เรืองไกร จี้กกต.สอบที่มาเงินซื้อโต๊ะ รปช.-พปชร. ชี้ ที'อนาคตใหม่'โดนห้ามขายของออนไลน์
https://www.matichon.co.th/politics/news_1281773
“เรืองไกร” จี้ กกต. สอบแหล่งเงินซื้อโต๊ะวานระดมทุนพรรครปช.-พปชร. พร้อมเตือนให้ดูระเบียบแบบที่เคยห้าม “อนาคตใหม่” ไว้
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม นาย
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจัดระดมทุนของพรรค รวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยการขายโต๊ะจีนโต๊ะละ 3 ล้านบาท ว่า ในกฎหมายใหม่มีข้อห้ามที่ว่าห้ามแสวงหากำไร การขายอาหารโต๊ะละ 1 ล้านบาท หรือ 3 ล้านบาท ตนก็ไม่รู้ว่า กกต. เขามองในมุมนี้หรือไม่ เพราะกกต.เอง เคยไปห้ามพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ไม่ให้ขายของออนไลน์ และกกต.ก็ออกระเบียบว่า สินค้าและบริการไม่ให้ขายเกิน 3000 บาท แต่ทั้งนี้ เป็นประเพณีที่พรรคการเมืองจะระดมทุน แต่ระดมทุนของทั้งสองพรรค เสมือนเป็นการจัดอีเวนต์โชว์ว่ามีคนนำเงินมาลงขัน แต่ถามว่าเงินจำนวนนั้นมาจากไหน กกต.ก็ควรจะติดตาม จะต้องมีการทำบัญชีแจงภายใน 30 วัน ว่าแหล่งเงินมาจากไหน เพราะอาจจะเป็นการตั้งหุ่นเชิดขึ้นมาซื้อโต๊ะหรือไม่ เพราะใครจะจ่ายเงินเป็นล้านเพื่อซื้อโต๊ะมานั่งฟังคนพูด
สมชัยแฉ! กระทรวงใหญ่ รบ.บิ๊กตู่ ซื้อโต๊ะจีนพลังประชารัฐ หลายสิบล้าน ถามใช้ภาษี?
https://www.khaosod.co.th/politics/news_1982472
สมชัยแฉ! กระทรวงใหญ่ รบ.บิ๊กตู่ ซื้อโต๊ะจีนพลังประชารัฐ หลายสิบล้าน ถามใช้ภาษี?
สมชัย แฉ! – เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.เวลา 14.00 น.นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า งานอาจเข้าที่พลังประชารัฐ(พปชร.)งานโต๊ะจีน 200 โต๊ะ น่าจะมีปัญหา เมื่อสำนักข่าวอิศรา ได้รายงาน ผังการจัดโต๊ะจีนเมื่อคืนว่า มี เป็นของกระทรวงการคลัง 20 โต๊ะเป็นเงิน 60 ล้านบาท ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 3 โต๊ะ เป็นเงิน 9 ล้านบาท จึงเป็นคำถาม ว่า
1.ผู้เป็นรัฐมนตรีได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อให้หน่วยงานราชการรัฐวิสาหกิจ สนับสนุน ค่าโต๊ะจีนเมื่อคืนหรือไม่
และ 2. หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ได้ใช้เงินงบประมาณของรัฐ หรือไปขอการสนับสนุนหน่วยงานเอกชน เพื่อให้มาสนับสนุน งาน ดังกล่าวหรือไม่ เมื่อความปรากฏดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของกกต.ในการแสวงหาข้อเท็จจริงโดยไม่จำเป็นจะต้องมีผู้ร้อง มิเช่นนั้น กกต. เองอาจถูกกล่าวหาว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยที่มาของข่าวว่ามาจาก สำนักข่าวแห่งนึ่ง
นาย
สมชัย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า หากเรื่องนี้เป็นความจริง
ซึ่งต้องพิสูจน์ก่อนว่าคำว่า คลัง คือกระทรวงการคลัง หรืออักษรย่อ ททท.เป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือไม่ หากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นความผิดชัดเจน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่หน่วยงานของรัฐจะเอาเงินหลวงซึ่งเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินมาซื้อโต๊ะในงานระดมทุนเพื่อสนับสนุนพรรคการเมือง อย่างนี้ผิดกฎหมายแน่นอน
ไม่ใช่เรื่องมารยาท ว่าสมควรหรือไม่สมควร แต่ผิดกฎหมายชัดเจน แม้กระทั่งถ้าใช้ชื่อหน่วยราชการ เช่น อ้างชื่อกระทรวง ทบวง กรม แล้วให้บริษัทเอกชนมาช่วยลงขัน อย่างนี้ก็ทำไม่ได้ เพราะถือว่าข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง
“ดังนั้น ไม่ว่ารัฐมนตรี อธิบดี หรือใครที่เป็นข้าราชการ และลงนามในหนังสือเพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยซื้อโต๊ะระดมทุนให้พรรคการเมือง หรือแม้กระทั่งการยกหูโทรศัพท์เพื่อขอให้เป็นสปอนเซอร์ซื้อโต๊ะก็ถือว่ามีความผิด เมื่อปรากฎเป็นข่าวต่อสังคม ก็ถือเป็นหน้าที่ของกกต.ที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏและชี้แจงต่อสังคม โดยไม่ต้องมีคนร้องเรียนให้ตรวจสอบ หากไม่เช่นนั้นจะถือว่ากกต.มีความผิดฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่” นาย
สมชัย กล่าว
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=10218039920014269&id=1374514777
ฟังคำตอบกกต.! พปชร.ระดมทุนจัดโต๊ะจีน 650 ล้าน ผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่
https://www.khaosod.co.th/politics/news_1982918
เลขาฯ กกต. ชี้ พปชร.จัดเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุน เป็นกิจกรรมทางการเมืองที่ทำได้ จะผิดปมหาเสียงต่อเมื่อมีพ.ร.ฎ.การเลือกตั้งส.ส.ใช้
กกต. – วันที่ 20 ธ.ค. พ.ต.อ.
จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงหลายฝ่ายเรียกร้องให้ตรวจสอบกรณี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) จัดงานเลี้ยงระดมทุนในรูปแบบโต๊ะจีน มียอดบริจาค 650 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายการเลือกตั้งส.ส.และกฎหมายพรรคการเมืองว่า ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ช่วงนี้พรรคการเมืองจัดระดมทุน บริจาค ประชุม และหาสมาชิกพรรคได้ ดังนั้น งานนี้จึงเป็นการระดมทุน
เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า แต่เรายังไม่รู้ว่าการจัดระดมทุนนั้น มันเป็นอย่างไรบ้าง รู้แค่ตอนนี้การที่เขาจัดงานระดมทุน มันเป็นกิจกรรมทางการเมืองที่หลายๆพรรคทำกัน ไม่ว่าจะขายสินค้าถือเป็นรายได้ของพรรค ซึ่งการจัดหารายได้ของพรรค มันมีทั้งจัดระดมทุน รับบริจาค
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า การจะเข้าข่ายผิดมาตรา 73 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.นั้น มันยังไม่มีเรื่องมา ถ้าใครพบเห็นหรือมีข้อเท็จจริงก็ขอให้แจ้งมายังทาง กกต.ได้เลย ส่วนจะเข้าข่ายการหาเสียงหรือไม่ ต้องบอกว่ามันยังไม่ผิดอะไร เพียงแต่กกต.จะเข้าควบคุมก็ต่อเมื่อมีพ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้
3 องค์กรกลาง นัด พรรคการเมืองลงนาม "สัญญาประชาชน"จี้ เคารพผลเลือกตั้ง'62
https://www.matichon.co.th/politics/news_1281713
3 องค์กรกลาง นัด พรรคการเมืองลงนาม “สัญญาประชาชน” ต้องเคารพผลเลือกตั้ง’62 – “โคทม” หวัง เป็นก้าวแรกก่อนปรองดอง ตอบรับพรึ่บ “เพื่อไทย-ทษช.-ปช.-อนค.-ปชป.” ด้าน “พปชร.-รปช.” รอยืนยัน
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม สถาบันสิทธิมนุษยชนนและสันติศึกษา ม.มหิดล และมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย เผยแพร่กำหนดการนัดหมายร่วมกับพรรคการเมือง ร่วมกันในพิธีลงนาม
“สัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้แก่ประชาชน” ในวันที่ 21 ธันวาคม เวลา 09.30 – 11.30 น. ที่ รร.เซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เนื่องในโอกาสที่การเลือกตั้งทั่วไปจะมาถึงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 นี้ เพื่อให้การหาเสียงเลือกตั้งเป็นกระบวนการที่มีจรรยาบรรณ และให้การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นไปโดยเคารพเสียงและความต้องการของประชาชน พรรคการเมืองจึงได้ปรึกษาหารือและร่วมกันจัดทำสัญญาดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนว่า การเลือกตั้งทั่วไปจะเป็นไปโดยเสรี สุจริต และเที่ยงธรรม
นาย
โคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ในฐานะส่วนหนึ่งของผู้จัดงานก็ได้ทำหนังสือเชิญไปยังทุกพรรคแล้ว ตอนนี้มีหนังสือตอบรับมา 20 พรรค บางพรรคอาจส่งตัวแทนมาร่วมกันในวันลงนาม ซึ่งวัตถุประสงค์ของกิจกรรมก็เพื่อน้อมใจไปสู่พรรคทั้งหลาย หวังให้สถาบันพรรคการเมืองตระหนักถึงความสำคัญของความเป็นสถาบันเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่น ทั้งนี้ ตนเป็นส่วนหนึ่งของผู้จัด ก็ทำหน้าที่เพียงตั้งโต๊ะวางข้าวปลาอาหารไว้ให้คนที่มาร่วมงานรับประทาน คนที่เป็นตัวหลักคือพรรคการเมือง หวังว่า จะเป็นเวทีให้ก้าวขึ้นไปสู่ความสง่างาม เดินไปสู่การเลือกตั้งที่มีความหมาย นำไปสู่การสร้างความปรองดองต่อไป ส่วนจะนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้งของสังคมที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่อาจตอบได้ แต่ถ้าไปถึงขั้นนั้นได้ก็จะเป็นเรื่องน่ายินดี เวทีนี้เป็นเพียงการดำเนินการเบื้องต้นก้าวหนึ่งเท่านั้น
นาย
เอกพันธุ์ ปิณฑวณิช รักษาการแทนผู้อำนวยสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการลงนามสัญญาประชาชนน ก่อนการเลือตั้งเดือน กุมภาพันธ์ 2562 นั้น จะคล้ายกับเมื่อการเลือกตั้งปี 2554 ที่มีการลงนาม เน้นไปที่จรรยาบรรณของการหาเสียงเลือกตั้ง เพียงแต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ มีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากไม่มีการเลือกตั้งมากกว่า 8 ปี จึงเพิ่มแนวทางให้พรรคการเมืองทุกพรรคแสดงออกถึงการยอมรับผลการเลือกตั้งประกอบด้วย เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่า การเลือกตั้งจะนำไปสู่สังคมประชาธิปไตย มากกว่า 4 ปีกว่าที่ผ่านมา กว่าจะมาเป็นงานลงนามในวันที่ 21 ธันวาคมนั้น ก็มีการพบปะกันทั้งวงใหญ่และวงเล็ก ตลอดจนถึงส่งจดหมายอีเมล์ ทำความเข้าใจในเนื้อหา เพื่อแสวงหาจุดร่วมให้ตรงกันมากที่สุดมาหลายครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพรรคการเมืองที่ตอบรับเข้าร่วมกว่า 20 พรรคแล้วนั้น ประกอบไปด้วยทั้งพรรคขนาดใหญ่ พรรคขนาดกลาง และพรรคที่เพิ่งจดจัดตั้งใหม่ ไม่ว่าจะเป็น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคอนาคตใหม่ พรรคสามัญชาชน พรรคเสรีรวมไทย ส่วนพรรคที่รอบการตอบรับอย่างเป็นทางการอีกครั้งคือ พรรครวมพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) อย่างไรก็ตาม สำหรับบทบาทขององค์กรกลางทั้ง 3 จะคอยทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก สาระสำคัญของเนื้อหาการลงนามจะอยู่ที่ตัวแทนจากพรรคการเมือง พร้อมกันนี้ จะมีองค์กรระหว่างประเทศ องค์กรภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคมที่เกี่ยวกับทางสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และสันติภาพ ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามครั้งนี้ด้วย
เกษตรกรช้ำ ราคา ยาง-ปาล์ม-ไก่เนื้อ ร่วง ฉุดรายได้วูบ คาดธ.ค.ยังทรุดต่อ
https://www.khaosod.co.th/economics/news_1982673
ดัชนีราคาสินค้าเกษตร ร่วง ส่งท้ายปี เดือน พ.ย. ลดลง 2.12% แนวโน้ม ธ.ค. ยังไม่ดีขึ้น ดัชนีผลผลิตวูบ 2.90% ราคายางยังฉุด ทำรายได้เกษตรกรหาย 4.96%
ราคา ยาง-ปาล์ม-ไก่เนื้อ ร่วง – น.ส.
ทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาสินค้าเกษตร ที่เกษตรกรขายได้ที่ไร่นาเดือนพ.ย. อยู่ที่ระดับ 123.48 ลดลง 2.12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสินค้าที่ราคาลดลง เช่น ยางพารา ราคาลดลงเนื่องจากมีการชะลอซื้อขายในตลาดล่วงหน้าจากสถานการณ์ความไม่แน่นอน ทางการเมืองในประเทศเศรษฐกิจหลัก ปาล์มน้ำมัน ราคาลดลงเนื่องจากภาวะการค้าในประเทศ และการส่งออกชะลอตัว ไก่เนื้อ ราคาลดลงเนื่องจากผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการบริโภคมีไม่มากนักและเมื่อเทียบกับเดือนต.ค. ดัชนีราคาลดลง 2.64% เนื่องจากมีสินค้าออกสู่ตลาดมาก
ด้านดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 279.78 ลดลง 2.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเทียบกับเดือนต.ค. ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น 105.01% สินค้าสำคัญที่ดัชนีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่ ส่วนสินค้าสำคัญที่ดัชนีผลผลิตลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ สับปะรด ปาล์มน้ำมัน และกุ้งขาวแวนนาไม ทั้งหมดทำให้ดัชนีรายได้เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 345.48 ลดลง 4.96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
หากมองแนวโน้มดัชนีรายได้เกษตรกรในเดือนธ.ค. นี้ คาดว่าแนวโน้มรายได้ของเกษตรกร ลดลง 3.34% เมื่อเทีบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากดัชนีผลผลิตที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง 2.46% สินค้าสำคัญที่มีผลผลิตลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือก อ้อยโรงงาน สับปะรด ปาล์มน้ำมัน และกุ้งขาวแวนนาไม และดัชนีราคาจะลดลง 1.41% สินค้าสำคัญที่มีราคาลดลง ได้แก่ อ้อยโรงงาน ยางพารา สับปะรด ปาล์มน้ำมัน และไก่เนื้อ
ทั้งนี้ สินค้าที่ผลผลิตออกมากในช่วงเดือนธ.ค. ได้แก่ ลำไย เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไยนอกฤดู อย่างไรก็ตาม เดือนม.ค. 2562 คาดว่า ดัชนีรายได้เกษตรกรจะยังทรงตัว ดัชนีราคามีแนวโน้มลดลง ขณะที่ดัชนีผลผลิตคาดว่าใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
JJNY : 7in1 เรืองไกรจี้สอบโต๊ะจีน/สมชัยแฉโต๊ะจีน/คำตอบกกต.!/นัดลงนามพรรค/เกษตรกรช้ำ/ปี62เตือนSME/ยอดตุ๊กตาร่วง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1281773
“เรืองไกร” จี้ กกต. สอบแหล่งเงินซื้อโต๊ะวานระดมทุนพรรครปช.-พปชร. พร้อมเตือนให้ดูระเบียบแบบที่เคยห้าม “อนาคตใหม่” ไว้
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจัดระดมทุนของพรรค รวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยการขายโต๊ะจีนโต๊ะละ 3 ล้านบาท ว่า ในกฎหมายใหม่มีข้อห้ามที่ว่าห้ามแสวงหากำไร การขายอาหารโต๊ะละ 1 ล้านบาท หรือ 3 ล้านบาท ตนก็ไม่รู้ว่า กกต. เขามองในมุมนี้หรือไม่ เพราะกกต.เอง เคยไปห้ามพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ไม่ให้ขายของออนไลน์ และกกต.ก็ออกระเบียบว่า สินค้าและบริการไม่ให้ขายเกิน 3000 บาท แต่ทั้งนี้ เป็นประเพณีที่พรรคการเมืองจะระดมทุน แต่ระดมทุนของทั้งสองพรรค เสมือนเป็นการจัดอีเวนต์โชว์ว่ามีคนนำเงินมาลงขัน แต่ถามว่าเงินจำนวนนั้นมาจากไหน กกต.ก็ควรจะติดตาม จะต้องมีการทำบัญชีแจงภายใน 30 วัน ว่าแหล่งเงินมาจากไหน เพราะอาจจะเป็นการตั้งหุ่นเชิดขึ้นมาซื้อโต๊ะหรือไม่ เพราะใครจะจ่ายเงินเป็นล้านเพื่อซื้อโต๊ะมานั่งฟังคนพูด
สมชัยแฉ! กระทรวงใหญ่ รบ.บิ๊กตู่ ซื้อโต๊ะจีนพลังประชารัฐ หลายสิบล้าน ถามใช้ภาษี?
https://www.khaosod.co.th/politics/news_1982472
สมชัย แฉ! – เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.เวลา 14.00 น.นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า งานอาจเข้าที่พลังประชารัฐ(พปชร.)งานโต๊ะจีน 200 โต๊ะ น่าจะมีปัญหา เมื่อสำนักข่าวอิศรา ได้รายงาน ผังการจัดโต๊ะจีนเมื่อคืนว่า มี เป็นของกระทรวงการคลัง 20 โต๊ะเป็นเงิน 60 ล้านบาท ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 3 โต๊ะ เป็นเงิน 9 ล้านบาท จึงเป็นคำถาม ว่า
1.ผู้เป็นรัฐมนตรีได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อให้หน่วยงานราชการรัฐวิสาหกิจ สนับสนุน ค่าโต๊ะจีนเมื่อคืนหรือไม่
และ 2. หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ได้ใช้เงินงบประมาณของรัฐ หรือไปขอการสนับสนุนหน่วยงานเอกชน เพื่อให้มาสนับสนุน งาน ดังกล่าวหรือไม่ เมื่อความปรากฏดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของกกต.ในการแสวงหาข้อเท็จจริงโดยไม่จำเป็นจะต้องมีผู้ร้อง มิเช่นนั้น กกต. เองอาจถูกกล่าวหาว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยที่มาของข่าวว่ามาจาก สำนักข่าวแห่งนึ่ง
นายสมชัย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า หากเรื่องนี้เป็นความจริง ซึ่งต้องพิสูจน์ก่อนว่าคำว่า คลัง คือกระทรวงการคลัง หรืออักษรย่อ ททท.เป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือไม่ หากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นความผิดชัดเจน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่หน่วยงานของรัฐจะเอาเงินหลวงซึ่งเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินมาซื้อโต๊ะในงานระดมทุนเพื่อสนับสนุนพรรคการเมือง อย่างนี้ผิดกฎหมายแน่นอน
ไม่ใช่เรื่องมารยาท ว่าสมควรหรือไม่สมควร แต่ผิดกฎหมายชัดเจน แม้กระทั่งถ้าใช้ชื่อหน่วยราชการ เช่น อ้างชื่อกระทรวง ทบวง กรม แล้วให้บริษัทเอกชนมาช่วยลงขัน อย่างนี้ก็ทำไม่ได้ เพราะถือว่าข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง
“ดังนั้น ไม่ว่ารัฐมนตรี อธิบดี หรือใครที่เป็นข้าราชการ และลงนามในหนังสือเพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยซื้อโต๊ะระดมทุนให้พรรคการเมือง หรือแม้กระทั่งการยกหูโทรศัพท์เพื่อขอให้เป็นสปอนเซอร์ซื้อโต๊ะก็ถือว่ามีความผิด เมื่อปรากฎเป็นข่าวต่อสังคม ก็ถือเป็นหน้าที่ของกกต.ที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏและชี้แจงต่อสังคม โดยไม่ต้องมีคนร้องเรียนให้ตรวจสอบ หากไม่เช่นนั้นจะถือว่ากกต.มีความผิดฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่” นายสมชัย กล่าว
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=10218039920014269&id=1374514777
ฟังคำตอบกกต.! พปชร.ระดมทุนจัดโต๊ะจีน 650 ล้าน ผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่
https://www.khaosod.co.th/politics/news_1982918
เลขาฯ กกต. ชี้ พปชร.จัดเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุน เป็นกิจกรรมทางการเมืองที่ทำได้ จะผิดปมหาเสียงต่อเมื่อมีพ.ร.ฎ.การเลือกตั้งส.ส.ใช้
กกต. – วันที่ 20 ธ.ค. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงหลายฝ่ายเรียกร้องให้ตรวจสอบกรณี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) จัดงานเลี้ยงระดมทุนในรูปแบบโต๊ะจีน มียอดบริจาค 650 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายการเลือกตั้งส.ส.และกฎหมายพรรคการเมืองว่า ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ช่วงนี้พรรคการเมืองจัดระดมทุน บริจาค ประชุม และหาสมาชิกพรรคได้ ดังนั้น งานนี้จึงเป็นการระดมทุน
เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า แต่เรายังไม่รู้ว่าการจัดระดมทุนนั้น มันเป็นอย่างไรบ้าง รู้แค่ตอนนี้การที่เขาจัดงานระดมทุน มันเป็นกิจกรรมทางการเมืองที่หลายๆพรรคทำกัน ไม่ว่าจะขายสินค้าถือเป็นรายได้ของพรรค ซึ่งการจัดหารายได้ของพรรค มันมีทั้งจัดระดมทุน รับบริจาค
3 องค์กรกลาง นัด พรรคการเมืองลงนาม "สัญญาประชาชน"จี้ เคารพผลเลือกตั้ง'62
https://www.matichon.co.th/politics/news_1281713
3 องค์กรกลาง นัด พรรคการเมืองลงนาม “สัญญาประชาชน” ต้องเคารพผลเลือกตั้ง’62 – “โคทม” หวัง เป็นก้าวแรกก่อนปรองดอง ตอบรับพรึ่บ “เพื่อไทย-ทษช.-ปช.-อนค.-ปชป.” ด้าน “พปชร.-รปช.” รอยืนยัน
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม สถาบันสิทธิมนุษยชนนและสันติศึกษา ม.มหิดล และมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย เผยแพร่กำหนดการนัดหมายร่วมกับพรรคการเมือง ร่วมกันในพิธีลงนาม “สัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้แก่ประชาชน” ในวันที่ 21 ธันวาคม เวลา 09.30 – 11.30 น. ที่ รร.เซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เนื่องในโอกาสที่การเลือกตั้งทั่วไปจะมาถึงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 นี้ เพื่อให้การหาเสียงเลือกตั้งเป็นกระบวนการที่มีจรรยาบรรณ และให้การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นไปโดยเคารพเสียงและความต้องการของประชาชน พรรคการเมืองจึงได้ปรึกษาหารือและร่วมกันจัดทำสัญญาดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนว่า การเลือกตั้งทั่วไปจะเป็นไปโดยเสรี สุจริต และเที่ยงธรรม
นายโคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ในฐานะส่วนหนึ่งของผู้จัดงานก็ได้ทำหนังสือเชิญไปยังทุกพรรคแล้ว ตอนนี้มีหนังสือตอบรับมา 20 พรรค บางพรรคอาจส่งตัวแทนมาร่วมกันในวันลงนาม ซึ่งวัตถุประสงค์ของกิจกรรมก็เพื่อน้อมใจไปสู่พรรคทั้งหลาย หวังให้สถาบันพรรคการเมืองตระหนักถึงความสำคัญของความเป็นสถาบันเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่น ทั้งนี้ ตนเป็นส่วนหนึ่งของผู้จัด ก็ทำหน้าที่เพียงตั้งโต๊ะวางข้าวปลาอาหารไว้ให้คนที่มาร่วมงานรับประทาน คนที่เป็นตัวหลักคือพรรคการเมือง หวังว่า จะเป็นเวทีให้ก้าวขึ้นไปสู่ความสง่างาม เดินไปสู่การเลือกตั้งที่มีความหมาย นำไปสู่การสร้างความปรองดองต่อไป ส่วนจะนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้งของสังคมที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่อาจตอบได้ แต่ถ้าไปถึงขั้นนั้นได้ก็จะเป็นเรื่องน่ายินดี เวทีนี้เป็นเพียงการดำเนินการเบื้องต้นก้าวหนึ่งเท่านั้น
นายเอกพันธุ์ ปิณฑวณิช รักษาการแทนผู้อำนวยสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการลงนามสัญญาประชาชนน ก่อนการเลือตั้งเดือน กุมภาพันธ์ 2562 นั้น จะคล้ายกับเมื่อการเลือกตั้งปี 2554 ที่มีการลงนาม เน้นไปที่จรรยาบรรณของการหาเสียงเลือกตั้ง เพียงแต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ มีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากไม่มีการเลือกตั้งมากกว่า 8 ปี จึงเพิ่มแนวทางให้พรรคการเมืองทุกพรรคแสดงออกถึงการยอมรับผลการเลือกตั้งประกอบด้วย เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่า การเลือกตั้งจะนำไปสู่สังคมประชาธิปไตย มากกว่า 4 ปีกว่าที่ผ่านมา กว่าจะมาเป็นงานลงนามในวันที่ 21 ธันวาคมนั้น ก็มีการพบปะกันทั้งวงใหญ่และวงเล็ก ตลอดจนถึงส่งจดหมายอีเมล์ ทำความเข้าใจในเนื้อหา เพื่อแสวงหาจุดร่วมให้ตรงกันมากที่สุดมาหลายครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพรรคการเมืองที่ตอบรับเข้าร่วมกว่า 20 พรรคแล้วนั้น ประกอบไปด้วยทั้งพรรคขนาดใหญ่ พรรคขนาดกลาง และพรรคที่เพิ่งจดจัดตั้งใหม่ ไม่ว่าจะเป็น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคอนาคตใหม่ พรรคสามัญชาชน พรรคเสรีรวมไทย ส่วนพรรคที่รอบการตอบรับอย่างเป็นทางการอีกครั้งคือ พรรครวมพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) อย่างไรก็ตาม สำหรับบทบาทขององค์กรกลางทั้ง 3 จะคอยทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก สาระสำคัญของเนื้อหาการลงนามจะอยู่ที่ตัวแทนจากพรรคการเมือง พร้อมกันนี้ จะมีองค์กรระหว่างประเทศ องค์กรภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคมที่เกี่ยวกับทางสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และสันติภาพ ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามครั้งนี้ด้วย
เกษตรกรช้ำ ราคา ยาง-ปาล์ม-ไก่เนื้อ ร่วง ฉุดรายได้วูบ คาดธ.ค.ยังทรุดต่อ
https://www.khaosod.co.th/economics/news_1982673
ราคา ยาง-ปาล์ม-ไก่เนื้อ ร่วง – น.ส.ทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาสินค้าเกษตร ที่เกษตรกรขายได้ที่ไร่นาเดือนพ.ย. อยู่ที่ระดับ 123.48 ลดลง 2.12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสินค้าที่ราคาลดลง เช่น ยางพารา ราคาลดลงเนื่องจากมีการชะลอซื้อขายในตลาดล่วงหน้าจากสถานการณ์ความไม่แน่นอน ทางการเมืองในประเทศเศรษฐกิจหลัก ปาล์มน้ำมัน ราคาลดลงเนื่องจากภาวะการค้าในประเทศ และการส่งออกชะลอตัว ไก่เนื้อ ราคาลดลงเนื่องจากผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการบริโภคมีไม่มากนักและเมื่อเทียบกับเดือนต.ค. ดัชนีราคาลดลง 2.64% เนื่องจากมีสินค้าออกสู่ตลาดมาก
ด้านดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 279.78 ลดลง 2.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเทียบกับเดือนต.ค. ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น 105.01% สินค้าสำคัญที่ดัชนีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่ ส่วนสินค้าสำคัญที่ดัชนีผลผลิตลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ สับปะรด ปาล์มน้ำมัน และกุ้งขาวแวนนาไม ทั้งหมดทำให้ดัชนีรายได้เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 345.48 ลดลง 4.96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
หากมองแนวโน้มดัชนีรายได้เกษตรกรในเดือนธ.ค. นี้ คาดว่าแนวโน้มรายได้ของเกษตรกร ลดลง 3.34% เมื่อเทีบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากดัชนีผลผลิตที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง 2.46% สินค้าสำคัญที่มีผลผลิตลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือก อ้อยโรงงาน สับปะรด ปาล์มน้ำมัน และกุ้งขาวแวนนาไม และดัชนีราคาจะลดลง 1.41% สินค้าสำคัญที่มีราคาลดลง ได้แก่ อ้อยโรงงาน ยางพารา สับปะรด ปาล์มน้ำมัน และไก่เนื้อ
ทั้งนี้ สินค้าที่ผลผลิตออกมากในช่วงเดือนธ.ค. ได้แก่ ลำไย เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไยนอกฤดู อย่างไรก็ตาม เดือนม.ค. 2562 คาดว่า ดัชนีรายได้เกษตรกรจะยังทรงตัว ดัชนีราคามีแนวโน้มลดลง ขณะที่ดัชนีผลผลิตคาดว่าใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา