[CR] 🍂 Autumn in LANGTANG Valley 🍃 [นะมัสสะเตเนปาล] รักเขา อย่าแพ้เขา

สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิป นี่เป็นกระทู้รีวิวแรกของเราสองคนนะครับ หลักจากที่ดองไว้ร่วมสองเดือน ก็อยากจะนำประสบการณ์ในการเดินเทรคกิ้งที่เนปาลมาแบ่งปันกันครับ

การเดินทางไปยังเนปาลครั้งแรกครั้งนี้ มีจุดหมายเพื่อที่จะไปเทรคกิ้งเป็นหลัก ซึ่งเส้นทางเทรคกิ้งที่เนปาลนั้นก็มีเส้นทางนิยมมากมาย เราตกลงใจกันว่าจะไป ABC เพราะเส้นทางนี้มีข้อมูลให้เก็บค่อนข้างเยอะ แต่จนแล้วจนเล่า เราก็โดนกระทู้รีวิว Langtang (ซึ่งมีอยู่น้อยนิด) ตกจนได้

เราเริ่มเดินทางกันตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.-8 พ.ย. 61 รวม 12 วัน โดยใช้เวลาเดินเทรคทั้งหมด 8 วันที่เหลือก็เที่ยวในกาฐมาณฑุและภัคตาปูร์
(อาจมีรีวิวพาสเมืองตามมา)



เริ่มต้นจากสนามบินดอนเมืองโดยสายการบิน Thai lion air   ใช้เวลาบินเกือบๆ3 ชั่วโมง ถึงสนามบินตรีภูวัน ซึ่งที่นี่เราสามารถทำเรื่อง on arrival visa ด้วยตัวเองที่เครื่องทำวีซ่าอัตโนมัติ ได้ง่ายๆ โดยจะมีใบเสร็จให้เราไปชำระที่เค๊าท์เตอร์เช็คอิน ในจุดนี้เสียค่าธรรมเนียม 25$ สำหรับ 15 วัน เราสามารถจ่ายเป็นสกุลเงินอื่นได้ครับ รวมถึงบาทไทย แต่อาจจะเสียเปรียบอัตราแลกเปลี่ยน แนะนำให้จ่ายเป็นเงิน US ดีกว่า


ติดกันกับเค๊าท์เตอร์จ่ายค่าธรรมเนียม เป็นมุมแลกเงินสำหรับคนที่ไม่ได้แลกเงินมาล่วงหน้า ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนต่ำกว่าในย่านทาเมลพอสมควร (ถ้าจำเป็นต้องแลกแนะนำให้แลกแค่พอสำหรับค่าวีซ่าค่าแท๊กซี่พอ แล้วค่อยไปแลกในร้านแลกเงินในทาเมลที่ให้เรตดีกว่า)

เราซื้อทัวร์ Trekking to Langtang Valley ผ่านเวปไซต์ www.bookmundi.com ไว้แล้ว โดยโอนเงินมัดจำไว้ 40% เป็นเงินดอลล่าห์
ถึงเวลาออกจากสนามบิน ยังไม่เห็นป้ายชื่อตัวเองตามที่นัดกันไว้ พยายามเดินวนหา ก็มีชาวเนปาลีคนหนึ่งเข้ามาชาร์ตว่าอยากได้แท็กซี่มั้ย เราก็บอกไปว่ามีคนมารับ นัดไว้แล้ว พอได้ยินอย่างนั้นเขาก็ถามว่า บริษัทอะไร? มีเบอร์มั้ย? จะโทรถามให้ เราไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน แต่ก็วัดใจให้เบอร์ติดต่อ บ. เค้าไป สรุปว่าเค้าโทรตามให้จริงๆ และคนที่นัดไว้ก็กำลังมาถึงพอดี

ถือเป็นเรื่องประทับใจแรก เมื่อคนที่นัดเราไว้มาถึงก็แสดงตัวว่าเป็นManaging  Director คล้องพวงมาลัยดาวเรือง พร้อมชักภาพหมู่ก็เป็นอันจบพิธี ออกจากสนามบินตรงไปยังที่พักที่เราจองเองไว้ล่วงหน้าในทาเมล ความรู้สึกของการซื้อทัวร์เที่ยวครั้งแรกของเราก็รู้สึกแปลกไปอีกแบบ

ระยะทางจากสนามบินตรีภูวันไปที่ย่านทาเมลถือว่าไม่ไกล แต่รถติดเพราะความแออัดของยานพาหนะบนถนนที่ไม่มีไฟจราจร การจัดการทางถนนเป็นเรื่องของตำรวจตามแยก ช่วยกันเป่าช่วยกันโบก กว่าจะถึงก็ปาไปเกือบ ช.ม.


เช้าวันถัดมา หมายมั่นว่าจะออกมากินอาหารเช้าที่ รร. จัดไว้ให้ โดยปกติเค้าจะให้ทานตอน 8.30 น. แต่ด้วยว่าไกด์นัดเราไว้ 7.30 น. ถึงได้ถามล่วงหน้าไว้ตั้งแต่ตอนจ่ายเงินค่าที่พักแล้ว พนง.ก็บอกว่าได้เลยไม่มีปัญหา พอถึงเวลาจริงๆ เป็น พนง.คนล่ะคนกับเมื่อคืน และปฏิเสธว่า ไม่สามารถจัดอาหารให้ได้ ขนมปังส่งมาไม่ทัน..
สุดท้ายต้องออกมาเดินหาของกินที่ยังไม่มีร้านไหนเปิด จนไปหยุดที่ร้านของชำ ซื้อขนมปังคล้ายๆโดนัทชิ้นล่ะ 2 บาท บ้านเรากินรองท้องกับนมถุง (เหมือนนมโรงเรียน) เมื่อถึงเวลาไกด์ ชื่อ Raj มารอที่ล็อบบี้ เพื่อพาเราไปส่งขิ้นแท๊กซี่ไปท่ารถบัสเพื่อเดินทางต่อไป Syabru besi

กระเป๋า backpack ใบใหญ่จะถูกจัดที่ทางไว้บนหลังคารถบัส แต่กระเป๋า Day-pack เอาขึ้นรถไปยัดบนช่องเก็บของเหนือศีรษะได้ รถบัสนี้เป็นรถไม่มีแอร์ คันใหญ่กว่ารถเมล์ร่วมฯคันเล็กในกรุงเทพนิดหน่อย แต่ที่นั่งนี้ติดกันจนเข่าชนเบาะหน้า (ผมสูง 180 ซ.มค่อนข้างนั่งลำบาก)


เราใช้เวลาโยกเยก(จริงๆคำว่าโยกเยกยังน้อยไป ลักษณะเป็นการเหวี่ยงซ้ายและขวาสลับกัน)ไปสภาพถนนริมภูเขา ไม่ต่ำกว่า 8 ช.ม.  โดยแวะกินข้าวกลางวันระหว่างทางหนึ่งครั้ง และมีแวะให้เข้าห้องน้ำทุก 2 ช.ม. เส้นทางสายนี้มีสภาพถนนที่ย่ำแย่มาก รถธรรมดาไม่มีทางผ่านได้ แต่ทิวทัศน์ทุ่งนาขั้นบันไดริมเขาเป็นช่วงๆ ก็ชวนให้หยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาบันทึกภาพไว้เหมือนกัน ก่อนพระอาทิตย์หมดแสงของวันนั้น เราก็มาถึงเกสท์เฮาส์ใน เมือง Syabru besi วางกระเป๋า อาบน้ำ กินข้าว พักผ่อน เพื่อเตรียมเริ่มเดินเทรคกิ้ง ในวันพรุ่งนี้



Trekking Day I flower Syabru besi - Lama hotel

7.30 น. อาหารเช้าที่สั่งล่วงหน้าไว้เมื่อคืนก็ถูกเสริฟตามเวลาที่กำหนด ที่คือมื้อสุดท้ายก่อนการเทรคกิ้งที่เราจะได้กินเนื้อสัตว์ (เนื้อสัตว์ที่ว่านี้มีแค่เนื้อไก่) เมื่อเราจัดการกับมื้อเช้า เข้าห้องน้ำห้องท่าเสร็จ ลูกหาบก็เริ่มมัดกระเป๋า backpack ของเราเข้าด้วยกัน รวมๆน้ำหนักน่าจะเกือบ 30 กก. แล้วเอาเชือกที่หุ้มด้วยผ้ากระสอบป่าน รั้งไว้กับหน้าผากก้มโค้งใช้หลังแบกรับน้ำหนัก หันมาชูนิ้วโป้งก่อนเดินออกจากที่พักนำหน้าเราไป อันเป็นสัญญาณว่าการเทรคกิ้งได้เริ่มขึ้นแล้ว


เราเริ่มเดินจากระดับความสูง 1300 ม. จากระดับน้ำทะเล ขึ้นไปตามความลาดของเนินเขาที่ไม่ชันมาก  เราเดินไปเคล้าเคียงกับคณะอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้มีคนเยอะจนหนาตาเพราะเส้นนี้ไม่ใช่เส้นทางยอดนิยมอย่าง ABC หรือ EBC เส้นทางเทรคกิ้งนี้เป็นการเดินขึ้นไปตามแม่น้ำลังทัง ไปจนถึงภูเขาน้ำแข็งอันเป็นจุดหมาย

ช่วงแรกของการเดินจะถูกขนาบด้วยต้นไม้สีเขียวสองข้างทางที่ยังไม่สูงใหญ่มากหลายชนิด เช่นต้นกัญชา เดินไปเรื่อยๆ มีสติอยู่กับสองเท้าที่ย่างก้าวไปบนก้อนหิน ก่อนถึงจุดพักแรก ไกด์ชี้ให้เงยขึ้นดูรังผึ้งรวงใหญ่ หลายรวงห้อยอยู่ริมผา ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ

เราแวะทานอาหารกลางวันกันที่ Bamboo ปรากฎว่าอาหารที่สั่งไปจานใหญ่มาก ปริมาณคูณสองจากร้านอาหารตามสั่งที่เมืองไทย ทำให้เรากินไม่หมด มื้อนั้นเราจบที่ถูกไกด์ว่ากล่าวเรื่องห้ามทานอาหารเหลือ โดยเฉพาะบนภูเขาที่การขนส่งลำบาก เรายอมรับแต่โดยดี เพราะปกติไม่ใช่คนกินทิ้งกินขว้าง แต่ไม่รู้ล่วงหน้าจริงๆว่า ปริมาณอาหารจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ *ตรงนี้สำคัญนะครับถือว่าเป็นการ respectกันและกัน พยายามสั่งอาหารให้พอดีและทานให้หมด*

น่าตาของเจ้า Chocolate pudding ที่เราสั่งกันมาคนละถ้วย กินไปนิดนึงก็เหลือทิ้งเพียบ

จากนั้นการสั่งอาหารเป็นเรื่องที่เราต้องระแวงระวังไปตลอดทาง (ด้วยปริมาณอาหารที่เยอะอยู่แล้ว และน้ำร้อนเป็นสิ่งที่ต้องซื้อ การนำมาม่ากระป๋องไป อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์มาก แต่ก็ไม่แย่ถ้ากระเป๋ามีที่เหลือพอให้ยัดลงไป สิ่งที่แนะนำมากกว่า คือ พวกน้ำพริก พริกป่น น้ำปลา ฯลฯ ที่จะช่วยชูรสชาติอาหารให้ถูกปากไทยๆอย่างเรามากขึ้น)

หลังมื้อเที่ยง ความอิ่มเริ่มถูกท้าทายด้วยทางชัน ตอนแรกเราไม่ได้ใช้ trekking pole แต่พอถึงช่วงที่ชันขึ้น กล้ามเนื้อตรงน่องขาสองข้างเริ่มส่งสัญญาณประท้วง ตะคริวเหมือนมาจ่ออยู่ใกล้ๆ พร้อมจะออกอาการ แต่พอเริ่มใช้ trekking pole เป็นไม้ค้ำยัน อาการดังกล่าวก็หายไป เราเตาะแตะไต่ความชันมาถึง Rimche ก็แวะพักกันอีกครั้ง Rimche นี้


เมื่อเดินต่ออีกประมาณ 40 นาที ก็ถึงจุดที่เราจะพักผ่อนหลังการเดินวันแรก Lama hotel เป็นคล้ายหมู่บ้านมีเกสท์เฮาส์ปลูกติดๆกันหลายหลัง ค่อนข้างหนาแน่น ที่พักของเราไม่มีผ้าห่มให้ ทำให้คืนแรกของเราผ่านไปอย่างหนาวเหน็บแม้มีถุงนอนที่เตรียมมาก็ตาม ที่นี่มีอาบอุ่นให้อาบแต่คิดค่าบริการ จำไม่ผิดน่าจะ 100 รูปี แต่เราสองคนมาถึงในเวลาที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่จึงงดเว้นกิจกรรมส่วนนี้ไป


Trekking Day II flower Lama hotel - Mundo

วันนี้เราออกเดินทางเร็วขึ้นกว่าวันแรกครึ่ง ช.ม. เส้นทางช่วงเช้าเป็นการเดินขึ้นบันได ที่เป็นการเอาหินก้อนใหญ่ๆมาเรียงไว้แบบแค่ให้ก้าวขึ้นไปได้ สลับกับทางลาดโรยรายด้วยหินขนาดกำมือจนถึงก้อนกรวด รองเท้าเดินป่ายี่ห้อดีๆ ยังไถลได้ไม่ยาก เรียกว่าออกกำลังกายกันแต่เช้า

ฝั่งซ้ายมือเป็นแม่น้ำที่เริ่มกลายเป็นน้ำตก ลดหลั่นไปตามสาย เสียงสายน้ำกระหน่ำฟาดโขดหินก็พอเดาได้ว่า ลำน้ำช่วงนี้ชันขึ้นเรื่อยๆ ทางเดินบางช่วงแคบขนาดหนึ่งศอก เมื่อมีคนเดินสวนมาต้องหยุดให้ทางใดทางหนึ่งไปก่อน แต่ถ้าเป็นขบวนลาขนของบางครั้งต้องถอยกรูดไปยังพื้นที่ที่กว้างพอให้แถวตอนเรียงหนึ่งของลากับเด็กต้อนลาที่ตามหลังมาผ่านไป
ผ่านจุดพักแรกไปสีเขียวของป่าค่อยๆแซมสีเหลืองบ้าง แดงบ้าง สีสันใบไม้ที่ตัดกันดูสวยงามไปอีกแบบ สมกับเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงหล่นผลัดใบ ก่อนเข้าสู่ฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคม เราพักกินมื้อเที่ยงวันที่สอง ที่ Goda tabela บนความสูงประมาณ 3008 ม. ก่อนออกเดินต่อไปอีก 4 ช.ม. เพื่อพักที่หมู่บ้าน Mundo

เส้นทางเทรคกิ้งนี้ ตั้งชื่อตามหมู่บ้านลังทัง (Langtang village) หมู่บ้านของชนเผ่า Tamang เป็นชนกลุ่มน้อยชาวพุทธ เชื้อสายทิเบต ที่ปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นอดีตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2015 หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านถูกภูเขาหินถล่ม ฝังกลบไปจนไม่เหลือร่องรอย หลังจากมหาภัยพิบัติครั้งใหญ่ของชาวเนปาลทั้งประเทศ ผ่านไปปีกว่าๆ เส้นทางเทรคกิ้งนี้เปิดให้นักเดินทางเข้าพื้นที่อีกคริ้ง พร้อมกับหมู่บ้านลังทังที่ก่อร่างสร้างขึ้นใหม่ตามกำลังของชาวบ้านบางส่วนที่รอดชีวิต ซึ่งตั้งห่างออกจากจุดเดิมไปไม่เกินหนึ่งกิโลเมตร

วันนี้เรามาถึงจุดที่เคยเป็นหมู่บ้านลังทังเดิม ซึ่งกลายมาเป็นลานหินถล่มขนาดกว้างกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ลาดเอียงลงมาจากภูผาด้านซ้าย เราเดินตัดข้ามผืนหินที่ฝังร่างชาวบ้านและนักเดินทางรวมกว่าสามร้อยชีวิตอยู่ข้างใต้ด้วยจิตเคารพต่อดวงวิญญาณของผู้ประสบภัย

สิ่งปลูกสร้างเพียงอาคารเดียวที่ยังคงไว้ให้เห็นจากเหตุการณืแผ่นดินไหวในอดีต
อนุสรณ์ที่จารึกรายชื่อผู้เสียชีวิตและบุคคลสูญหาย ซึ่งมีทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว Rest in place เม่าติดดอย

เราเดินเท้าต่อไปอีกเกือบหนึ่ง ช.ม. เข้าพักที่หมู่บ้าน Mundo โดยไกด์ให้เหตุผลว่า ใกล้จุดหมายของวันรุ่งขึ้นมากกว่า และห้องพักก็ดีกว่า ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบว่าห้องพักดีจริงๆ เพราะมีห้องน้ำในตัว เมื่อทอดสายตาจากหน้าต่างห้อง เรามองเห็นยอดเขา Ganchempo หนึ่งใน Langtang mountain range เด่นตะหง่าน สีขาวของหิมะบนยอดกำลังถูกทาบทาด้วยแสงสุดท้ายของวัน สะท้อนสีส้มก่อนตะวันลับไป
พักให้ร่างกายฟื้นตัวก็ออกไปล่าช้างสักหน่อย
คืนนี้แทบจะเป็นคืนที่หลับสบายที่สุดเลยเชียว

มีต่อพาส 2 ➽
ชื่อสินค้า:   ท่องเที่ยวเนปาล
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

    ข้อมูลเพิ่มเติม

  • รีวิวท่องเที่ยวเนปาลฉบับเดินเทรคกิ้ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่