ปัจจุบันสินค้าจีนแทบทุกชนิดมีขายหมด
เอาเข้ามาแบบไม่เสียภาษี
แถมรัฐสนับสนุน freeshipping
ตามน้ำหนัก เพื่อโกยเงินเข้าประเทศ
สินค้าไทยที่ขายแข่ง
จะต้องบวก40%เผื่อภาษี
ต้องบวกค่าส่ง
ต้องบวกค่าแพค
คิดว่าจะเอากำไรเท่าไรก็บวกไปอีก
อันนี้คือกำไร
แล้วเอาอะไรไปแข่งกับเค้า
หรือว่าอาชีพเกี่ยวกับงานขาย
ของไทยจะจบลงแล้ว
และที่น่ากลัวคือเงินในประเทศน้อยลง
คนไม่กล้าใช้จ่ายมากขี้น
แบบเดียวกับที่ทรัมป์เก็บภาษีจีน
เกือบจะสายไปหรือสายไปแล้วนั่นเอง
เพื่อแก้ไข รักษาสมดุลธุรกิจภายในประเทศ
อยากให้ทบทวนของเรื่องภาษีท่คิดจาก60%เป็นทุน
มองตามความเป็นจริง
ถ้าให้คนที่ค้านเรื่องนี้ลอง
หาสินค้าหรือผลิตเอง
เพื่อมาขายแข่งดูว่าผลตอบรับจะเป็นอย่างไร
จะขายได้หรือไม่
เงินที่ลงทุนไปแล้ว
สุดท้ายต้องตัดราคา
เพื่อแข่งกับต่างชาติซึ่งไม่ต้องเสียภาษีเลย
สุดท้ายราคาที่ขายคือกำไรไม่กี่บาท
หากเข้าเกณฑ์ 400 ครั้ง 2mb
ก็ต้องเสียภาษี
คราวนี้จะเอาเงินมาจากไหนจ่ายกัน
เพราะกำไรนิดเดียว
นี่แหละที่คิดว่าเป็นต้นเหตุ
ความไม่สมเหตุสมผลของกฎ
******************
คำตอบยอดฮิต
*ทำให้มันถูกต้อง
เพื่อความถูกต้อง
อะไรคือคือความถูกต้องจริงๆ
ในเมื่อผู้กำหนดความถูกต้อง
ยังมองไม่เห็นความจริงในปัจจุบัน
*มนุษย์เงินเดือนก็เสีย
ใช่ถ้าสมเหตุสมผลจริง
ซื้อมาขายไปเค้าก็จ่ายภาษีกันทุกราย
งานประเภทนึ้ต้องใช้เงินลงทุน
หมุนเวียนเงิน ทุนเป็นรายได้
รายได้เป็นทุน หมุนไปเรื่อยๆ
ตัวเลขเยอะ แต่กำไรจริงๆ ไม่เยอะอย่างที่คิด
แถมมีความเสี่ยง สต๊อค สินค้าเสียหาย
เสียคือขาดทุน โดนปรับคือล้มละลาย
*ไม่ไปจดนิติบุคคลละ
จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแบบไม่คงที่
รายได้ก็ไม่คงที่ ได้มากได้น้อย กำไรนิดนึง
เสียค่าจ้างคนทำบัญชีเพิ่ม
จะเท่าไรกำไรที่ทำมาน้อยนิดจะจ้างเค้ากี่บาท
ทุกอย่างเสียเพิ่มแต่กำไรเท่าเดิม
ลดภาษีได้นิดหน่อย
็ไม่คุ้มจนถึงขั้นขาดทุน
*ทำไมไม่ทำแบบหักตามจริงล่ะ
ให้มองความเป็นจริง
ไม่ว่าจะซื้ออะไร
คุณไม่สามารถ
ขอใบกำกับภาษีได้หมดทุกอย่าง
เช่น คุณลองไปตลาดแล้วเห็นเสื้อตัวนี้สวย
ซื้อมาเพื่อจะขายต่อ คุณขอใบกำกับภาษีเค้า
เค้าไม่มี คุณเอาใบแทนมา ให้เค้าเซ็นต์
์และขอบัตรประชาชนเค้า
มาถ่ายสำเนาได้หรือไม่
หนีรอวันตาย ไม่หนีตายสนิท
หรือจะเริ่มแก้ไขเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ได้
เดินหน้าต่อได้
ทั้งหมดนี้เรายังไม่พูดถึง ***vat***
หวังว่าพวกท่านที่ค่าขาย จะยังไม่ตายกันก่อน
คิดอย่างไรกับภาษีซื้อมาขายไปคิดทุน 60% ซึ่งในปัจจุบันสวนทางกันมาก
เอาเข้ามาแบบไม่เสียภาษี
แถมรัฐสนับสนุน freeshipping
ตามน้ำหนัก เพื่อโกยเงินเข้าประเทศ
สินค้าไทยที่ขายแข่ง
จะต้องบวก40%เผื่อภาษี
ต้องบวกค่าส่ง
ต้องบวกค่าแพค
คิดว่าจะเอากำไรเท่าไรก็บวกไปอีก
อันนี้คือกำไร
แล้วเอาอะไรไปแข่งกับเค้า
หรือว่าอาชีพเกี่ยวกับงานขาย
ของไทยจะจบลงแล้ว
และที่น่ากลัวคือเงินในประเทศน้อยลง
คนไม่กล้าใช้จ่ายมากขี้น
แบบเดียวกับที่ทรัมป์เก็บภาษีจีน
เกือบจะสายไปหรือสายไปแล้วนั่นเอง
เพื่อแก้ไข รักษาสมดุลธุรกิจภายในประเทศ
อยากให้ทบทวนของเรื่องภาษีท่คิดจาก60%เป็นทุน
มองตามความเป็นจริง
ถ้าให้คนที่ค้านเรื่องนี้ลอง
หาสินค้าหรือผลิตเอง
เพื่อมาขายแข่งดูว่าผลตอบรับจะเป็นอย่างไร
จะขายได้หรือไม่
เงินที่ลงทุนไปแล้ว
สุดท้ายต้องตัดราคา
เพื่อแข่งกับต่างชาติซึ่งไม่ต้องเสียภาษีเลย
สุดท้ายราคาที่ขายคือกำไรไม่กี่บาท
หากเข้าเกณฑ์ 400 ครั้ง 2mb
ก็ต้องเสียภาษี
คราวนี้จะเอาเงินมาจากไหนจ่ายกัน
เพราะกำไรนิดเดียว
นี่แหละที่คิดว่าเป็นต้นเหตุ
ความไม่สมเหตุสมผลของกฎ
******************
คำตอบยอดฮิต
*ทำให้มันถูกต้อง
เพื่อความถูกต้อง
อะไรคือคือความถูกต้องจริงๆ
ในเมื่อผู้กำหนดความถูกต้อง
ยังมองไม่เห็นความจริงในปัจจุบัน
*มนุษย์เงินเดือนก็เสีย
ใช่ถ้าสมเหตุสมผลจริง
ซื้อมาขายไปเค้าก็จ่ายภาษีกันทุกราย
งานประเภทนึ้ต้องใช้เงินลงทุน
หมุนเวียนเงิน ทุนเป็นรายได้
รายได้เป็นทุน หมุนไปเรื่อยๆ
ตัวเลขเยอะ แต่กำไรจริงๆ ไม่เยอะอย่างที่คิด
แถมมีความเสี่ยง สต๊อค สินค้าเสียหาย
เสียคือขาดทุน โดนปรับคือล้มละลาย
*ไม่ไปจดนิติบุคคลละ
จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแบบไม่คงที่
รายได้ก็ไม่คงที่ ได้มากได้น้อย กำไรนิดนึง
เสียค่าจ้างคนทำบัญชีเพิ่ม
จะเท่าไรกำไรที่ทำมาน้อยนิดจะจ้างเค้ากี่บาท
ทุกอย่างเสียเพิ่มแต่กำไรเท่าเดิม
ลดภาษีได้นิดหน่อย
็ไม่คุ้มจนถึงขั้นขาดทุน
*ทำไมไม่ทำแบบหักตามจริงล่ะ
ให้มองความเป็นจริง
ไม่ว่าจะซื้ออะไร
คุณไม่สามารถ
ขอใบกำกับภาษีได้หมดทุกอย่าง
เช่น คุณลองไปตลาดแล้วเห็นเสื้อตัวนี้สวย
ซื้อมาเพื่อจะขายต่อ คุณขอใบกำกับภาษีเค้า
เค้าไม่มี คุณเอาใบแทนมา ให้เค้าเซ็นต์
์และขอบัตรประชาชนเค้า
มาถ่ายสำเนาได้หรือไม่
หนีรอวันตาย ไม่หนีตายสนิท
หรือจะเริ่มแก้ไขเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ได้
เดินหน้าต่อได้
ทั้งหมดนี้เรายังไม่พูดถึง ***vat***
หวังว่าพวกท่านที่ค่าขาย จะยังไม่ตายกันก่อน