คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
มาสรุปนะครับ หลังจากประกาศข่าวดอกเบี้ย ตลาดก็พังพินาส ผมจึงต้องสับกองทุนจากหุ้นทั้งไทยและตปท.ไปเป็นกองทุนตราสารหนี้เรียบร้อยครับ ยอดขาดทุน 2 แสนบาท (-5%)
ถือเป็นอุทาหรณ์ว่า ลงทุนมั่วๆ ไม่มีความรู้ ก้chipหายได้ แค่ลงทุนหุ้นก็ยากแล้ว จะไปลงกองทุนที่มันซับซ้อนแบบ unit link ยิ่งหนักกว่าเดิม (ขายไม่ได้ ต้องสับกองอย่างเดียว ติดสัญญา 5 ปี มีค่าธรรมเนียมทุกปี) แนะนำอย่าไปทำนะครับประกันพ่วงกองทุนห่วยแตกแบบนี้ คือการลงทุนกองทุนแบบนี้ช่วงตลาดขาขึ้นมันง่าย แต่ถ้าเจอตลาดขาลง หนังคนละม้วนครับ
ถือเป็นอุทาหรณ์ว่า ลงทุนมั่วๆ ไม่มีความรู้ ก้chipหายได้ แค่ลงทุนหุ้นก็ยากแล้ว จะไปลงกองทุนที่มันซับซ้อนแบบ unit link ยิ่งหนักกว่าเดิม (ขายไม่ได้ ต้องสับกองอย่างเดียว ติดสัญญา 5 ปี มีค่าธรรมเนียมทุกปี) แนะนำอย่าไปทำนะครับประกันพ่วงกองทุนห่วยแตกแบบนี้ คือการลงทุนกองทุนแบบนี้ช่วงตลาดขาขึ้นมันง่าย แต่ถ้าเจอตลาดขาลง หนังคนละม้วนครับ
แสดงความคิดเห็น
ที่บ้านเอาเงินเกษียณทั้งหมดไปซื้อกองทุนพ่วงประกัน Unit link ช่วงตลาดหุ้นขาลง ขอคำแนะนำด้วยครับ
1. มีค่าธรรมเนียมดูแลบริหารกรมธรรม์ ปีละ 0.6% ต่อปี (ถ้าถือ 5 ปีก็โดน 3% ไม่รวมที่ตลาดหุ้นอาจจะปรับฐานรอบใหญ่)
2. ค่าธรรมเนียม ถอนเงินทั้งหมด 5% ในปีแรก แล้วลดลง 1% ทุกๆปี (ถ้าถอนตั้งแต่ปีที่ 6 จะไม่คิด fee นี้)
3. ตัวแทน จัดสรรการลงทุน 80% ตราสารทุน นอกนั้นเป็นตราสารหนี้อีก 20%
ซึ่งตอนนี้เกิดการขาดทุนแล้วประมาณ 3% (เป็นเงิน 6 หลัก) แล้วผมพยายามหาแนวทางการหยุดขาดทุน แต่มันไม่ได้ง่ายเหมือนคัทลอสหุ้นเลย (ถ้าเป็นหุ้นผมก็แค่ขายหุ้นทิ้ง แล้วรอซื้อใหม่ ตอนราคาหยุดลงแถวแนวรับหรือ SET เริ่มกลับตัว) ตอนนี้วิธีแก้ผมรู้แค่ว่าทำการสับเปลี่ยนกองทุนได้ แต่ไม่ทราบมีคำธรรมเนียมอะไรเพิ่มอีกมั้ย
รบกวนเพื่อนๆช่วยแนะนำด้วยครับ ตอนนี้มีทางเลือกเท่าที่นึกออกคือ
1.ถอนเงินทั้งหมด โดนประมาณ 8% (3%ที่ขาดทุนอยู่ กับ 5% ค่าธรรมเนียมถอน)
2. สับเปลี่ยนไปกองทุนความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ไม่รู้จะไปลงตัวไหนดี อาจจะไปลงตัวที่เป็นตราสารหนี้ทั้งหมด
3. ถือแบบนี้ไป แต่ตลาดตอนนี้พร้อมปรับฐานรุนแรง ผมมองว่า SET อาจจะลงได้ถึง 1200-1400 ถ้าเกิดวิกฤตขึ้นจริง และไม่ต่ออายุกองทุน LTF ในปีหน้า แต่ยังพอมีปัจจัยบวกคือเลือกตั้ง แต่ก็ไม่แน่นอนเสมอไป เพราะตลาดหุ้นมันลงทั่วโลก