[CR] เขาหลวงสุโขทัย...ไม่ไกลเกินใจไปถึง

ป่าหินทอดยาวเป็นทางเดินสูงขึ้นไป ๆ ทุกที
    เราปาดเหงื่อพลางเดินไปท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว กับใจที่ร้อนรุ่ม ความคิดแวบนึงขึ้นมาว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ทำไมเราถึงละทิ้งความสะดวกสบายที่บ้าน มายอมลำบากอยู่ที่นี่
    ยังไม่ทันจะได้ถึงครึ่งทาง เมฆดำที่ลอยเหนือหัวตลอดการเดินก็กลั่นตัวออกมาเป็นหยดน้ำ พรั่งพรมเป็นสาย สายฝนกับเหงื่อปะปนกันอย่างแยกไม่ออก ในขณะที่กำลังจะท้อใจ...ขาสองข้างก็พาตัวเองขึ้นมาหยุดยืนอยู่บนยอด
    ที่ 1200 เมตรจากระดับน้ำทะเล...เขาหลวงสุโขทัยปรากฏชัดในหัวใจ



    จากมุมมองบนพื้นราบ เขาหลวงสุโขทัยคือยอดเขาลูกหนึ่งที่พุ่งตระหง่านหยัดยืนขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดสุโขทัย แต่อาจจะไม่สามารถเทียบเคียงกับเทือกเขาอื่น ๆ ได้ ด้วยความสูงเพียงแค่ 1200 เมตร ทำให้ครั้งแรกที่เห็น เรานึกปรามาศอยู่ในใจ ความสูงแค่นี้คงเดินกันไม่ทันเหนื่อยหรอก
    เราเริ่มต้นออกเดินตอนใกล้จะ 8 โมง แวะไหว้พระขอพรตรงหน้าทางเข้า ที่เจ้าหน้าที่เรียกว่าประตูพระร่วง เอาฤกษ์เอาชัย สร้างขวัญกำลังใจกันก่อนออกเดินทาง


    ทางเดินตอนต้นเป็นทางเดินราบ สดชื่น เย็นสบาย เหมือนเดิมชมป่าหลังบ้าน เดิน ๆ ไปสักพัก ทางราบเริ่มเป็นทางชัน ให้ค่อย ๆ ไต่กันขึ้นไป ลืมนึกไปเลยว่าระยะทาง 3.7 กิโลกว่า ๆ กับความสูง 1200 เมตร คงไม่ได้แลกมากันง่าย ๆ ความฮึกเหิมในใจเริ่มมีความเหนื่อยขึ้นมาแทนที่ ใจเรียกร้องหาป้ายบอกทาง อีกไกลแค่ไหนเราจึงจะไปถึงจุดหมาย


    ความดีงามของป้ายบอกทางที่นี่ คือบอกเป็นระยะทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ทำให้มีกำลังใจว่าเป็นระยะทางไม่ไกลเกินไปนัก แต่หากมานั่งนับว่าต้องผ่านกี่จุดกว่าจะถึงยอดเขา ก็เป็นระยะที่เอาการอยู่
    คณะที่เริ่มเดินมาพร้อม ๆ กัน เริ่มทิ้งห่างกันไปเรื่อย ๆ เราเป็นทัพหลังที่พักบ่อยกว่าเพื่อน ได้แต่บอกเพื่อนร่วมทางว่าไม่ต้องรอ ไปก่อนได้เลย เพื่อจะได้ไม่เป็นการกดดดันตัวเอง และด้วยเส้นทางชัดเจนที่ไม่ต้องกลัวการหลง ถ่ายรูปไป พักไป ร่างกายก็ค่อย ๆ ปรับจนอยู่ตัว
    เราแวะดื่มน้ำตามรายทาง แต่ละจุดพักจะมีท่อต่อน้ำมาใส่ไว้ในแกลลอน ให้เราได้เติมดื่มกิน หรือล้างหน้าล้างตาได้อย่างสดชื่น เดินมาถึงจุดชมวิว แวะพักดูวิวตัวเมืองสุโขทัยเบื้องล่าง รับลมเย็น ๆ ที่โชยมา ลืมความเหนื่อยล้าที่มีจนหมดสิ้น


    พักเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทางต่อ เราไต่สวนความชันขึ้นไปเรื่อย ๆ ผ่านทั้งป่าหิน และเนินดิน สายฝนพรำเป็นช่วง ๆ ตลอดระยะเวลาเดินทาง ยังดีที่ไม่ได้ตกหนัก จนต้องคว้าเสื้อกันฝนมาใส่ พอเดินมาถึงด่าน “ ปล่องนางนาค ” ก็เริ่มใจชื้นเพราะทางเดินเป็นทางราบ ทำให้เราพอทำเวลาได้ จากจุดนี้ ระยะทางอีกไม่ไกล ก็จะไปถึงยอดแล้ว พอพ้นโค้งมา เราไม่ได้เตรียมใจมาก่อน ว่าช่วงสุดท้ายก่อนถึงยอด ยังมีทางชันรออยู่ เราดึงพลังสำรองก้อนสุดท้าย ลากตัวเองฝ่าความชันช่วงสุดท้ายขึ้นไปเพื่อที่จะพบว่า...
ที่ 1200 เมตรจากระดับน้ำทะเล...เราคือผู้พิชิตเขาหลวงสุโขทัย



    ช่วงบ่าย หลังจากกางเตนท์ พักเหนื่อยกันเสร็จ เราก็เตรียมพร้อมจะออกเที่ยว แต่ยังไม่ทันจะออกจากบริเวณที่กางเต็นท์ ฝนชุดใหญ่ก็กระหน่ำลงมา วิ่งหลบฝนกันแทบไม่ทัน เวลาล่วงเลยไปเรื่อย ๆ คล้อยบ่าย เราจึงได้เริ่มออกเดินสำรวจยอดเขาต่าง ๆ ทางเดินที่นี่เป็นวงกลมที่สามารถเดินจนครบรอบมาบรรจบกันได้ เริ่มที่เขาใกล้ๆ  ก่อนอย่างยอดเขาเจดีย์ เราเดินผ่านป่าก่อนขึ้นเนินหญ้าขึ้นไปอีกครั้ง ลมเย็นจากยอดดดอยโชยแผ่วเบา ราวกับจะปลอบประโลมนักเดินทางผู้เหนื่อยอ่อน อากาศสดชื่นอย่างที่หาได้ยากในเมืองหลวง ยอดเขาเจดีย์มีไม้พุ่มแหลมขึ้นกระจาย วิวสวยงาม ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน


        เราก็ออกเดินทางต่อมุ่งสู่ยอดภูกา ยอดที่สูงที่สุดของเขาหลวงสุโขทัย ระยะทางที่ไม่น่าจะไกลมากกลับกลายเป็นเหมือนทางเดินที่ไม่มีวันเดินไปถึง แต่เรามาทั้งทีแล้ว จะไม่ขึ้นยอดที่สูงที่สุดก็กลัวจะอดเสียดายไม่ได้ เราก้มหน้าเดินไต่ความสูงขึ้นไปจนถึงยอด หมอกที่ปกคลุมไปทั่วทั้งยอดดอยคือสิ่งที่รออยู่ ไม่ใช่ทะเลหมอก ไม่เห็นวิวเบื้องล่าง มีเพียงแต่หมอกหนาทึบ เหมือนเดินอยู่ทามกลางม่านหมอก


        ถามว่าเสียใจไหม ส่วนหนึ่งตอบเลยว่าใช่ แต่ถามว่าเสียดายไหม ตอบได้เลยว่าไม่ ถ้าวันนี้เราเลือกที่จะไม่เดินขึ้นมา คงเป็นคำถามที่ค้างใจไปอีกนานว่า ยอดภูกาจริง ๆ ข้างบนนั้นเป็นเช่นไร

        
         ขากลับเราต้องรีบเดินลงแข่งกับเวลาและความมืดที่เริ่มเข้ามาแทนที่ เราถกเถียงกันว่าจะเดินกลับย้อนทางเดิม หรือจะตะลุยต่อไปข้างหน้า ในที่สุดความอยากรู้ก็เป็นฝ่ายชนะ เราเลือกที่จะเดินต่อไปยังทางเดินไปยอดเขาพระแม่ย่า และยอดเขาพระนารายณ์ แต่ไม่ได้แวะเลยทั้งสองยอด เพราะรู้ตัวอีกที เราก็เดินอยู่ท่ามกลางความมืดเสียแล้ว ยิ่งเวลาล่วงเลย ความมืดก็ยิ่งมืดขึ้นเรื่อย ๆ จนมองไม่เห็นมือตัวเอง ต้องใช้ไฟฉายส่องนำทาง ทางดินที่ลื่นเพราะพายุที่กระหน่ำตั้งแต่ช่วงบ่าย ทำให้ต้องจิกเท้าจนเกร็ง  เสียงต่าง ๆ ที่ดังขึ้นมาก็พาให้หวาดระแวง ยังไม่ทันจะจินตนาการไปไกล เราก็เดินทางกลับแคมป์ได้อย่างปลอดภัย
    เราหลับไปท่ามกลางฟ้าที่เกลื่อนไปด้วยก้อนเมฆ คืนนี้ดาวไม่ฉายแสง พระจันทร์ไม่สว่าง หวังเพียงพายุฝนที่พัดเมื่อตอนบ่ายจะไม่พัดย้อนกลับมา...
    แต่คำอธิษฐานไม่เป็นจริง คืนนั้น พายุพัดโหมกระหน่ำ เต็นท์และถุงนอนชุ่มไปด้วยน้ำจนเหมือนนอนอยู่ในแอ่งน้ำ เราต้องวิ่งย้ายมานอนเต็นท์ตรงศาลาที่ทำการของอุทยานฯ หลับไปพร้อมกับเสียงพายุที่กรรโชกอยู่รายรอบ

        ฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ...

        ประโยคคลาสสิกที่เกิดขึ้นในใจ เมื่อเราลืมตาตื่นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ไม่ว่าเมื่อวานจะเป็นเช่นไร แม้เราจะไม่ได้ไปทุกที่ที่อยากไป ไม่ได้เจอทุกสิ่งที่เราคาดหวังไว้ แต่เขาหลวงสุโขทัยก็งดงามในแบบที่เป็น เราได้ใช้เวลาฟุ่มเฟือยไปกับการเหม่อมองเมฆเคลื่อนผ่าน นอนแอบอิงแนบพื้นดิน ฟังเสียงฝนพรำ กลับไปอยู่กับธรรมชาติที่เราไม่เคยได้สัมผัสในป่าเมือง ใช้เวลาดี ๆ ร่วมกับเพื่อนร่วมทาง เป็นความประทับใจที่เก็บเกี่ยวไว้ได้อีกนานเนิ่นนาน


และเหนือสิ่งอื่นใด...ฉันว่าฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองอย่างเด่นชัด.


Special thanks : Photo by T i t l e


PS.กระทู้นี้เพียงเพื่อแชร์ความประทับใจในการเดินทาง ข้อมูลการเดินทางมีอยู่ในหลาย ๆ กระทู้ที่จขกท.เอง ก็แอบศึกษาก่อนไป ขอบคุณสำหรับทุกกระทู้ก่อนหน้าด้วยค่ะ ยิ้ม
ชื่อสินค้า:   เขาหลวงสุโขทัย อุทยานแห่งชาติรามคำแหง อ.คีรีมาศ จ.สุโททัย - อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยุ
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่