ออกอากาศไปได้สักพักแล้ว สำหรับละครที่รอคอยมาถึง 21 ปี กว่าจะรีเมคได้ “นางสาวไม่จำกัดนามสกุล” ตั้งแต่รู้ว่าจะรีแมคก็เฝ้ารอแคสว่า ใครจะมารับบทเรียม และ 5 พระเอกของเรียมคือใครบ้าง ยิ่งพอหวยมาลงที่ ใหม่ ดาวิกา ประกบ เต๋อ กอล์ฟ ภูมิ โต๋ และ อัคร ก็ยิ่งนับวันรอดูนางสาวไม่จำกัดนามสกุลเวอร์ชั่น 2018 นี้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
หลังจากที่ได้ชมนางสาวไม่จำกัดนามสกุลมาจนถึงวันนี้ บอกตามตรงว่ามีหลายจุดที่ประทับใจไม่ว่าจะเป็นภาพสวยนักแสดงสวย หล่อ น่ารัก ทุกคนเล่นดีหมด การตัดต่อก็ลงตัวเกือบทุกองค์ประกอบถือว่าทำได้ดีทีเดียว แต่ในในความคิดส่วนตัวมันยังเหมือนว่าละครเรื่องนี้ค่ะเสน่ห์อะไรไปบางอย่าง ซึ่งตอนแรกก็พยายามคิดอยู่ว่ามันคืออะไรเรื่อยๆจนมาถึงวันนี้ 7 EP ในฐานะที่ได้ดูเวอร์ชั่นเดิมหลายรอบมาก และเวอร์ชั่นใหม่นี้ก็ดูสดและย้อนหลังอีกหลายรอบ ขอวิจารณ์ในมุมมองของตัวเอง และขออภัยหากไม่ถูกใจแฟนคลับนะคะ
1. แก่นเรื่อง ที่แท้จริงของนางสาวไม่จำกัดนามสกุล คือ นางสาวเรียม ผู้เฉิ่ม เชย ไม่เคยมีความรัก จะต้องตามหาใครสักคนมาเป็นคู่ จึงต้องยอมปรับเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นหลากหลายคาแรคเตอร์ตามผู้ชายที่เธอค้นหา เพียงเพราะว่าถ้าไม่แต่งงานภายในอายุ 25 จะต้องเปลี่ยนโสดไปตลอดชีวิต จนในที่สุดพบว่าการเป็นตัวของตัวเองนั้นคือความสุขที่สุด ซึ่งต่างจากเวอร์ชั่น 2018 ที่เป็นสาวโสดผู้เคยผิดหวังจากความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่จำเป็นต้องหาคู่เพื่อรักษาช็อกโกแลตซีส เอาตามตรง พล็อตเรื่องแบบนี้มันค่อนข้างซ้ำกับหนังยุคนี้หลายเรื่อง ทั้ง 30 โสด on Sales 30 กำลังแจ๋ว Single Lady เพราะเคยมีคู่ เป็นต้น ซึ่งหากกลับไปใช้แก่นเรื่องตามต้นฉบับปี 1997 ที่จนทุกวันนี้ยังไม่เคยมีเรื่องไหนซ้ำแบบนี้เลย
2. การสร้างเรียม 2018ให้มีบุคลิก ก๋ากั่น บ้าผู้ชาย ก้าวร้าว ขี้เหล้า สกปรก ซกมก ไร้มารยาท เข้าใจว่าต้องการให้เข้ากับสังคมปัจจุบัน แต่มันทำให้การเอาใจช่วยเรียมลดน้อยลงเพราะความน่ารักแบบ สาวโสด เปิ่นเชยใสซื่อ ที่เป็นเสน่ห์ของเรียม 1997 นั้นได้ขาดหายไปในเวอร์ชั่น 2018 และการไม่มีความเกรงใจ ไม่น่ารักของเรียม 2018 นี้ยิ่งสะท้อนให้เห็นชัดว่าทุกครั้งจะไปรบกวนชีวิตขององศาและสร้างปัญหาให้คู่รักเขาในที่สุด
3. เวอร์ชั่น 2018 ทำการสร้างองศา มาลิน ให้มีประเด็นรักสามเส้ากับเรียม และเรียมเป็นตัวแปรทำให้คู่องศามีปัญหากัน คือไม่น่ารักและไม่น่าเห็นใจเรียมเลย ส่วนมาลินก็ออกแนวคุณหนูงี่เง่าขี้ระแวง น่ารำคาญมากกว่าน่าเห็นใจ ในขณะที่ เวอร์ชั่น 1997 นั้น องศากับมาลินีมีปัญหาเรื่องความแตกต่างกัน มาลินเป็นแอร์และพ่อมาลินไม่ชอบองศา ส่วนเรียมเป็นที่ปรึกษา เมื่อเขามีปัญหากัน และทั้งเรียมกับมาลินเลิกกันเพราะความไม่เข้าใจกัน โดยที่ไม่มีเรียมมาเป็นตัวแปร แต่หลัง ทั้งเรียมและองศาต่างเริ่มมีพื้นที่มาพูดคุยระบายปัญหาซึ่งกันและค่อยๆ พัฒนาเป็นความรักในที่สุด ซึ่งสะท้อนกับแก่นเรื่องที่ในที่สุดเรียมก็ค้นหาคนที่พอดีกับตัวเองในที่สุด
4. ปมความรักระหว่างเรียมกับกรณ์ 2018 นั้น เรื่องแม่ไม่ปลื้มเพราะฐานะแตกต่างกัน กลับกลายเป็นเรื่องที่มีน้ำหนักลงตัวน้อยมากเลยเมื่อเปรียบเทียบกับเรียมกับวรพล 1997 เพราะเวอร์ชั่นนั้น วรพลเป็นคนที่มาหลงรักเรียมเพราะความสวย เพรียบพร้อมที่คู่ควรกับเขา แต่เมื่อได้เป็นแฟนแล้วกลับไม่สนใจเธอเท่าที่ควร จนทำให้เรียมรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอตามหา และไปตามหาคนต่อไปและไปพบกับราชัญ ซึ่งเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ เจ้าชู้ ซึ่งเป็นอีกสไตล์ ทำให้เรียมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้ง
5. นกหวีด ในเวอร์ชั่น 2018 ไม่ได้มีบทบาทสำคัญในเรื่องเลย นอกจากตลก สร้างสีสันเท่านั้น ในขณะที่ นกหวีด 1997 นั้น เป็นทุกอย่างของเรียม ทั้งคอยให้คำปรึกษา และช่วยเหลือเรียมได้ให้รอดพ้นวิกฤตจากทุกสถานการณ์ ถือได้ว่าเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวที่ขับเคลื่อนเรื่องราวของนางสาวไม่จำกัดนามสกุลเลยทีเดียว
6. พ่อ แม่ ครอบครัวเรียมคือส่วนที่น่ารัก และเติมเต็มให้นางสาว 1997 ซึ่งทั้งพ่อและแม่ของเรียม สื่อถึงความจริงใจชาวบ้านของเรียม และคืออีกคนที่เข้าใจเรียนในความเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด แต่ในเวอร์ชั่น 2018 กลับให้มีครอบครัวมาเพื่อเพิ่มความตลกและดูอิหลักอิเหลื่อยังไงไม่รู้ แต่งงานนี้อาจจะต้องดูไปยาวยาวว่าพ่อแม่จะกลับมามีบทบาทสำคัญอะไรอีกครั้งหรือไม่หลังจากที่ปะทะกับแม่ของคุณก่อนไปในวันนี้
7. เพลงประกอบละคร ในเวอร์ชั่น 1997 นั้น เพลงเปิดไตเติ้ล คือเพลงไม่ยากเลย ซึ่งเป็นมุมมองขององศา ร้องโดยพระเอก โจ จิรายุ ในขณะที่เพลงไตเติ้ลปิดคือเพลงใครสักคน เวอร์ชั่นมาข่าที่ใครๆ ค้นเคยกันดี ซึ่งเป็นการถ่ายทอดมุมมองของเรียมได้ชัดเจน แต่พอมาเป็น 2018 ทั้งเพลงเปิดและเพลงเปิดกลับใช้มุมมองของเรียมเพียวคนเดียวคือ ทางเดินแห่งรัก ร้องโดยแก้ม และ ใครสักคน คัฟเวอร์โดยลุลา ทำให้ไม่มีเพลงในมิติของฝ่ยาพระเอกที่มองนางเอกอย่างแตกต่างออกไป ซึ่งตรงนี้น่าเสียดาย
โดยรวมแล้ว ทุกอย่าง ของนางสาวไม่จำกัดนามสกุล 2018 ทั้งนักแสดง สีของภาพ การถ่ายทำ การตัดต่อ ยอมรับว่าเวอร์ชั่นนี้ทำได้ดีไม่มีที่ติเลยทีเดียว หากแต่องค์รวมยังขาดความกลมกล่มและเสน่ห์ที่ควรจะเป็น ดังที่จ่อหัวข้างต้นไว้ว่า ความลงตัวที่ “ดีพอ” แต่อาจจะ “ไม่พอดี”
นางสาวไม่จำกัดนามสกุล 2018 ความลงตัวที่ “ดีพอ” แต่ “ไม่พอดี”
หลังจากที่ได้ชมนางสาวไม่จำกัดนามสกุลมาจนถึงวันนี้ บอกตามตรงว่ามีหลายจุดที่ประทับใจไม่ว่าจะเป็นภาพสวยนักแสดงสวย หล่อ น่ารัก ทุกคนเล่นดีหมด การตัดต่อก็ลงตัวเกือบทุกองค์ประกอบถือว่าทำได้ดีทีเดียว แต่ในในความคิดส่วนตัวมันยังเหมือนว่าละครเรื่องนี้ค่ะเสน่ห์อะไรไปบางอย่าง ซึ่งตอนแรกก็พยายามคิดอยู่ว่ามันคืออะไรเรื่อยๆจนมาถึงวันนี้ 7 EP ในฐานะที่ได้ดูเวอร์ชั่นเดิมหลายรอบมาก และเวอร์ชั่นใหม่นี้ก็ดูสดและย้อนหลังอีกหลายรอบ ขอวิจารณ์ในมุมมองของตัวเอง และขออภัยหากไม่ถูกใจแฟนคลับนะคะ
1. แก่นเรื่อง ที่แท้จริงของนางสาวไม่จำกัดนามสกุล คือ นางสาวเรียม ผู้เฉิ่ม เชย ไม่เคยมีความรัก จะต้องตามหาใครสักคนมาเป็นคู่ จึงต้องยอมปรับเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นหลากหลายคาแรคเตอร์ตามผู้ชายที่เธอค้นหา เพียงเพราะว่าถ้าไม่แต่งงานภายในอายุ 25 จะต้องเปลี่ยนโสดไปตลอดชีวิต จนในที่สุดพบว่าการเป็นตัวของตัวเองนั้นคือความสุขที่สุด ซึ่งต่างจากเวอร์ชั่น 2018 ที่เป็นสาวโสดผู้เคยผิดหวังจากความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่จำเป็นต้องหาคู่เพื่อรักษาช็อกโกแลตซีส เอาตามตรง พล็อตเรื่องแบบนี้มันค่อนข้างซ้ำกับหนังยุคนี้หลายเรื่อง ทั้ง 30 โสด on Sales 30 กำลังแจ๋ว Single Lady เพราะเคยมีคู่ เป็นต้น ซึ่งหากกลับไปใช้แก่นเรื่องตามต้นฉบับปี 1997 ที่จนทุกวันนี้ยังไม่เคยมีเรื่องไหนซ้ำแบบนี้เลย
2. การสร้างเรียม 2018ให้มีบุคลิก ก๋ากั่น บ้าผู้ชาย ก้าวร้าว ขี้เหล้า สกปรก ซกมก ไร้มารยาท เข้าใจว่าต้องการให้เข้ากับสังคมปัจจุบัน แต่มันทำให้การเอาใจช่วยเรียมลดน้อยลงเพราะความน่ารักแบบ สาวโสด เปิ่นเชยใสซื่อ ที่เป็นเสน่ห์ของเรียม 1997 นั้นได้ขาดหายไปในเวอร์ชั่น 2018 และการไม่มีความเกรงใจ ไม่น่ารักของเรียม 2018 นี้ยิ่งสะท้อนให้เห็นชัดว่าทุกครั้งจะไปรบกวนชีวิตขององศาและสร้างปัญหาให้คู่รักเขาในที่สุด
3. เวอร์ชั่น 2018 ทำการสร้างองศา มาลิน ให้มีประเด็นรักสามเส้ากับเรียม และเรียมเป็นตัวแปรทำให้คู่องศามีปัญหากัน คือไม่น่ารักและไม่น่าเห็นใจเรียมเลย ส่วนมาลินก็ออกแนวคุณหนูงี่เง่าขี้ระแวง น่ารำคาญมากกว่าน่าเห็นใจ ในขณะที่ เวอร์ชั่น 1997 นั้น องศากับมาลินีมีปัญหาเรื่องความแตกต่างกัน มาลินเป็นแอร์และพ่อมาลินไม่ชอบองศา ส่วนเรียมเป็นที่ปรึกษา เมื่อเขามีปัญหากัน และทั้งเรียมกับมาลินเลิกกันเพราะความไม่เข้าใจกัน โดยที่ไม่มีเรียมมาเป็นตัวแปร แต่หลัง ทั้งเรียมและองศาต่างเริ่มมีพื้นที่มาพูดคุยระบายปัญหาซึ่งกันและค่อยๆ พัฒนาเป็นความรักในที่สุด ซึ่งสะท้อนกับแก่นเรื่องที่ในที่สุดเรียมก็ค้นหาคนที่พอดีกับตัวเองในที่สุด
4. ปมความรักระหว่างเรียมกับกรณ์ 2018 นั้น เรื่องแม่ไม่ปลื้มเพราะฐานะแตกต่างกัน กลับกลายเป็นเรื่องที่มีน้ำหนักลงตัวน้อยมากเลยเมื่อเปรียบเทียบกับเรียมกับวรพล 1997 เพราะเวอร์ชั่นนั้น วรพลเป็นคนที่มาหลงรักเรียมเพราะความสวย เพรียบพร้อมที่คู่ควรกับเขา แต่เมื่อได้เป็นแฟนแล้วกลับไม่สนใจเธอเท่าที่ควร จนทำให้เรียมรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอตามหา และไปตามหาคนต่อไปและไปพบกับราชัญ ซึ่งเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ เจ้าชู้ ซึ่งเป็นอีกสไตล์ ทำให้เรียมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้ง
5. นกหวีด ในเวอร์ชั่น 2018 ไม่ได้มีบทบาทสำคัญในเรื่องเลย นอกจากตลก สร้างสีสันเท่านั้น ในขณะที่ นกหวีด 1997 นั้น เป็นทุกอย่างของเรียม ทั้งคอยให้คำปรึกษา และช่วยเหลือเรียมได้ให้รอดพ้นวิกฤตจากทุกสถานการณ์ ถือได้ว่าเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวที่ขับเคลื่อนเรื่องราวของนางสาวไม่จำกัดนามสกุลเลยทีเดียว
6. พ่อ แม่ ครอบครัวเรียมคือส่วนที่น่ารัก และเติมเต็มให้นางสาว 1997 ซึ่งทั้งพ่อและแม่ของเรียม สื่อถึงความจริงใจชาวบ้านของเรียม และคืออีกคนที่เข้าใจเรียนในความเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด แต่ในเวอร์ชั่น 2018 กลับให้มีครอบครัวมาเพื่อเพิ่มความตลกและดูอิหลักอิเหลื่อยังไงไม่รู้ แต่งงานนี้อาจจะต้องดูไปยาวยาวว่าพ่อแม่จะกลับมามีบทบาทสำคัญอะไรอีกครั้งหรือไม่หลังจากที่ปะทะกับแม่ของคุณก่อนไปในวันนี้
7. เพลงประกอบละคร ในเวอร์ชั่น 1997 นั้น เพลงเปิดไตเติ้ล คือเพลงไม่ยากเลย ซึ่งเป็นมุมมองขององศา ร้องโดยพระเอก โจ จิรายุ ในขณะที่เพลงไตเติ้ลปิดคือเพลงใครสักคน เวอร์ชั่นมาข่าที่ใครๆ ค้นเคยกันดี ซึ่งเป็นการถ่ายทอดมุมมองของเรียมได้ชัดเจน แต่พอมาเป็น 2018 ทั้งเพลงเปิดและเพลงเปิดกลับใช้มุมมองของเรียมเพียวคนเดียวคือ ทางเดินแห่งรัก ร้องโดยแก้ม และ ใครสักคน คัฟเวอร์โดยลุลา ทำให้ไม่มีเพลงในมิติของฝ่ยาพระเอกที่มองนางเอกอย่างแตกต่างออกไป ซึ่งตรงนี้น่าเสียดาย
โดยรวมแล้ว ทุกอย่าง ของนางสาวไม่จำกัดนามสกุล 2018 ทั้งนักแสดง สีของภาพ การถ่ายทำ การตัดต่อ ยอมรับว่าเวอร์ชั่นนี้ทำได้ดีไม่มีที่ติเลยทีเดียว หากแต่องค์รวมยังขาดความกลมกล่มและเสน่ห์ที่ควรจะเป็น ดังที่จ่อหัวข้างต้นไว้ว่า ความลงตัวที่ “ดีพอ” แต่อาจจะ “ไม่พอดี”