10 เรื่องน่ารู้ของ “จอช ซาร์เจนท์” หัวหอกเลือดมะกันจากเบรเมน

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่มีใครมีความสุขไปกว่า จอช ซาร์เจนท์ ดาวรุ่งวัย 18 ปีเพิ่งประเดิมประตูแรกในบุนเดสลีกาได้อย่างงดงามในเกมพา “นกนางนวล” แวร์เดอร์ เบรเมน เอาชนะฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟไปได้ 3-1 ประตู วันนี้เราจะพาไปพบกับ 10 เรื่องน่ารู้ของหัวหอกเลือดมะกันอนาคตไกลรายนี้กัน

1. จรดปากกากับเบรเมน

ในเดือนกันยายนปี 2017 เบรเมนประกาศว่าพวกเขาสามารถเจรจาคว้าตัวซาร์เจนท์มาร่วมทีมได้สำเร็จ โดยดาวรุ่งเลือดมะกันรายนี้ได้เซ็นสัญญากับยอดทีมจากแดนเหนือเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ในปีต่อมา “เราแฮปปี้กันสุดๆ ที่จอชสนใจในปรัชญาในทีมเบรเมนของพวกเรา ทั้งที่มีทีมใหญ่ๆ มากมายในยุโรปยื่นข้อเสนอให้กับเขา จากนี้เราจะจับตามองพัฒนาการของเขาและช่วยสนับสนุนเขาเต็มที่” ทิม ชไตด์เทน หัวหน้าแมวมองของเบรเมนกล่าว

2. เลือดนักกีฬา

ซาร์เจนท์เกิดในรัฐมิสซูรี โดยมีคุณพ่อคุณแม่เป็นอดีตนักกีฬาฟุตบอล หัวหอกดาวรุ่งคนนี้สูง 185 เซนติเมตร ซึ่งก่อนที่จะมาเล่นฟุตบอลเหมือนคุณพ่อคุณแม่แล้ว เขาเคยเล่นบาสเก็ตบอล และมีฝีมือเก่งกาจไม่เบาอีกด้วย ต่อมาหลังย้ายไปยังรัฐฟลอริด้าเพื่อเล่นฟุตบอลให้ทีมชาติสหรัฐฯ เขาก็แจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็ว โดยถูกจัดอันดับเป็นนักเตะอันดับสองของทีม

3. ฝึกฝีเท้ากับทีมดัง

ย้อนกลับไปในถิ่นบ้านเกิด ซาร์เจนท์ก็เลือกเล่นฟุตบอลกับทีม “เซนต์หลุยส์ สก็อตต์ กัลลาเกอร์” ทีมเดียวกับที่ ทิม รีม กองหลังทีมชาติสหรัฐอเมริกาและฟูแล่มฝึกปรือฝีเท้ามา “ที่นี่ไม่ได้แค่สอนให้ผมเล่นฟุตบอลได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยพัฒนาให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน ทุกๆ คนจะคอยดูแลเรา อบรมสั่งสอนเรา และทำให้เราเห็นว่าควรจะทำอะไรอย่างไร” ซาร์เจนท์กล่าวไว้ในปี 2016

4. แสดงฝีเท้าในระดับนานาชาติ

ซาร์เจนท์ติดทีมชาติอย่างรวดเร็วตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปีในปี 2013 ตามด้วยรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีและได้ลงเล่นเกมกระชับมิตรระดับนานาชาติ ซึ่งเขายิงได้รวม 4 ประตูกับ 2 แอสซิสต์

5. ชิมลางในเวทียุโรป

ชีวิตการค้าแข้งของซาร์เจนท์ดูจะไปได้สวย เขาได้ร่วมฝึกซ้อมกับ “พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น” เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และยังได้ร่วมฝึกซ้อมแบบเดียวกันที่ชาลเค่อ 04 อีกด้วย

6. สถิติถล่มประตู

ซาร์เจนท์ช่วยให้ทีมชาติสหรัฐฯ คว้าอันดับ 2 ในศึกชิงแชมป์คอนคาเคฟรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีด้วยผลงาน 5 ประตูจาก 5 นัด ต่อมาเขาได้ร่วมลุยศึกฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีที่เกาหลีใต้ และทำได้ถึง 4 ประตู คว้ารางวัลดาวซัลโวร่วมประจำทัวร์นาเมนต์นั้น

7. ดาวรุ่งตัวอันตรายผู้สร้างสถิติใหม่

2 ประตูที่ซาร์เจนท์ยิงเอกวาดอร์ได้ ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมชาติสหรัฐฯ ที่ทำประตูได้ในศึกฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะทำได้ถึง 4 ประตู แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมรอดพ้นความพ่ายแพ้ให้แก่เวเนซูเอล่าในรอบก่อนรองชนะเลิศได้

8. ยอดกัปตันทำสถิติเทียบเท่ารุ่นพี่

ซาร์เจนท์ยังรับหน้าที่เป็นกัปตันทีมลงบู๊ศึกฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีที่อินเดียอีกด้วย ทำให้เขากลายเป็นนักเตะอเมริกันคนที่สองที่ลงเล่นทีมชาติชุด U17 และ U20 ในปีเดียวกันต่อจากเฟรดดี้ อาดู โดยในทัวร์นาเมนต์นั้นเขายิงได้ 3 ประตู ขึ้นไปทาบสถิตินักเตะที่ยิงประตูในศึกฟุตบอลโลกเยาวชนได้มากที่สุดเทียบเท่าเฟรดดี้ อาดู (7ประตู)

9. ขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่

สิ่งหนึ่งที่ซาร์เจนท์ทำได้อย่างที่ไม่มีใครทำมาก่อนก็คือ เขาติดทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี 20 ปี และก้าวขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่ในปีเดียวกัน แม้อาการบาดเจ็บจะทำเขาอดลงเล่นในนัดแรก แต่เขาก็สามารถยิงประตูได้ในนัดที่พบกับโบลิเวีย ถือเป็นการประเดิมสนามในนามทีมชาติชุดใหญ่ได้อย่างน่าจดจำ และทำให้เขาคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีไปประดับโปรไฟล์อีกถ้วย!

10. สู่รั้วเบรเมนอย่างน่าจดจำ

และแล้วซาร์เจนท์ก็เดินตามรอยเท้าก้าวแรกของ คริสเตียน พูลิซิช จากดอร์ทมุนด์ และ เวสตัน แมคเคนนี่ จากชาลเค่อ ด้วยการยิงประตูแรกในบุนเดสลีกาได้ตั้งแต่นัดแรกที่ได้ลงสนาม โดยในนัดที่พบดุสเซลดอร์ฟ เขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนไมล็อต ราชิก้าในนาทีที่ 76 ก่อนใช้เวลาเพียง 86 วินาทีในการเบิกสกอร์แรกของตัวเองซึ่งเป็นประตูปิดกล่องให้เบรเมนเปิดบ้านเก็บ 3 แต้มได้สำเร็จ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่