Bird Box : รู้เป็น เห็นตาย
ติดตามรีวิว ข่าวสาร ของหนังเก่า/ใหม่ ไทย/เทศ ซีรี่/แอนิเมชัน ได้ที่ Facebook เพจ Movie Crazy
เมื่อมนุษย์ถูกกวาดล้างโดยอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเคห็น เพราะถ้ามองและเห็นมัน คือความตาย
เมาลารีเป็นจิตรกรที่ไม่ค่อยเข้าสังคมเท่าไหร่ กระทั่งผลงานที่เธอนำเสนอออกมายังต้องการสื่อถึงผู้คนที่ไม่สามารถสื่อสารกันได้
และนั่นก็คงเป็นประเด็นหลักที่หนังต้องการสื่อผ่านตัวละครอย่างเมาลารี่ การมีประสาทสัมผัสครบไม่ได้หมายความว่ามนุษย์จะสื่อสารกันได้และเมื่อถูกดึงเอาการมองเห็นออกไปแม้ว่าในแง่หนึ่งมันคือการตัดอิสรภาพและการรับรู้ทางหลัก (และอาจเป็นทางที่เราเชื่อถือและคุ้นชินที่สุด) ออกไป ไม่ต่างนกในกล่องทึบของเมาลารี่ที่ไม่อาจมองเห็น ไม่อาจรับรู้ทิศทางและอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น คือความเคว้งคว้างในท่ามกลางความมืดมิดอันไม่สิ้นสุด
แต่นกยังคงใช้เสียง และสัมผัสอื่นๆ ในการสื่อสารและรับรู้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครในเรื่อง พวกเขาต่างถูกจับมาขังรวมกันในกล่อง แล้วบังคับให้สื่อสารกันในสถานการณ์อันบีบคั้น
โดยที่ความตายของคนจำนวนมากที่ “มอง” แม้หนังไม่ได้บอกเราชัดๆ ว่ามันคือะไร แต่ใช่หรือไม่ว่า “การฆ่าตัวตาย” ก็คือคนที่อยู่ปลายสุดของการสื่อสาร คือคนที่ล้มเหลวในการสื่อสารโดยสิ้นเชิง การสื่อสารที่อาจเปลี่ยนแปลงทิศทางและรูปแบบไปเร็วจนพวกเขาอาจพลั้งพลาดหรือไม่อาจเท่าทัน เช่นเดียวกับกลุ่มคนบ้าที่ยืนอยู่สุดปลายอีกด้านของการสื่อสารที่ล้มเหลว
หากมองอย่างนี้ Bird Box ทำหน้าที่ของมันได้ดีในแง่ของการสื่อสารประเด็น การสร้างตัวละคร การวางสัญลักษณ์
การแสดงของแซนดร้า บูล็อคค่อนข้างน่าประทัปใจ การสื่อสารทางอารมณ์ของเธอในแต่ละช่วงตอนดูน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะความรักที่มีต่อเด็กทั้งสอง การต้องเก็บความรู้สึก พยายามฝืนในหลายๆ อย่างเพื่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าจะดีต่อเด็กทั้งสองที่สุด (แม้ในที่สุดแล้วเธอจะได้เรียนรู้ว่ามันอาจไม่ถูก)
ในส่วนของการเล่าหนังเล่าแบบตัดสลับระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และส่วนที่สนุกที่สุด น่าตื่นเต้นที่สุดของหนังก็คงไม่พ้นความหวือหวา ความโกลาหลอลหม่านในช่วงเปิดเรื่อง ความที่ทุกอย่างมันโถมใส่โลกในหนังแบบไม่ปราณี ไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีใครรู้อะไรรวมไปถึงคนดู
ซีนภายในบ้านของช่วงอดีตที่ตัวละครมารวมตัวกันในบ้าน จากความไม่เข้าใจ ด้วยความแปลกหน้า ค่อยๆ พูดคุยสื่อสาร การสร้างสังคมในส่วนนั้นที่สลับกับการออกเรือกับเด็กสองคนในส่วนปัจจุบันที่ค่อยๆ สอนให้เมาลารีได้เรียนรู้ที่จะมีชีวิตมากกว่าแค่เอาตัวรอดนั่นก็คือส่วนที่ดีแต่น่าเสียดายที่ความตื่นเต้น ระทึกขวัญที่หนังใส่เข้ามามันไม่ค่อยทำงานเท่าไหร่ การที่เราต้องเห็นเพียงภาพของตัวละครที่วิ่งหนีลมกับใบไม้ซ้ำๆ ค่อนข้างน่าเบื่อ รวมถึงซีนภายในเรือเองที่ไม่ค่อยชวนให้ตื่นเต้น ลุ้นระทึกสักเท่าไหร่ยิ่งเมื่อเวลาของตัวละครเลื่อนผ่านไป ความตายของตัวละครแต่ละตัวแม้กระทั่งตัวหลักก็ไม่ได้สร้างอิมแพคต่อคนดูมากนักแม้ว่าหนังจะพยายามปูซีนอารมณ์มาบ้างแล้วก็ตาม
และเช่นกันในซีนจบของหนังที่มันควรจะสร้างความรู้สึกที่ประทัปตรึงในใจคนดูได้ไม่ยาก ความสวยงามทางอารมณ์ผ่านภาพที่หนังพยายามฉายให้เราเห็น...มันสวย แต่ไม่ได้รู้สึกตรึงใจ...อย่างที่ควรจะเป็น...ไม่ใกล้เคียงเลย กับความรู้สึกที่ควรจะเกิดขึ้น...กับทุกสิ่งที่ตัวละครต้องผ่านพบเจอมา
[CR] Review Bird Box (Netflix)
ติดตามรีวิว ข่าวสาร ของหนังเก่า/ใหม่ ไทย/เทศ ซีรี่/แอนิเมชัน ได้ที่ Facebook เพจ Movie Crazy
เมื่อมนุษย์ถูกกวาดล้างโดยอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเคห็น เพราะถ้ามองและเห็นมัน คือความตาย
เมาลารีเป็นจิตรกรที่ไม่ค่อยเข้าสังคมเท่าไหร่ กระทั่งผลงานที่เธอนำเสนอออกมายังต้องการสื่อถึงผู้คนที่ไม่สามารถสื่อสารกันได้
และนั่นก็คงเป็นประเด็นหลักที่หนังต้องการสื่อผ่านตัวละครอย่างเมาลารี่ การมีประสาทสัมผัสครบไม่ได้หมายความว่ามนุษย์จะสื่อสารกันได้และเมื่อถูกดึงเอาการมองเห็นออกไปแม้ว่าในแง่หนึ่งมันคือการตัดอิสรภาพและการรับรู้ทางหลัก (และอาจเป็นทางที่เราเชื่อถือและคุ้นชินที่สุด) ออกไป ไม่ต่างนกในกล่องทึบของเมาลารี่ที่ไม่อาจมองเห็น ไม่อาจรับรู้ทิศทางและอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น คือความเคว้งคว้างในท่ามกลางความมืดมิดอันไม่สิ้นสุด
แต่นกยังคงใช้เสียง และสัมผัสอื่นๆ ในการสื่อสารและรับรู้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครในเรื่อง พวกเขาต่างถูกจับมาขังรวมกันในกล่อง แล้วบังคับให้สื่อสารกันในสถานการณ์อันบีบคั้น
โดยที่ความตายของคนจำนวนมากที่ “มอง” แม้หนังไม่ได้บอกเราชัดๆ ว่ามันคือะไร แต่ใช่หรือไม่ว่า “การฆ่าตัวตาย” ก็คือคนที่อยู่ปลายสุดของการสื่อสาร คือคนที่ล้มเหลวในการสื่อสารโดยสิ้นเชิง การสื่อสารที่อาจเปลี่ยนแปลงทิศทางและรูปแบบไปเร็วจนพวกเขาอาจพลั้งพลาดหรือไม่อาจเท่าทัน เช่นเดียวกับกลุ่มคนบ้าที่ยืนอยู่สุดปลายอีกด้านของการสื่อสารที่ล้มเหลว
หากมองอย่างนี้ Bird Box ทำหน้าที่ของมันได้ดีในแง่ของการสื่อสารประเด็น การสร้างตัวละคร การวางสัญลักษณ์
การแสดงของแซนดร้า บูล็อคค่อนข้างน่าประทัปใจ การสื่อสารทางอารมณ์ของเธอในแต่ละช่วงตอนดูน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะความรักที่มีต่อเด็กทั้งสอง การต้องเก็บความรู้สึก พยายามฝืนในหลายๆ อย่างเพื่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าจะดีต่อเด็กทั้งสองที่สุด (แม้ในที่สุดแล้วเธอจะได้เรียนรู้ว่ามันอาจไม่ถูก)
ในส่วนของการเล่าหนังเล่าแบบตัดสลับระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และส่วนที่สนุกที่สุด น่าตื่นเต้นที่สุดของหนังก็คงไม่พ้นความหวือหวา ความโกลาหลอลหม่านในช่วงเปิดเรื่อง ความที่ทุกอย่างมันโถมใส่โลกในหนังแบบไม่ปราณี ไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีใครรู้อะไรรวมไปถึงคนดู
ซีนภายในบ้านของช่วงอดีตที่ตัวละครมารวมตัวกันในบ้าน จากความไม่เข้าใจ ด้วยความแปลกหน้า ค่อยๆ พูดคุยสื่อสาร การสร้างสังคมในส่วนนั้นที่สลับกับการออกเรือกับเด็กสองคนในส่วนปัจจุบันที่ค่อยๆ สอนให้เมาลารีได้เรียนรู้ที่จะมีชีวิตมากกว่าแค่เอาตัวรอดนั่นก็คือส่วนที่ดีแต่น่าเสียดายที่ความตื่นเต้น ระทึกขวัญที่หนังใส่เข้ามามันไม่ค่อยทำงานเท่าไหร่ การที่เราต้องเห็นเพียงภาพของตัวละครที่วิ่งหนีลมกับใบไม้ซ้ำๆ ค่อนข้างน่าเบื่อ รวมถึงซีนภายในเรือเองที่ไม่ค่อยชวนให้ตื่นเต้น ลุ้นระทึกสักเท่าไหร่ยิ่งเมื่อเวลาของตัวละครเลื่อนผ่านไป ความตายของตัวละครแต่ละตัวแม้กระทั่งตัวหลักก็ไม่ได้สร้างอิมแพคต่อคนดูมากนักแม้ว่าหนังจะพยายามปูซีนอารมณ์มาบ้างแล้วก็ตาม
และเช่นกันในซีนจบของหนังที่มันควรจะสร้างความรู้สึกที่ประทัปตรึงในใจคนดูได้ไม่ยาก ความสวยงามทางอารมณ์ผ่านภาพที่หนังพยายามฉายให้เราเห็น...มันสวย แต่ไม่ได้รู้สึกตรึงใจ...อย่างที่ควรจะเป็น...ไม่ใกล้เคียงเลย กับความรู้สึกที่ควรจะเกิดขึ้น...กับทุกสิ่งที่ตัวละครต้องผ่านพบเจอมา
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้