mi max 2 ไม่ได้ครับ