รบกวนสอบถามครับ
ผมอายุอยู่ระหว่าง 25-30ปี มีเพศสัมพันธ์กับแฟนคนนี้เป็นครั้งแรก ป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัย
เมื่อผ่านไป2-3วัน เริ่มมีอาการปัสสาวะแล้วเจ็บแสบ มีอาการบวมเล็กน้อยตรงปลายหัวอวัยวะเพศ แต่ยังไม่ได้ไปพบแพทย์ จนกระทั่งประมาณครบ1สัปดาห์ที่มีเพศสัมพันธ์
พบว่าอาการบวมตรงปลายอวัยวะเพศ เริ่มดีขึ้น ปัสสาวะแล้วเจ็บแสบน้อยลง
แต่ถ้าสัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บ จึงลองเปิดหนังหุ้มปลายขึ้นมาเรื่อยๆ จนเกือบสุด พบว่าหนังหุ้มปลายด้านใน มีการอักเสบและบวมๆ ลักษณะเหมือนเป็นสิว อยู่รอบๆอวัยวะเพศ (เป็นเฉพาะบริเวณหนังหุ้มปลายเท่านั้น)หากไปสัมผัสโดนก็จะเจ็บ แต่ถ้าไม่สัมผัสโดนก็ไม่เจ็บ
วันรุ่งขึ้นจึงไปพบแพทย์ ได้เจอแพทย์ที่เป็นแพทย์ทั่วไป เมื่อแพทย์ดูจากลักษณะของแผล ก็แจ้งว่าคล้ายแผลริมแข็ง (หรือริมอ่อน ไม่แน่ใจ)
(แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัวผม คิดว่าคล้ายเริม แต่ต่างตรงที่เริมจะอักเสบเป็นสีเหลืองๆหนองๆ แต่ของผมอักเสบเป็นสีขาวๆ)
แพทย์เองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ จึงสั่งตรวจเลือดและตรวจฉี่ พร้อมฉีดยากันซิฟิลิซที่ก้น
และให้ยามาทานทุกเช้า-เย็น คือยาฆ่าเชื้อ Doxine Capsule เมื่อทานยาไป2-3วัน ก็ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ และหายในไปที่สุด
สำหรับผลเลือดและผลฉี่ แพทย์แจ้งว่าทุกอย่างปกติดี ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นซิฟิลิซ (แต่ผมลืมถามถึงโรคเริม)
อีก1สัปดาห์ ทางรพ.นัดให้เจอแพทย์ที่ดูเรื่องระบบทางเดินปัสสาวะเฉพาะทาง เมื่อแพทย์คนนี้ดูแผล(ที่หายเกือบหมดแล้ว และจุดขาวๆตรงกลางที่เหมือนสิวก็หาย เหลือแต่ผื่นแดงๆ) แพทย์มองว่าไม่ใช่แผลที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ทำความสะอาดให้ดีๆ และกินยาให้หมด
ทีนี้สิ่งที่ผมยังคาใจ และลืมถามหมอ มีดังนี้ครับ
1.การตรวจเลือดและฉี่ที่ตรวจไป ดูว่าเป็นหรือไม่เป็นโรคเริมได้หรือไม่?
2.ผมยอมรับว่า ปกติดูแลทำความสะอาดอวัยวะเพศไม่ค่อยดี (เปิดหนังหุ้มปลายมาแค่บางส่วน เอาน้ำฉีดๆ แค่นั้น นี่เพิ่งรู้ว่าจริงๆรูดไปได้อีกพอสมควร และเพิ่งนั่งขูดขี้เปียกไปเยอะพอสมควร ตรงจุดที่ผมเข้าใจผิดมาตลอดว่าเปิดไม่ได้) ดังนั้นจะเป็นไปได้หรือไม่ที่การอักเสบเหล่านั้นเป็นแค่การสกปรกเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับโรคติดต่อ?(ประกอบกับช่วงนั้นยิ่งดูแลไม่ดี ปล่อยให้อับชื้นนานๆด้วย)
3.ด้านแฟนไม่มีอาการใดๆ ที่แสดงเลยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งมีการป้องกันโดยใช้ถุงยาง อาการที่ผมเป็นจะใช่เริมเหรอ(แต่ก็มีการออรัลด้วย)
ด้านตัวผม ไม่เคยอักเสบอะไรแบบนี้มาก่อน แม้ว่าจะเคยมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น (เมื่อนานมาแล้ว)
4. หรือว่าผมแพ้ถุงยาง แต่ผมก็ใช้ของDurex กล่องสีดำที่เป็นมาตรฐาน และก็เคยใช้รุ่นนี้และรุ่นอื่นของDurexมาก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยแพ้ใดๆ (กับคนอื่นและผ่านมาหลายปีแล้วครับ)
ก็เลยยังงงๆและคาใจมาตลอด ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่
รบกวนทุกๆท่านช่วยวิเคราะห์และชี้แนะแนวทางแก่ผมด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
ตรวจเลือดหาโรคเริมจะพบหรือไม่ แล้วผมเป็นหรือไม่ครับ?
ผมอายุอยู่ระหว่าง 25-30ปี มีเพศสัมพันธ์กับแฟนคนนี้เป็นครั้งแรก ป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัย
เมื่อผ่านไป2-3วัน เริ่มมีอาการปัสสาวะแล้วเจ็บแสบ มีอาการบวมเล็กน้อยตรงปลายหัวอวัยวะเพศ แต่ยังไม่ได้ไปพบแพทย์ จนกระทั่งประมาณครบ1สัปดาห์ที่มีเพศสัมพันธ์
พบว่าอาการบวมตรงปลายอวัยวะเพศ เริ่มดีขึ้น ปัสสาวะแล้วเจ็บแสบน้อยลง
แต่ถ้าสัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บ จึงลองเปิดหนังหุ้มปลายขึ้นมาเรื่อยๆ จนเกือบสุด พบว่าหนังหุ้มปลายด้านใน มีการอักเสบและบวมๆ ลักษณะเหมือนเป็นสิว อยู่รอบๆอวัยวะเพศ (เป็นเฉพาะบริเวณหนังหุ้มปลายเท่านั้น)หากไปสัมผัสโดนก็จะเจ็บ แต่ถ้าไม่สัมผัสโดนก็ไม่เจ็บ
วันรุ่งขึ้นจึงไปพบแพทย์ ได้เจอแพทย์ที่เป็นแพทย์ทั่วไป เมื่อแพทย์ดูจากลักษณะของแผล ก็แจ้งว่าคล้ายแผลริมแข็ง (หรือริมอ่อน ไม่แน่ใจ)
(แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัวผม คิดว่าคล้ายเริม แต่ต่างตรงที่เริมจะอักเสบเป็นสีเหลืองๆหนองๆ แต่ของผมอักเสบเป็นสีขาวๆ)
แพทย์เองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ จึงสั่งตรวจเลือดและตรวจฉี่ พร้อมฉีดยากันซิฟิลิซที่ก้น
และให้ยามาทานทุกเช้า-เย็น คือยาฆ่าเชื้อ Doxine Capsule เมื่อทานยาไป2-3วัน ก็ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ และหายในไปที่สุด
สำหรับผลเลือดและผลฉี่ แพทย์แจ้งว่าทุกอย่างปกติดี ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นซิฟิลิซ (แต่ผมลืมถามถึงโรคเริม)
อีก1สัปดาห์ ทางรพ.นัดให้เจอแพทย์ที่ดูเรื่องระบบทางเดินปัสสาวะเฉพาะทาง เมื่อแพทย์คนนี้ดูแผล(ที่หายเกือบหมดแล้ว และจุดขาวๆตรงกลางที่เหมือนสิวก็หาย เหลือแต่ผื่นแดงๆ) แพทย์มองว่าไม่ใช่แผลที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ทำความสะอาดให้ดีๆ และกินยาให้หมด
ทีนี้สิ่งที่ผมยังคาใจ และลืมถามหมอ มีดังนี้ครับ
1.การตรวจเลือดและฉี่ที่ตรวจไป ดูว่าเป็นหรือไม่เป็นโรคเริมได้หรือไม่?
2.ผมยอมรับว่า ปกติดูแลทำความสะอาดอวัยวะเพศไม่ค่อยดี (เปิดหนังหุ้มปลายมาแค่บางส่วน เอาน้ำฉีดๆ แค่นั้น นี่เพิ่งรู้ว่าจริงๆรูดไปได้อีกพอสมควร และเพิ่งนั่งขูดขี้เปียกไปเยอะพอสมควร ตรงจุดที่ผมเข้าใจผิดมาตลอดว่าเปิดไม่ได้) ดังนั้นจะเป็นไปได้หรือไม่ที่การอักเสบเหล่านั้นเป็นแค่การสกปรกเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับโรคติดต่อ?(ประกอบกับช่วงนั้นยิ่งดูแลไม่ดี ปล่อยให้อับชื้นนานๆด้วย)
3.ด้านแฟนไม่มีอาการใดๆ ที่แสดงเลยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งมีการป้องกันโดยใช้ถุงยาง อาการที่ผมเป็นจะใช่เริมเหรอ(แต่ก็มีการออรัลด้วย)
ด้านตัวผม ไม่เคยอักเสบอะไรแบบนี้มาก่อน แม้ว่าจะเคยมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น (เมื่อนานมาแล้ว)
4. หรือว่าผมแพ้ถุงยาง แต่ผมก็ใช้ของDurex กล่องสีดำที่เป็นมาตรฐาน และก็เคยใช้รุ่นนี้และรุ่นอื่นของDurexมาก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยแพ้ใดๆ (กับคนอื่นและผ่านมาหลายปีแล้วครับ)
ก็เลยยังงงๆและคาใจมาตลอด ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่
รบกวนทุกๆท่านช่วยวิเคราะห์และชี้แนะแนวทางแก่ผมด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ