[CR] [Review] Aquaman (2018) : หนังซูเปอร์ฮีโร่ DC ที่มีความเป็น Marvel ที่สุดในปีนี้

Aquaman // อควาแมน เจ้าสมุทร (2018)

บอกแบบไม่อ้อมค้อมเลย อควาแมนเป็นหนัง DC ที่ดูมีความเป็น Marvel ที่สุดในตอนนี้ อย่าง อาร์เธอร์ ยิ้ม (Arthur Curry) หรืออควาแมน แทบจะลืมภาพตาฮิปปี้ขี้เหวี่ยงปากจัดใน Justice League ไปเลย ในเรื่องนี้สงสัยจะ appreciate กับการทำงานเป็นทีมในเรื่องนั้นมาเยอะ แกเลยซอฟต์ลงอย่างเห็นได้ชัด พยายามหยอดมุกมากขึ้น ดู ๆ แล้วเหมือน DC พยายามจะสร้างตามนุษย์ปลาให้เป็นตัวคู่ขนานกับเทพสายฟ้าแห่ง Marvel ในขณะที่เนื้อเรื่องนี่ก็ Wakanda Forever มาก ศึกชิงบัลลังก์ระหว่างพี่น้องที่จุดยืนเกี่ยวกับประเทศชาติต่างกัน ตัวร้ายที่ทำเรื่องร้ายเพราะมีเจตนาดี รักชาติกว่าใคร

ในส่วนของเนื้อเรื่อง โอ้โห เดินเร็วมาก Infinity War ยังเร็วไม่เท่านี้เลยมั้ง แต่ที่น่าประทับใจมากคือ ในการเดินเรื่องเร็วของหนังเรื่องนี้ เท่าที่จำได้ ไม่มีฉากไหนที่เรื่องเดินผ่านไปแบบไม่มีความหมายเลย lore อะไรที่เรื่องเปิดมาในครึ่งแรก มันต้องมาโผล่หรือมีบทบาทในครึ่งหลังไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง 7 อาณาจักรแห่งท้องทะเลเหรอ เดี๋ยวได้รู้จักจนครบ สัตว์ร้ายในตำนานแอตแลนติสเหรอ เดี๋ยวได้เห็นตัวเป็น ๆ แน่ (แล้วมาแบบไคจูอีกต่างหาก) ฉากที่ไม่ได้จำเป็นกับการเดินเรื่องเลยฉากเดียวในเรื่องคือตอนชาวบ้านมาขอเซลฟี่กับอควาแมนที่ร้านเหล้าท้องถิ่น (ร้านเดียวกับที่บรูซ เวร ไปเจอตานี่ครั้งแรกใน JL) แต่ก็เป็นการปูพื้นว่า ตานี่เป็นที่รักของคนท้องถิ่นอยู่นะ คือเติบโตในฐานะซูเปอร์ฮีโร่จากตอน JL มาพอควร

จะว่าไป เรื่องนี้เรียกได้ว่าเดินตามสูตร Monomyth หรือ Hero's Journey ตามทฤษฎีของโจเซฟ แคมป์เบล (Joseph Campbell) เป๊ะ ๆ เริ่มจาก "Departure" ตัวเอกต้องออกจากสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย เข้าสู่โลกที่แปลกใหม่ ต่อมาคือ "Trial" เผชิญบททดสอบต่าง ๆ ที่ทำให้ได้เรียนรู้ เข้าใจตัวเอง และได้เติบโต จนในที่สุดก็ได้บรรลุหน้าที่ในฐานะวีรบุรุษ ก่อนจะ "Return" หรือกลับสู่โลกเดิมในฐานะตัวตนใหม่ที่เข้าใจอะไร ๆ มากขึ้น และระหว่างนั้นในทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ มันก็จะมีขั้นตอนแยกย่อยอีกมากมาย เช่น พบเจออาจารย์ เผชิญด้านมืดของตัวเอง (ซึ่งมักมาในรูปตัวละครคู่แข่งหรือศัตรู) ดำดิ่งลงสู่ abyss (มาในรูปของถ้ำมืด ทะเลลึก ขุมนรก หรืออะไรครือ ๆ กัน ในฐานะภาพแทนของจิตไร้สำนึกหรือจิตใจเบื้องลึก) ได้เรียนรู้ตัวเอง ได้คืนดีกับพ่อ (หรือตัวแทนพ่อ) หรือกลับสู่ชาติกำเนิด รวมถึงกลายเป็นผู้ที่บรรลุแจ้งทั้ง 2 โลก (คือโลกของคนธรรมดาก่อนออกเดินทาง กับโลกมหัศจรรย์ที่ตัวเอกได้มาทำบททดสอบค้นพบตัวเอง) เป็นผู้รวม 2 โลกไว้ด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถหยิบเอาฉากใน Aquaman มาแทนค่าสมการได้หมดเลย เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะเอามาทำในวันหลัง

นอกจากนั้น เรื่องนี้สื่อประเด็นเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างค่อนข้างชัดเจน ตั้งแต่ฉายภาพทะเลที่เต็มไปด้วยเศษขยะจากโลกมนุษย์ (ซึ่งตัวร้ายก็หยิบยกไปเป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมในการเปิดวอร์กับชาวบกอย่างเรา ๆ) ไปจนถึงสร้างภาพโลกใต้สมุทร ทั้งเมืองชาวสมุทรแต่ละเขตแดนที่มีรูปแบบสังคม วัฒนธรรม สถาปัตยกรรมต่างกัน แต่ก็ดูสดใสสวยงาม จนน่าเสียดายที่มุมกล้องตัดไปตัดมาเร็วเกินไปหน่อย ชื่นชมรายละเอียดกันแทบไม่ทัน

เหลืออะไรให้พูดถึงอีก เอาอันนี้ละกัน เรื่องนี้ดูในฐานะหนัง stand alone น่าจะดีกว่ามองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลหนังฮีโร่ DC หรือหนังที่มีเนือเรื่องต่อจาก JL เพราะนอกจากตัวอควาแมน นางเอก และการเอ่ยถึงชื่อสเตปเปนวูล์ฟ (ตัวร้ายบทแบน ๆ ที่พอจะแพ้ก็แพ้แบบง่าย ๆ) ก็แทบมองความต่อเนื่องเชื่อมโยงกับ JL ไม่ได้เลย เหมือนว่าอะไรที่เกิดขึ้นในเรื่องนั้นแทบไม่ได้ข้ามมาถึงเรื่องนี้ แต่ไม่มีความเชื่อมโยงแบบนี้ก็ดีแล้วละ เพราะ JL ก็ใช่ว่าจะเป็นหนังดีอะไร อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ยังทำได้ดีกว่า เหมาะแล้วที่จะเป็นหนังส่งท้ายปีของค่าย DC ประจำปี 2018
ชื่อสินค้า:   Aquaman (2018)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่