*ขอใช้ภาษาบ้านๆนะคะ แล้วรูปบางภาพที่ไม่ได้ถ่ายเองก็นำมาจาก google เพราะไม่ได้ตั้งใจจะเขียนรีวิว เลยไม่ได้ถ่ายสถานที่รอบๆมาเท่าไหร่ แต่ก็พอถ่ายมาบ้าง พอกลับมาคิดว่าควรเขียนสักหน่อย เพราะบางอย่างที่เราไม่รู้หรือเข้าใจผิดๆ วันนี้จะมาแบ่งปันให้ทุกคนดูกันค่ะ
ออกตัวก่อนทริปนี้เป็นทริปที่ 4 แล้วกับเพื่อนๆที่มหาลัย เราเป็นคนชอบเที่ยวมากๆ ถ้าเก็บเงินได้ก็จะไปในช่วงวันหยุดกับเพื่อนๆ ด้วยเหตุผลไม่อยากเริ่มเที่ยวตอนแก่ คิดว่ามันอาจจะสนุกกันคนละแบบ พออยู่ในช่วงวัยนี้ก็อยากลองสนุกกับชีวิตในช่วงนี้ดู แล้วมันก็รู้สึกดีมากๆ ใครที่กำลังตัดสินใจว่า จะไปเที่ยวดีไหม ไปเถอะค่ะ ออกไปใช้ชีวิต555555 ถ้าวางแผนดีดีมันไม่ได้แพงอย่างที่คิดไว้เลย
การเตรียยมตัวก่อนไป เราก็หากะทู้รีวิวคุนหมิงซึ่งน้อยมาก พอไปจริงยิ่งกว่ากะทู้อีกค่ะ ไม่ตรงที่เขารีวิวๆกันเล้ยยยยย ตรงบางส่วน
เราว่าเราก็ทำตามนะ สรุปพอถึงนู้นหาข้อมูลกันเองดีกว่า กะทู้บางกะทู้อาจจะนานแล้ว เลยไม่มีข้อมูลอัปเดต
อันนี้เราจะเขียนตอนที่เราไปมาคือ ธันวาคม ปี 2018 นะคะ
ทำวีซ่าที่ศุนย์รับยื่นวีซ่าประเทศจีน ใกล้ MRTเพชรบุรี คนละ1500 ผ่านง่ายเหมือนนั่งหายใจ รายละเอียดการขอหาดูใน google ได้เลยค่ะ
ทริปนี้เราจอง ตั๋วแอร์เอเชีย ขาไป ดอนเมือง-คุนหมิง วันที่ 14 ธันวสคม ขึ้น5ทุ่ม (ไทย) ถึง ตี2 (จีน)
ขากลับ คุนหมิง-ดอนเมือง วันที่ 17 ธันวาคม ขึ้นตี 2 (จีน) ถึง ตี 4 (ไทย)
ค่าตั๋วรวมไปกลับ = 2300 บาท/คน
ก่อนไปต้องแลกเงินก่อน โดยเงินที่เราแลกไป แลกคนละ 5000 บาท (1000หยวน) เราไปกันทั้งหมด 3 คน
(ทิปการแลกเงิน ให้แลกที่ไม่ใช่สนามบินนะคะ แลกล่วงหน้าก่อน เราแลกที่ superich
http://www.superrich.co.th/location.php ให้ตรวจสอบสาขาใกล้ท่าน แล้วโทรจองเงินล่วงหน้าได้เลย ถ้าwalk in เข้าไปอาจจะไม่มีเงินให้นะคะ ยกเว้นสาขาใหญ่ ราชดำริ ที่สามารถเข้าไปแลกได้เลย สาขาอื่นต้องโทรจองก่อน เรทอัตราการแลกเปลี่ยนที่สนามบินค่อนข้างแพงมากๆๆ)
ซิมใช้ AIS 2 fly 399 บาท ใช้ได้ 8 วัน ความเร็วถือว่าดีค่ะ ไปมากี่ประเทศก็ใช้ซิมนี้ ถ้าใครมีซิมอยู่แล้ว เติมเงินเพิ่มแค่ 299 บาทพอ
สามารถแชร์เน็ตกันได้ แต่เราใช้กันคนละอันเลย
วันที่ 14
นั่งนอนกินรอขึ้นเครื่องค่ะ น้ำหนักขึ้นเครื่อง 7 กิโล เราก็ไปด้วยเป้คนละใบกับ เสื้อโค้ทถือขึ้นคนละตัว
วันที่ 15
ของจริงมาละค่ะ ลงเครื่องตอนตี2 ตม.ก็ไม่พูดไม่จา ยื่นpassport ผ่านฉลุย ออกมาสิ่งที่ทุกท่นจะได้เผชิญเลยคือออออ
TAXI โครตแท็กซี่เลยละค่ะ เดินตาม แรปจีนใส่ มาจากไหนไม่รู้เต็มไปหมด ถามว่าจะไปโรงแรมอะไร จะไปไหน
โดยเราแพลนไว้ว่า อ่านกะทู้มา เขาบอกนั่งรถเมล์เข้าเมืองแค่ 25 หยวน ตกคนละ 100กว่าบาท ไอ้เราก็รอเพราะรถจะเริ่มเที่ยวแรก 7 โมง
เราก็หาที่นั่งรอ กินขนมปังที่พกมาจากเมืองไทย อากาศก็หนาว 11 องศา ณ ตอนนั้น สภาพก็กึ้งหลับกึ่งตื่น
พอตอน ตี 5 ก็มีมนุษย์ป้าคนจีน2คนเดินมาทางที่เรานั่ง เสนอว่าไปกับเขาแค่ 23 หยวน เป็นมินิบัสหรืออะไรไม่รู้
สื่อสารกันยากเหลือเกิน เราก็คุยๆสรุปเราก็ยืนยันว่าไม่ไปอะป้า คุยเป็นครึ่งชม. ด้วยความที่กลัวเลยยืนยันว่าจะไปรถเมล์เข้าเมืองของสนามบิน
พอมนุษย์ป้าสองคนเดินไป มีผู้หญิงจีนน่าตาคาวาอิเดสมาก ถือกระเป๋าลากมา บอกว่า Ignore them
พระเจ้าสวรรค์โปรด มีคนพูดอังกฤษกับเราละโว้ยยย
บอกก่อนเมืองนี้ พูดจีนล้วนๆ คนที่นี้พูดอังกฤษกันไม่ได้เลย วัยรุ่นเด็กคนแก่ทุกวัยแรปจีนใส่ไม่ยั้ง
ผู้หญิงคนน่ารักคนนี้เขาก็มาบอกกับเราว่า อย่าไปกับพวก taxi อะไรนั้นนะ มันแพง เขาหลอกนักท่องเที่ยว แล้วก็ถามว่าเราจะไปไหน
แพลนที่เราตั้งไว้วันแรกคือไป เขาซีซาน เราอ่านรีวิวมาเขาบอกต้องไปขึ้นรถเมล์แถวโรงแรมจินเจียงเพื่อไปเขาซีซาน
เราเลยบอกนางไปว่า อ่อ พวกเราจะไปแถวโรงแรมจินเจียง
นางก็จดๆวิธีไปให้ ซึ่งเราพึ่งรู้ว่าสนามบินมี subway เพราะอ่านมากี่รีวิวเขาก็บอกยังสร้างไม่เสร็จ
สรุปรถไฟใต้ดินเข้าเมืองแค่ 6 หยวน 30 บาทเองงงงง!!!!!!!!! ช็อคราคาถูกมาก ไปหลายสถานีด้วยนะ
เทียบกับแท็กซี่คือ 90 หยวนเข้าเมือง 450-500 บาทเลย เกือบแล้วไงตรู ดีนะที่เจอผู้หญิงคนนี้
นางเลยพาเราไปด้วยเลย บอกว่าจะขึ้นรถไฟใต้ดินเหมือนกัน พาเราไปซื้อตั๋วละก็พาไปส่งถึงสถานีเป้าหมาย
คือ สถานี south ring road
สรุปนางอายุ 19 ปี เป็นนักศึกษาอยู่ที่มาเลเซีย นางเป็นคนเฉิงตูมาเที่ยวหาเพื่อน น่าตาน่ารักจุ๋มจิ๋ม
แลกคอนแทคกันเรียบร้อย ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ถ้าไม่เจอนางนี่แย่เลย
แอพที่ควรมีก่อนไปนะคะ แอพmetro คือบอกสายรถไฟใต้ดิน และ Mapme คือแผนที่ออฟไลน์ดีมากๆ
จากนั้นเราก็หาป้ายรถเมล์แถวนั้น ตามรีวิวบอก ให้ขึ้นสาย 51 สุดสายถึงตีนเขาเลย
ป้ายรถเมล์ภาษาจีนล้วน ไม่รู้จะทำไงดี เรากับเพื่อนงงเลย ตอนนั้น 7โมงกว่าๆ ข้าวก็หิว
ถามคนแถวนั้นเขาก็พูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้
แล้วก็มีพี่ผู้ชายคนจีน คนนึงเดินมาบอก เป็นภาษาจีนนี่แหละ แต่เขาพยายามจะสื่อสารกับเรา
ใช้แอพแปลภาษาบ้าง ภาษามือบ้าง บอกว่า เราต้องขึ้นสาย 44 นะ
เราก็เถียงเขาด้วยนะว่า เราหาข้อมูลมา ว่า 51 พี่แกเลยพามาอ่านป้ายซึ่งก็ภาษาจีนนั้นแหละ บอกว่า สาย51 ไม่เห้นมีบอกว่าไปเขา
ให้ขึ้นสาย 44 เราก็แบบ งง ถ้าขึ้นแแล้วจะลงถูกไหม จะไปยังไงต่อเลยบอกขอไปแท็กซี่ดีกว่า ขอบคุณพี่แกแล้วก็หาโบกแท็กซี่เลย
แท็กซี่ที่นู้นจะเป็นคันสีฟ้า
เขาก็กดมิเตอร์ เราก็เอาภาษาจีนซึ่งเป็นชื่อภูเขาให้เขาดู เขาก็พาไปถึงกระเช้าไฟฟ้า ราคาประมาณ 20กว่าหยวน หารกันไม่แพง
ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะไปกระเช้าไฟฟ้าเพราะมีค่าใช้จ่ายข้ามทะเลอีก
เขาซีซาน จะขึ้นได้2ฝั่ง คือฝั่งที่เป็น green bus (รถเมล์ขึ้นเขา) กับ ฝั่งกระเช้าไฟฟ้า ซึ่งจะเห็นวิวสวยงาม
(แผนที่เขาซีซาน)
เราอยู่ตรงที่ฟากบนบกตรงเรือสำเภา ฝากเมืองคุนหมิง กะว่าเดี๋ยวนั่งกระเช้าข้ามไปเขาเอาก็ได้ ถือว่าเสียเงินซื้อวิว
จริงๆเราต้องไปขึ้นรถบัสอุทยานตรงประตู ขวามือสุด ตามรูป
จากนั้นราก็นั่งรอที่ทำการขายตั๋วกระเช้าไฟฟ้าเปิด เขาเขียนว่าเปิด 08.40 จน9โมงกว่าก็ยังไม่เปิด เลยถามคนแถวนั้น
เป็นมนุยษ์ป้าคนนึง เลยพิมพ์คำแปลจีน ถามเขาว่า เราต้องรอเขา(ที่ซื้อตํ๋ว)เปิดใช่ไหม? คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลา ป้าก็บอก ใช่จ้ะ
เรานั่งรออันอีกสักพัก ก็ยังไม่เปิดเลย ไปอ่านตรงที่ขายตั๋วอีกรอบ มีป้ายภาษาจีนแปะอยู่ เลยใช้แอพถ่ายรูปและแปลออกมา
สรุป เขาปิดปรับปรุงกระเช้า มาถูกจังหวะจริงๆเล้ยยยยยย เราจึงตัดสินใจเดินตามรถดีกว่า คือเดินข้ามสะพานทะลุทะเลไปเลย
เดี๋ยวคงถึงเองไม่ก็มีรถเมล์ผ่าน เพราะเห็นรถเมล์ผ่านหลายคันละ
ระหว่างเดินไปถึงหัวสะพาน เจอกลุ่มคุณลุงถือป้ายบอร์ดแผนที่อุทยานมาน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่
เห็นเราเป็นนักท่องเที่ยว เขาบอกว่าต้องไปขึ้นฝั่งนู้นนะ ฝั่งนี้มันปิด คุณมาผิดแล้ว เราก็ถามว่าจะไปฝั่งนู้นยังไง เขาก็บอกมีมินิบัสผ่านอยู่นะ ให้ยืนรอ
เราก็ตามประสา เดินงงๆ คุณลุงเลยตัดสินใจขับรถส่วนตัวไปส่งซะเลย ใจดีมากๆๆๆๆ
คุณลุงพาเราไปส่งที่จุด green bus station เพื่ออซื้อตั๋วค่ารถ ค่าเข้า ค่าเคเบิ้ลคาร์กระเช้าขาลอย
ซึ่งราคาเหมาทุกอย่างผู้ใหญ่อยู่ที่ 90 หยวน ส่วนเด็กอยู่ที่ 75 หยวน
ตอนนั่งรถมาคุณลุงถามพวกเราว่า พวกคุณยังเรียนอยู่หรอ เราก็ตอบใช่ค่ะ
คุณลุงเลยบอกเจ้าหน้าที่ว่า พวกเรายังเด็กให้ซื้อราคาเด็ก ลาภลอยมาเลยจ้า (เด็กนี้คืออายุ 6-18ปี)
แต่เรา 20-21กันล้ะ แต่ด้วยความที่เราไซส์มินิกันเขาเลยคิดว่าเด็ก เลยได้ราคาถูกมา 555555
การไปขึ้นเขา ซีซาน ประตูมังกร ก็จะเป็นสเตปคือ นั่งรถบัส-นั่งกระเช้า-เดินขึ้นเขา-เดินลงเขา-นั่งรถกอล์ฟลงมา-นั่งรถบัสลงมาที่จุดขายตั๋วเหมือนเดิม
โดยราคา 75 หยวนคือรวมทุกอย่างเลย ถ้าไม่อยากเสียเงินซื้อก็เดินได้ คนจีนเดินกันเยอะ แค่รวมๆ10กิโลเอง อิอิ
เราก็นั่งรถบัสขึ้นมาถึงสถานีกระเช้า
ความหิวเลยทำให้เราต้องลองสักหน่อย เจอที่ขายอาหาร เห้นคนสั่งเยอะเลยต้องลอง
ก๋วยเตี๋ยวจีน
รสชาตินี้แบบว่า ครั้งเดียวพอ 18 หยวน แพงอยุ่นะ แต่เยอะมาก รสชาติคือเหมือนบ่อส้วมอะค่ะTT
เราก็ขึ้นกระเช้า อากาศไม่หนาวมาก เพราะสายๆแดดมา
ส่วนนี้คือวิว
ข้างบนเห็นทั้งเมืองคุนหมิงเลยค่ะ สวยมาก
พอลงกระเช้าก็ได้เวลาเดินไปหาประตูมังกร
เชื่อกันว่าให้ไปแตะลูบตุ่มหรือปุ่ม ตรงประตูมังกร ขอพรแล้วจะได้ตามที่ปราถนา ข้างๆประตูจะมีผนังรูปปลาอยู่ก็ให้ไปลูบแล้วจะโชคดี
พอเดินเที่ยวเสร็จเราก็นั่งรถกอล์ฟลงมายังสถานที่เดิม ที่จุดขึ้นรถบัสตอนแรก โบกแท็กซี่เข้าเมือง again หมดไป 40 หยวน เพราะไกลอยู่
*วิธีไปเขาที่ง่ายที่สุด มารู้ทีหลังคือ นั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานี xisan park หรือ western hill park คือถึงตีนเขา bus station เลย รถไฟสายสีชมพู ไม่ถึง10หยวน ไว้อาลัยให้ความโง่ของตัวเอง ก็คนไม่รู้นิไม่ผิด55555
สถานที่ที่เราลงคือ ประตูม้าไก่ เอารูปให้เขาดูเลยค่ะว่าเราจะไป แต่เราพูดชื่อสถานที่เป็นถาษาจีนตามที่น้องผู้หญิงชาวเฉิงตูได้สอนเอาไว้
jin bi อี้ฟาง อะไรสักอย่างลืมไปแล้ว TT เอารูปให้คนขับดูเลยค่ะ ง่ายดีเพราะเป็นสถานที่แลนด์มาร์ค
(รูปจาก google)
เนื่องจากโรงแรมเราอยู่แถวนั้น ชื่อโรงแรม Tenho hotel เดี๋ยวจะมารีวิวต่อนะคะ ทริปนี้ไปแบบมั่วๆหลงกันเอง 5555555
เขียนครั้งแรกไม่ดียังไง ขออภัยด้วยนะคะ
[CR] หน้าหนาวกับ ทริปคุนหมิง งบไม่ถึงหมื่น ฉบับนักศึกษามึนๆ
ออกตัวก่อนทริปนี้เป็นทริปที่ 4 แล้วกับเพื่อนๆที่มหาลัย เราเป็นคนชอบเที่ยวมากๆ ถ้าเก็บเงินได้ก็จะไปในช่วงวันหยุดกับเพื่อนๆ ด้วยเหตุผลไม่อยากเริ่มเที่ยวตอนแก่ คิดว่ามันอาจจะสนุกกันคนละแบบ พออยู่ในช่วงวัยนี้ก็อยากลองสนุกกับชีวิตในช่วงนี้ดู แล้วมันก็รู้สึกดีมากๆ ใครที่กำลังตัดสินใจว่า จะไปเที่ยวดีไหม ไปเถอะค่ะ ออกไปใช้ชีวิต555555 ถ้าวางแผนดีดีมันไม่ได้แพงอย่างที่คิดไว้เลย
การเตรียยมตัวก่อนไป เราก็หากะทู้รีวิวคุนหมิงซึ่งน้อยมาก พอไปจริงยิ่งกว่ากะทู้อีกค่ะ ไม่ตรงที่เขารีวิวๆกันเล้ยยยยย ตรงบางส่วน
เราว่าเราก็ทำตามนะ สรุปพอถึงนู้นหาข้อมูลกันเองดีกว่า กะทู้บางกะทู้อาจจะนานแล้ว เลยไม่มีข้อมูลอัปเดต
อันนี้เราจะเขียนตอนที่เราไปมาคือ ธันวาคม ปี 2018 นะคะ
ทำวีซ่าที่ศุนย์รับยื่นวีซ่าประเทศจีน ใกล้ MRTเพชรบุรี คนละ1500 ผ่านง่ายเหมือนนั่งหายใจ รายละเอียดการขอหาดูใน google ได้เลยค่ะ
ทริปนี้เราจอง ตั๋วแอร์เอเชีย ขาไป ดอนเมือง-คุนหมิง วันที่ 14 ธันวสคม ขึ้น5ทุ่ม (ไทย) ถึง ตี2 (จีน)
ขากลับ คุนหมิง-ดอนเมือง วันที่ 17 ธันวาคม ขึ้นตี 2 (จีน) ถึง ตี 4 (ไทย)
ค่าตั๋วรวมไปกลับ = 2300 บาท/คน
ก่อนไปต้องแลกเงินก่อน โดยเงินที่เราแลกไป แลกคนละ 5000 บาท (1000หยวน) เราไปกันทั้งหมด 3 คน
(ทิปการแลกเงิน ให้แลกที่ไม่ใช่สนามบินนะคะ แลกล่วงหน้าก่อน เราแลกที่ superich http://www.superrich.co.th/location.php ให้ตรวจสอบสาขาใกล้ท่าน แล้วโทรจองเงินล่วงหน้าได้เลย ถ้าwalk in เข้าไปอาจจะไม่มีเงินให้นะคะ ยกเว้นสาขาใหญ่ ราชดำริ ที่สามารถเข้าไปแลกได้เลย สาขาอื่นต้องโทรจองก่อน เรทอัตราการแลกเปลี่ยนที่สนามบินค่อนข้างแพงมากๆๆ)
ซิมใช้ AIS 2 fly 399 บาท ใช้ได้ 8 วัน ความเร็วถือว่าดีค่ะ ไปมากี่ประเทศก็ใช้ซิมนี้ ถ้าใครมีซิมอยู่แล้ว เติมเงินเพิ่มแค่ 299 บาทพอ
สามารถแชร์เน็ตกันได้ แต่เราใช้กันคนละอันเลย
วันที่ 14
นั่งนอนกินรอขึ้นเครื่องค่ะ น้ำหนักขึ้นเครื่อง 7 กิโล เราก็ไปด้วยเป้คนละใบกับ เสื้อโค้ทถือขึ้นคนละตัว
วันที่ 15
ของจริงมาละค่ะ ลงเครื่องตอนตี2 ตม.ก็ไม่พูดไม่จา ยื่นpassport ผ่านฉลุย ออกมาสิ่งที่ทุกท่นจะได้เผชิญเลยคือออออ
TAXI โครตแท็กซี่เลยละค่ะ เดินตาม แรปจีนใส่ มาจากไหนไม่รู้เต็มไปหมด ถามว่าจะไปโรงแรมอะไร จะไปไหน
โดยเราแพลนไว้ว่า อ่านกะทู้มา เขาบอกนั่งรถเมล์เข้าเมืองแค่ 25 หยวน ตกคนละ 100กว่าบาท ไอ้เราก็รอเพราะรถจะเริ่มเที่ยวแรก 7 โมง
เราก็หาที่นั่งรอ กินขนมปังที่พกมาจากเมืองไทย อากาศก็หนาว 11 องศา ณ ตอนนั้น สภาพก็กึ้งหลับกึ่งตื่น
พอตอน ตี 5 ก็มีมนุษย์ป้าคนจีน2คนเดินมาทางที่เรานั่ง เสนอว่าไปกับเขาแค่ 23 หยวน เป็นมินิบัสหรืออะไรไม่รู้
สื่อสารกันยากเหลือเกิน เราก็คุยๆสรุปเราก็ยืนยันว่าไม่ไปอะป้า คุยเป็นครึ่งชม. ด้วยความที่กลัวเลยยืนยันว่าจะไปรถเมล์เข้าเมืองของสนามบิน
พอมนุษย์ป้าสองคนเดินไป มีผู้หญิงจีนน่าตาคาวาอิเดสมาก ถือกระเป๋าลากมา บอกว่า Ignore them
พระเจ้าสวรรค์โปรด มีคนพูดอังกฤษกับเราละโว้ยยย
บอกก่อนเมืองนี้ พูดจีนล้วนๆ คนที่นี้พูดอังกฤษกันไม่ได้เลย วัยรุ่นเด็กคนแก่ทุกวัยแรปจีนใส่ไม่ยั้ง
ผู้หญิงคนน่ารักคนนี้เขาก็มาบอกกับเราว่า อย่าไปกับพวก taxi อะไรนั้นนะ มันแพง เขาหลอกนักท่องเที่ยว แล้วก็ถามว่าเราจะไปไหน
แพลนที่เราตั้งไว้วันแรกคือไป เขาซีซาน เราอ่านรีวิวมาเขาบอกต้องไปขึ้นรถเมล์แถวโรงแรมจินเจียงเพื่อไปเขาซีซาน
เราเลยบอกนางไปว่า อ่อ พวกเราจะไปแถวโรงแรมจินเจียง
นางก็จดๆวิธีไปให้ ซึ่งเราพึ่งรู้ว่าสนามบินมี subway เพราะอ่านมากี่รีวิวเขาก็บอกยังสร้างไม่เสร็จ
สรุปรถไฟใต้ดินเข้าเมืองแค่ 6 หยวน 30 บาทเองงงงง!!!!!!!!! ช็อคราคาถูกมาก ไปหลายสถานีด้วยนะ
เทียบกับแท็กซี่คือ 90 หยวนเข้าเมือง 450-500 บาทเลย เกือบแล้วไงตรู ดีนะที่เจอผู้หญิงคนนี้
นางเลยพาเราไปด้วยเลย บอกว่าจะขึ้นรถไฟใต้ดินเหมือนกัน พาเราไปซื้อตั๋วละก็พาไปส่งถึงสถานีเป้าหมาย
คือ สถานี south ring road
สรุปนางอายุ 19 ปี เป็นนักศึกษาอยู่ที่มาเลเซีย นางเป็นคนเฉิงตูมาเที่ยวหาเพื่อน น่าตาน่ารักจุ๋มจิ๋ม
แลกคอนแทคกันเรียบร้อย ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ถ้าไม่เจอนางนี่แย่เลย
แอพที่ควรมีก่อนไปนะคะ แอพmetro คือบอกสายรถไฟใต้ดิน และ Mapme คือแผนที่ออฟไลน์ดีมากๆ
จากนั้นเราก็หาป้ายรถเมล์แถวนั้น ตามรีวิวบอก ให้ขึ้นสาย 51 สุดสายถึงตีนเขาเลย
ป้ายรถเมล์ภาษาจีนล้วน ไม่รู้จะทำไงดี เรากับเพื่อนงงเลย ตอนนั้น 7โมงกว่าๆ ข้าวก็หิว
ถามคนแถวนั้นเขาก็พูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้
แล้วก็มีพี่ผู้ชายคนจีน คนนึงเดินมาบอก เป็นภาษาจีนนี่แหละ แต่เขาพยายามจะสื่อสารกับเรา
ใช้แอพแปลภาษาบ้าง ภาษามือบ้าง บอกว่า เราต้องขึ้นสาย 44 นะ
เราก็เถียงเขาด้วยนะว่า เราหาข้อมูลมา ว่า 51 พี่แกเลยพามาอ่านป้ายซึ่งก็ภาษาจีนนั้นแหละ บอกว่า สาย51 ไม่เห้นมีบอกว่าไปเขา
ให้ขึ้นสาย 44 เราก็แบบ งง ถ้าขึ้นแแล้วจะลงถูกไหม จะไปยังไงต่อเลยบอกขอไปแท็กซี่ดีกว่า ขอบคุณพี่แกแล้วก็หาโบกแท็กซี่เลย
แท็กซี่ที่นู้นจะเป็นคันสีฟ้า
เขาก็กดมิเตอร์ เราก็เอาภาษาจีนซึ่งเป็นชื่อภูเขาให้เขาดู เขาก็พาไปถึงกระเช้าไฟฟ้า ราคาประมาณ 20กว่าหยวน หารกันไม่แพง
ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะไปกระเช้าไฟฟ้าเพราะมีค่าใช้จ่ายข้ามทะเลอีก
เขาซีซาน จะขึ้นได้2ฝั่ง คือฝั่งที่เป็น green bus (รถเมล์ขึ้นเขา) กับ ฝั่งกระเช้าไฟฟ้า ซึ่งจะเห็นวิวสวยงาม
(แผนที่เขาซีซาน)
เราอยู่ตรงที่ฟากบนบกตรงเรือสำเภา ฝากเมืองคุนหมิง กะว่าเดี๋ยวนั่งกระเช้าข้ามไปเขาเอาก็ได้ ถือว่าเสียเงินซื้อวิว
จริงๆเราต้องไปขึ้นรถบัสอุทยานตรงประตู ขวามือสุด ตามรูป
จากนั้นราก็นั่งรอที่ทำการขายตั๋วกระเช้าไฟฟ้าเปิด เขาเขียนว่าเปิด 08.40 จน9โมงกว่าก็ยังไม่เปิด เลยถามคนแถวนั้น
เป็นมนุยษ์ป้าคนนึง เลยพิมพ์คำแปลจีน ถามเขาว่า เราต้องรอเขา(ที่ซื้อตํ๋ว)เปิดใช่ไหม? คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลา ป้าก็บอก ใช่จ้ะ
เรานั่งรออันอีกสักพัก ก็ยังไม่เปิดเลย ไปอ่านตรงที่ขายตั๋วอีกรอบ มีป้ายภาษาจีนแปะอยู่ เลยใช้แอพถ่ายรูปและแปลออกมา
สรุป เขาปิดปรับปรุงกระเช้า มาถูกจังหวะจริงๆเล้ยยยยยย เราจึงตัดสินใจเดินตามรถดีกว่า คือเดินข้ามสะพานทะลุทะเลไปเลย
เดี๋ยวคงถึงเองไม่ก็มีรถเมล์ผ่าน เพราะเห็นรถเมล์ผ่านหลายคันละ
ระหว่างเดินไปถึงหัวสะพาน เจอกลุ่มคุณลุงถือป้ายบอร์ดแผนที่อุทยานมาน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่
เห็นเราเป็นนักท่องเที่ยว เขาบอกว่าต้องไปขึ้นฝั่งนู้นนะ ฝั่งนี้มันปิด คุณมาผิดแล้ว เราก็ถามว่าจะไปฝั่งนู้นยังไง เขาก็บอกมีมินิบัสผ่านอยู่นะ ให้ยืนรอ
เราก็ตามประสา เดินงงๆ คุณลุงเลยตัดสินใจขับรถส่วนตัวไปส่งซะเลย ใจดีมากๆๆๆๆ
คุณลุงพาเราไปส่งที่จุด green bus station เพื่ออซื้อตั๋วค่ารถ ค่าเข้า ค่าเคเบิ้ลคาร์กระเช้าขาลอย
ซึ่งราคาเหมาทุกอย่างผู้ใหญ่อยู่ที่ 90 หยวน ส่วนเด็กอยู่ที่ 75 หยวน
ตอนนั่งรถมาคุณลุงถามพวกเราว่า พวกคุณยังเรียนอยู่หรอ เราก็ตอบใช่ค่ะ
คุณลุงเลยบอกเจ้าหน้าที่ว่า พวกเรายังเด็กให้ซื้อราคาเด็ก ลาภลอยมาเลยจ้า (เด็กนี้คืออายุ 6-18ปี)
แต่เรา 20-21กันล้ะ แต่ด้วยความที่เราไซส์มินิกันเขาเลยคิดว่าเด็ก เลยได้ราคาถูกมา 555555
การไปขึ้นเขา ซีซาน ประตูมังกร ก็จะเป็นสเตปคือ นั่งรถบัส-นั่งกระเช้า-เดินขึ้นเขา-เดินลงเขา-นั่งรถกอล์ฟลงมา-นั่งรถบัสลงมาที่จุดขายตั๋วเหมือนเดิม
โดยราคา 75 หยวนคือรวมทุกอย่างเลย ถ้าไม่อยากเสียเงินซื้อก็เดินได้ คนจีนเดินกันเยอะ แค่รวมๆ10กิโลเอง อิอิ
เราก็นั่งรถบัสขึ้นมาถึงสถานีกระเช้า
ความหิวเลยทำให้เราต้องลองสักหน่อย เจอที่ขายอาหาร เห้นคนสั่งเยอะเลยต้องลอง
ก๋วยเตี๋ยวจีน
รสชาตินี้แบบว่า ครั้งเดียวพอ 18 หยวน แพงอยุ่นะ แต่เยอะมาก รสชาติคือเหมือนบ่อส้วมอะค่ะTT
เราก็ขึ้นกระเช้า อากาศไม่หนาวมาก เพราะสายๆแดดมา
ส่วนนี้คือวิว
ข้างบนเห็นทั้งเมืองคุนหมิงเลยค่ะ สวยมาก
พอลงกระเช้าก็ได้เวลาเดินไปหาประตูมังกร
เชื่อกันว่าให้ไปแตะลูบตุ่มหรือปุ่ม ตรงประตูมังกร ขอพรแล้วจะได้ตามที่ปราถนา ข้างๆประตูจะมีผนังรูปปลาอยู่ก็ให้ไปลูบแล้วจะโชคดี
พอเดินเที่ยวเสร็จเราก็นั่งรถกอล์ฟลงมายังสถานที่เดิม ที่จุดขึ้นรถบัสตอนแรก โบกแท็กซี่เข้าเมือง again หมดไป 40 หยวน เพราะไกลอยู่
*วิธีไปเขาที่ง่ายที่สุด มารู้ทีหลังคือ นั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานี xisan park หรือ western hill park คือถึงตีนเขา bus station เลย รถไฟสายสีชมพู ไม่ถึง10หยวน ไว้อาลัยให้ความโง่ของตัวเอง ก็คนไม่รู้นิไม่ผิด55555
สถานที่ที่เราลงคือ ประตูม้าไก่ เอารูปให้เขาดูเลยค่ะว่าเราจะไป แต่เราพูดชื่อสถานที่เป็นถาษาจีนตามที่น้องผู้หญิงชาวเฉิงตูได้สอนเอาไว้
jin bi อี้ฟาง อะไรสักอย่างลืมไปแล้ว TT เอารูปให้คนขับดูเลยค่ะ ง่ายดีเพราะเป็นสถานที่แลนด์มาร์ค
(รูปจาก google)
เนื่องจากโรงแรมเราอยู่แถวนั้น ชื่อโรงแรม Tenho hotel เดี๋ยวจะมารีวิวต่อนะคะ ทริปนี้ไปแบบมั่วๆหลงกันเอง 5555555
เขียนครั้งแรกไม่ดียังไง ขออภัยด้วยนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้