เป็นธรรมเนียมของประเทศไทยที่จะได้สรุปภาครวมของความจริงที่เปิดเผยในรอบปีนี้กัน...
ตลอดช่วงปี ๒๕๖๑ สถานการณ์ของตลาด "หนังไทย" ก็ค่อนข้างดีขึ้นเมื่อเทียบปริมาณ แต่เมื่อเจาะไปที่แง่คุณภาพแล้วก็ยังทรง ๆ คล้ายปีก่อน ๆ ตามความรู้สึกของคนบางคน เพราะดู ๆ แล้วก็ไม่ค่อยจะสดใส ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ยิ่งนัก
บรรยากาศในช่วงครึ่งปีแรกจึงดูค่อนข้างเหงาหงอย แต่พอครึ่งปีหลังกลับคึกคักยิ่งกว่าเดิม เพราะหนังไทยหลายเรื่องบี้กันทำรายได้จนพลิกความคาดหมาย
สังเกตจากใบแจ้งของ "Thailand Box Office" ซึ่งเป็นการรายงานผลรายได้ภาพยนตร์ที่ฉายตามโรงหนังทั่วประเทศไทย ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีเชียว เพราะคิดว่าข้อมูลที่ให้มานี้ดูน่าเชื่อถือและง่ายดายกว่าการรายงานผลเฉพาะ กทม. ฉะนั้นเราจึงได้รับทราบผลอย่างทั่วถึงทันที
สำหรับเทรนด์นำของปีนี้คงหนีไม่พ้น "หนังโซนอีสาน" เพราะมีหนังลักษณะนี้แห่ตามอยู่หลายเรื่อง-หลากรส ส่วนใหญ่ดึงนักร้องอีสานล้านวิวมาร่วมแสดงเป็นจุดขาย ผลที่ได้รับก็แตกต่างกันไปตามอัตภาพของผู้สร้าง(และผู้โปรโมท) ยกตัวอย่างเช่น "นาคี ๒" หรือ "ไทบ้านเดอะซีรีส์" เป็นต้น
ขณะที่หนังโซนภาคเหนือและภาคใต้ก็ยังมีให้เห็นพอประปราย ส่วนหนึ่งเป็นผลงานการกำกับของดาราชื่อดัง พี่เอกชัยเจนจัดทางภาคใต้เช่นเคย ขณะที่พี่หม่ำซึ่งเป็นขวัญใจชาวอีสานก็เลี่ยงไปลองของทางภาคเหนือดูบ้าง
แต่สิ่งที่จะขอเอ่ยถึงยิ่งกว่าอื่นใดนั่นคือ "ค่ายหนัง" เพราะตลอดปีที่ผ่านมาก็มีค่ายหนังเกิดใหม่มากมาย แต่เมื่อพิจารณาไปถึงค่ายหนังรายใหญ่ซึ่งมักเป็นเจ้าเก่าจึงดูพิลึกกึกกือกว่าที่คิด
โดยกลุ่ม "เอ็ม พิคเจอร์ส" ครองตำแหน่งค่ายที่มีหนังไทยเข้าฉายมากที่สุดในปีนี้ไปชนิดที่ไม่มีใครทาบติด ทั้งหนังที่ร่วมสร้างและหนังจัดจำหน่าย รวมถึงหนังของ "เอ็ม เทอร์ตี้ไนน์" และ "ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม" ที่ควบเข้ากลุ่มนี้
อาจรวมไปถึงขวัญใจชาวบ้านอย่าง "Film Guru" ภายใต้การนำของผู้กำกับอัจฉริยะ ซึ่งอยู่ในเครือของเอ็ม พิคเจอร์ส ด้วยหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่พาหนังของเขากระจายสู่ความนิยมโดยเฉพาะหนังแต๋วภาคทิ้งท้าย(แบบสด ๆ ร้อน ๆ)ที่กำลังโกยเงินอย่างแข็งขัน
ขณะที่แชมป์เก่าอย่าง "สหมงคลฟิล์ม" กลับมีจำนวนหนังฉายอันน่าตกใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลกลใด แต่ทีเด็ดของปีอย่าง "ขุนพันธ์ ๒" ก็ยังไม่สิ้นลาย ส่วน "จีดีเอช" ก็ไม่ทำให้เหล่าสาวกต้องผิดหวัง รายได้และคุณภาพของหนังทุกเรื่องที่ออกมานั้นคือเครื่องประกันชั้นดี ไม่ต้องพูดถึงนัก
ส่วนที่เราเฝ้าถึงความพยายามอยู่อย่าง "ที โมเมนต์", "ไฟว์สตาร์", "พระนครฟิลม์" ที่มีหนังออกมาแค่ปีละเรื่องสองเรื่อง ก็คอยดูกันว่าในปีหน้าจะเดินเกมให้ดีขึ้นกว่านี้หรือไม่ เพราะพวกเขาคงมีแผนในใจอัดอั้นไว้ตั้งเยอะ
เนื้อที่ของฉันอาจจะยาวไป แต่จะขอรวบรัดด้วยการสรุปรายชื่อหนังไทยตามค่ายต่าง ๆ ในรอบปีนี้ไว้ให้คุณ ๆ ได้ดูพอสมใจ และร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในปีนี้ และความคาดหวังในปีหน้าด้วยกัน สวัสดีปีใหม่.
มองหนังไทยปี'61 พร้อมสรุปรายชื่อหนังไทยในรอบปีจากค่ายหนังชั้นนำ
ตลอดช่วงปี ๒๕๖๑ สถานการณ์ของตลาด "หนังไทย" ก็ค่อนข้างดีขึ้นเมื่อเทียบปริมาณ แต่เมื่อเจาะไปที่แง่คุณภาพแล้วก็ยังทรง ๆ คล้ายปีก่อน ๆ ตามความรู้สึกของคนบางคน เพราะดู ๆ แล้วก็ไม่ค่อยจะสดใส ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ยิ่งนัก
บรรยากาศในช่วงครึ่งปีแรกจึงดูค่อนข้างเหงาหงอย แต่พอครึ่งปีหลังกลับคึกคักยิ่งกว่าเดิม เพราะหนังไทยหลายเรื่องบี้กันทำรายได้จนพลิกความคาดหมาย
สังเกตจากใบแจ้งของ "Thailand Box Office" ซึ่งเป็นการรายงานผลรายได้ภาพยนตร์ที่ฉายตามโรงหนังทั่วประเทศไทย ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีเชียว เพราะคิดว่าข้อมูลที่ให้มานี้ดูน่าเชื่อถือและง่ายดายกว่าการรายงานผลเฉพาะ กทม. ฉะนั้นเราจึงได้รับทราบผลอย่างทั่วถึงทันที
สำหรับเทรนด์นำของปีนี้คงหนีไม่พ้น "หนังโซนอีสาน" เพราะมีหนังลักษณะนี้แห่ตามอยู่หลายเรื่อง-หลากรส ส่วนใหญ่ดึงนักร้องอีสานล้านวิวมาร่วมแสดงเป็นจุดขาย ผลที่ได้รับก็แตกต่างกันไปตามอัตภาพของผู้สร้าง(และผู้โปรโมท) ยกตัวอย่างเช่น "นาคี ๒" หรือ "ไทบ้านเดอะซีรีส์" เป็นต้น
ขณะที่หนังโซนภาคเหนือและภาคใต้ก็ยังมีให้เห็นพอประปราย ส่วนหนึ่งเป็นผลงานการกำกับของดาราชื่อดัง พี่เอกชัยเจนจัดทางภาคใต้เช่นเคย ขณะที่พี่หม่ำซึ่งเป็นขวัญใจชาวอีสานก็เลี่ยงไปลองของทางภาคเหนือดูบ้าง
แต่สิ่งที่จะขอเอ่ยถึงยิ่งกว่าอื่นใดนั่นคือ "ค่ายหนัง" เพราะตลอดปีที่ผ่านมาก็มีค่ายหนังเกิดใหม่มากมาย แต่เมื่อพิจารณาไปถึงค่ายหนังรายใหญ่ซึ่งมักเป็นเจ้าเก่าจึงดูพิลึกกึกกือกว่าที่คิด
โดยกลุ่ม "เอ็ม พิคเจอร์ส" ครองตำแหน่งค่ายที่มีหนังไทยเข้าฉายมากที่สุดในปีนี้ไปชนิดที่ไม่มีใครทาบติด ทั้งหนังที่ร่วมสร้างและหนังจัดจำหน่าย รวมถึงหนังของ "เอ็ม เทอร์ตี้ไนน์" และ "ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม" ที่ควบเข้ากลุ่มนี้
อาจรวมไปถึงขวัญใจชาวบ้านอย่าง "Film Guru" ภายใต้การนำของผู้กำกับอัจฉริยะ ซึ่งอยู่ในเครือของเอ็ม พิคเจอร์ส ด้วยหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่พาหนังของเขากระจายสู่ความนิยมโดยเฉพาะหนังแต๋วภาคทิ้งท้าย(แบบสด ๆ ร้อน ๆ)ที่กำลังโกยเงินอย่างแข็งขัน
ขณะที่แชมป์เก่าอย่าง "สหมงคลฟิล์ม" กลับมีจำนวนหนังฉายอันน่าตกใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลกลใด แต่ทีเด็ดของปีอย่าง "ขุนพันธ์ ๒" ก็ยังไม่สิ้นลาย ส่วน "จีดีเอช" ก็ไม่ทำให้เหล่าสาวกต้องผิดหวัง รายได้และคุณภาพของหนังทุกเรื่องที่ออกมานั้นคือเครื่องประกันชั้นดี ไม่ต้องพูดถึงนัก
ส่วนที่เราเฝ้าถึงความพยายามอยู่อย่าง "ที โมเมนต์", "ไฟว์สตาร์", "พระนครฟิลม์" ที่มีหนังออกมาแค่ปีละเรื่องสองเรื่อง ก็คอยดูกันว่าในปีหน้าจะเดินเกมให้ดีขึ้นกว่านี้หรือไม่ เพราะพวกเขาคงมีแผนในใจอัดอั้นไว้ตั้งเยอะ
เนื้อที่ของฉันอาจจะยาวไป แต่จะขอรวบรัดด้วยการสรุปรายชื่อหนังไทยตามค่ายต่าง ๆ ในรอบปีนี้ไว้ให้คุณ ๆ ได้ดูพอสมใจ และร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในปีนี้ และความคาดหวังในปีหน้าด้วยกัน สวัสดีปีใหม่.