แก้ไขข้อความ...เพิ่มลิงค์ตอนที่3
ตอนที่1 Haneda-Abashiri-Asahikawa
https://ppantip.com/topic/38364233
ตอนที่3 Tokyo-Nikko-Kawagoe-Yokohama
https://ppantip.com/topic/38370320
-----------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากโพสภาค1จนตาลาย...และคิดว่าทุกท่านคงอ่านจนตาแฉะแล้ว...เพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา...แฮ่...เสียเวลา(3บาท 5บาทก็เอา) มาต่อที่ภาค 2 กันครับ ภาคนี้จะพาไป Sapporo, Otaru, Yoichi, Hakodate กันกระทู้นี้ยาวเหมือนเดิมครับ ต้มมาม่าแล้วมานั่งอ่านกัน ไปกันเลยครับ
Former Hokkaido Government Office
ที่ตั้ง: เดินจากสถานี JR Sapporo ไปทางสวน Odori ประมาณ 500 เมตร
หมายเลขโทรศัพท์: 011-231-4111
เวลาเปิด-ปิด: 8:45-18:00น. ยกเว้นช่วงวันหยุดปีใหม่
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวปไซท์:
http://www.pref.hokkaido.lg.jp/sm/sum/sk/akarenga.htm
นั่งรถไฟจาก Asahikawa มา Sapporo ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วก็ไปกัน วันนี้ฝนตกๆหยุดๆอีกแล้ว ทำไมฟ้าช่างกลั่นแกล้ง เริ่มต้นที่ที่ทำการรัฐบาลหลังเก่าของ Sapporo เดินจากสถานี JR Sapporo ไปไม่ไกลก็ถึงตัวอาคาร ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสวยงามมาก
ด้านในมีสวนที่ประดับไปด้วยต้นไม้ใหญ่หลายต้น ใบไม้เปลี่ยนสีภาพลุงกับป้ามาถ่ายรูปกันหัวเราะกันคิกคัก2คนน่ารักมากๆ
อาคารอิฐแดงหลังนี้สร้างเสร็จปีคศ.1888 ด้วยศิลปะแบบอเมริกันบาโร๊ก เพราะอเมริกาช่วยออกแบบและสร้างอาคารนี้ จุดเด่นคือโดมแปดเหลี่ยมด้านบนนั่นแหละ อาคารอิฐแดงแบบนี้คนญี่ปุ่นเรียกว่า “อะคะเร็นกะ” ที่แปลว่าอิฐแดง จำนวนอิฐที่ใช้ก่อสร้างอาคารหลังนี้ประมาณ 2 ล้าน 5 แสนก้อนโดยวางแบบแนวขวางสลับกันแบบฝรั่งเศส(แต่อเมริกาช่วยออกแบบ...งงมั้ย)ซึ่งเป็นรูปแบบการก่อสร้างที่หาดูได้ยาก
สัญลักษณ์ดาวแดงบนอาคารนี้และอีกหลายอาคารในฮอกไกโดเป็นสัญลักษณ์ของทูตผู้บุกเบิกฮอกไกโดซึ่งเรียกว่า “ดงบังชิงกิ”...เดี๋ยวๆไม่ใช่ เรียกว่า “โฮกุชินกิ” ต่างหาก ดาวสีแดงสื่อถึงดาวเหนือ อยู่ข้างนอกนาน เปียกฝนไปหมดแล้ว เข้าไปดูข้างในอาคารดีกว่า
เข้ามาด้านในเรียบร้อย มีคุณลุงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอธิบายวิธีการเข้าชม ตรงใหนชมได้ตรงใหนไม่ได้ อธิบายเสร็จก็ไปกันเลย ขึ้นชั้นบนกันบันไดเป็นไม้น้ำหนักตัวของเรากดลงบนไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดเสียงดังไปทั้งห้อง...แหม่ เขิลอ่ะ
ที่นี่มีห้องให้เดินชมหลายห้องครับ แต่ละห้องตกแต่งอย่างหรูหราและดูเป็นตะวันตกมากๆ อย่างห้องทำงานและประชุมห้องนี้เป็นต้น...เราเดินจนไม้ลั่นไปทั่วอาคารแล้ว สมควรแก่เวลา ไปกันต่อครับ
Sapporo Clock Tower
ที่ตั้ง: เดินจากสถานี JR Sapporo ไปทางสวน Odori ประมาณ 500 เมตร หรือเดินจาก Former Hokkaido Government Office ประมาณ 800 เมตร
หมายเลขโทรศัพท์: 011-231-0838
เวลาเปิด-ปิด: 8:45-17:00น.
ค่าเข้าชม: 200เยน
เวปไซท์
http://sapporoshi-tokeidai.jp/know/walking.php
ไปกันต่อที่หอนาฬิกาซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ Sapporo อาคารนี้สร้างตั้งแต่ปีคศ.1878 แต่ตอนแรกไม่ได้ใช้เป็นหอนาฬิกาหรอกครับ ใช้เป็นที่เรียนของมหาวิทยาลัยเกษตรซับโปโร ปีคศ.1881 ถึงไปซื้อนาฬิกาจากบอสตันมาใส่
ในช่วงที่เราไป อาคารหอนาฬิกาเพิ่งบูรณะเสร็จภายนอกกลับมาสวยงามแล้ว แต่ด้านในยังไม่เปิดให้เข้าชม อ่ะ...ชมแต่ด้านนอกก็ได้
Sapporo Factory
ที่ตั้ง: เดินจากสถานี JR Sapporo ประมาณ 1.5 กม. หรือเดินจาก Sapporo Clock Tower ประมาณ 1 กม. ติดกับสวน Nagayama Memorial Park
หมายเลขโทรศัพท์: 011-207-5959
เวลาเปิด-ปิด: 11:00-20:00น.
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวปไซท์
https://sapporofactory.jp/contact/
อาคารของ Sapporo Factory เด่นมาแต่ไกล ด้วยสีแดงของใบไม้ที่ปกคลุมไปทั่วอาคาร ไม่รอช้าเข้าไปดูข้างในกัน
ประตูที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้สีเขียวบ้าง แดงบ้าง เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยทีเดียว
ที่นี่เป็นโรงงานทำเบียร์เก่า มีสิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์บางอย่างที่ยังคงสภาพเดิมอยู่บ้าง มาเรียนประวัติศาสตร์กันหน่อย...โรงเบียร์นี้สร้างเมื่อปีคศ.1876 โดยรัฐบาลของฮอกไกโดเป็นเจ้าของ ใช้งานมาเรื่อยจนกระทั่งบริษัทของรัฐบาลเกิดปัญหาการเงิน บริษัท Sapporo Beer Company ก่อตั้งปี 1888 เข้ามาเป็นเจ้าของต่อใช้งานจนกระทั่งย้ายไปสร้างโรงงานใหม่ที่ Eniwa ในปี 1993 ปัจจุบันเจ้าของสถานที่คือบริษัท Yebisu Garden Place และตัวอาคารปรับปรุงเป็นศูนย์การค้าและลานเบียร์...จบวิชาประวัติศาสตร์
ลุงซานต้าแอบปีนปล่องไฟ เริ่มแรกอาคารก็สร้างด้วยไม้แต่ก็ปรับปรุงให้เป็นอาคารอิฐแดงในภายหลัง รีบถ่ายรูปรีบเข้าข้างในดีกว่า ฝนตกใหญ่แล้ว
ข้างในปรับปรุงให้เป็นศูนย์การค้าและร้านอาหาร ผนังเพดานยังคงความดิบแบบโรงงานได้อยู่ สวยดีครับ
ไม่รู้ห้องนี้ห้องอะไร มีถังหมักเบียร์ด้วยและเหมือนจะยังใช้งานอยู่อาจจะเพราะว่ายังเปิดเป็นลานเบียร์อยู่
ป้ายยี่ห้อแปะไว้เลย โดยรวมตัวอาคารสวยดีครับ มีมุมให้ถ่ายรูปได้หลายมุม ตกแต่งออกแนวโรงงานๆ สวยดีใครมาเที่ยว Sapporo แวะมาที่นี่ได้ครับ
มื้อนี้กินกันที่ร้าน Jinbei อยู่ในPASEO ในสถานี JR Saporo อีกที มื้อนี้ก็ตามมาตรฐานอาหารญี่ปุ่น อิ่มและอร่อยแต่ไม่ถึงกับว้าว
แหล่งภาพ: Google Street View
โรงแรม: Hotel Mystays Sapporo Station
ที่ตั้ง: ออกจากสถานี JR Sapporo ทิศเหนือแล้วเดินอีกนิดหนึ่ง
ราคาที่จ่าย : 19,200เยน สำหรับ 2 คืน ไม่รวมอาหารเช้า
เวปไซท์:
https://www.mystays.com/en-us/hotel-mystays-sapporo-station-hokkaido/
เป็นโรงแรมที่ใกล้สถานี JR Sapporo มากเดินออกจากสถานีทิศเหนือเดินมาจะเจอแบบภาพด้านบน ยึดตึกหน้าเป็นหลักด้านซ้ายของตึกจะเป็น Hotel Mystays Sapporo Aspen ซึ่งไม่ใช่ที่เราจะนอนคืนนี้โรงแรมเราจะอยู่ด้านขวา ป้ายสีน้ำเงินๆนั่นแหละ
ห้องพักตามมาตรฐานญี่ปุ่นคือแคบ และแน่นอนว่าที่นี่ก็ปรับแอร์ไม่ได้ แต่ที่เลือกเพราะมีเตียงนอนแบบเตียงใหญ่ ที่เป็นเตียงใหญ่พอสำหรับนอน 2 คนจริงๆ บางโรงแรมบอกเตียง Double แต่เอาเข้าจริงมันพอสำหรับคนครึ่งเท่านั้นแหละ
ไปเที่ยวกันต่อที่ Otaru แน่นอนว่าไปพร้อมฝน เที่ยวคราวนี้เปียกแฉะดีจริง Otaru เป็นเมืองท่าการค้าติดต่อกับอเมริกาและอังกฤษในอดีต เป็นศูนย์กลางธุรกิจและการธนาคารในช่วงนั้น นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีอาคารแบบตะวันตกอยู่หลายแห่ง
The Bank of Japan Otaru Museum
ที่ตั้ง: 800 เมตรจากสถานี JR Otaru เดินจากสถานีตามถนน Chuo เลี้ยวเข้าตลาดมีหลังคา Miyako จนทะลุอีกฝั่งเลี้ยวซ้ายแล้วเดินอีกหน่อย
หมายเลขโทรศัพท์: 013-421-1111
เวลาเปิด-ปิด: เม.ย.-พ.ย. เปิด 9:30-17:00, ธ.ค.-มี.ค. เปิด 10:00-17:00 ปิดวันพุธ แต่เปิดถ้าวันพุธเป็นวันหยุด
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวปไซท์
http://www3.boj.or.jp/otaru-m/
อดีตอาคารธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่นประจำสาขา Otaru เปิดทำการเมื่อปีค.ศ.1912 ออกแบบโดย Kingo Tatsuno ใครหว่า...ลำพังแค่ชื่อคงไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของเขาคืออาคารสีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของสถานี JR Tokyo นั่นล่ะ รู้จักกันใช่มั้ยครับ ตลอดชีวิต Kingo ออกแบบอาคารกว่า 140 แห่งเกินครึ่งเป็นธนาคารซึ่งรวมถึงธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่นหลายสาขาด้วย
เข้ามาด้านในจะเห็นความสวยงามในการออกแบบและก่อสร้าง รวมถึงความหรูหรา เคาท์เตอร์ประดับด้วยหินอ่อนนำเข้า พื้นเงาวับ ในยุคนั้น Otaru มีชื่อเล่นว่า “Wall Street of Northern Japan” เพราะมีสำนักงานธนาคารมากมายใน Otaru
ผมชอบที่นี่นะ จากภายนอกเหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอเข้ามาแล้วมีเรื่องให้เรียนรู้ได้มากทีเดียวและการรักษาสภาพและความสมบูรณ์ของสถานที่ผมคิดว่าที่นี่ทำได้ดีมากๆ
ห้องนี้อยู่ได้นานเลยมีอะไรให้เล่นเยอะเลย เช่นวิธีการป้องกันการทำธนบัตรปลอม ตัวอย่างธนบัตรที่ยังไม่ได้ตัดย่อย คนญี่ปุ่นดูจะสนใจห้องนี้มากเห็นดูเครื่องต่างๆอย่างสนใจมาก
เข้าตู้เซฟกัน...ข้างในเป็นของเก่าหลายชิ้น ของอีกอย่างที่น่าสนใจมากคือมีโอกาสได้จับเงิน 100ล้านเยน ได้ยกเล่นเลยทีเดียว...แต่ไม่ใช่เงินจริงหรอกครับเป็นแค่ปึกกระดาษที่ทำให้ยกเล่น จะได้รู้ว่าเงิน 100 ล้านเยนหนักขนาดใหน
ด้านนอกอาคารและบางส่วนภายในอาคารจะประดับไปด้วยปูนปั้นคล้ายรูปนกฮูก ซึ่งเป็นตัวแทนเทพผู้พิทักษ์ตามความเชื่อของชาวไอนุซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของ Hokkaido
[CR] รีวิว...ตามหาใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น 14วัน 26 ตุลาคม – 10 พฤศจิกายน ตอนที่2 Sapporo-Otaru-Yoichi-Hakodate
ตอนที่1 Haneda-Abashiri-Asahikawa
https://ppantip.com/topic/38364233
ตอนที่3 Tokyo-Nikko-Kawagoe-Yokohama
https://ppantip.com/topic/38370320
-----------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากโพสภาค1จนตาลาย...และคิดว่าทุกท่านคงอ่านจนตาแฉะแล้ว...เพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา...แฮ่...เสียเวลา(3บาท 5บาทก็เอา) มาต่อที่ภาค 2 กันครับ ภาคนี้จะพาไป Sapporo, Otaru, Yoichi, Hakodate กันกระทู้นี้ยาวเหมือนเดิมครับ ต้มมาม่าแล้วมานั่งอ่านกัน ไปกันเลยครับ
Former Hokkaido Government Office
ที่ตั้ง: เดินจากสถานี JR Sapporo ไปทางสวน Odori ประมาณ 500 เมตร
หมายเลขโทรศัพท์: 011-231-4111
เวลาเปิด-ปิด: 8:45-18:00น. ยกเว้นช่วงวันหยุดปีใหม่
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวปไซท์: http://www.pref.hokkaido.lg.jp/sm/sum/sk/akarenga.htm
นั่งรถไฟจาก Asahikawa มา Sapporo ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วก็ไปกัน วันนี้ฝนตกๆหยุดๆอีกแล้ว ทำไมฟ้าช่างกลั่นแกล้ง เริ่มต้นที่ที่ทำการรัฐบาลหลังเก่าของ Sapporo เดินจากสถานี JR Sapporo ไปไม่ไกลก็ถึงตัวอาคาร ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสวยงามมาก
ด้านในมีสวนที่ประดับไปด้วยต้นไม้ใหญ่หลายต้น ใบไม้เปลี่ยนสีภาพลุงกับป้ามาถ่ายรูปกันหัวเราะกันคิกคัก2คนน่ารักมากๆ
อาคารอิฐแดงหลังนี้สร้างเสร็จปีคศ.1888 ด้วยศิลปะแบบอเมริกันบาโร๊ก เพราะอเมริกาช่วยออกแบบและสร้างอาคารนี้ จุดเด่นคือโดมแปดเหลี่ยมด้านบนนั่นแหละ อาคารอิฐแดงแบบนี้คนญี่ปุ่นเรียกว่า “อะคะเร็นกะ” ที่แปลว่าอิฐแดง จำนวนอิฐที่ใช้ก่อสร้างอาคารหลังนี้ประมาณ 2 ล้าน 5 แสนก้อนโดยวางแบบแนวขวางสลับกันแบบฝรั่งเศส(แต่อเมริกาช่วยออกแบบ...งงมั้ย)ซึ่งเป็นรูปแบบการก่อสร้างที่หาดูได้ยาก
สัญลักษณ์ดาวแดงบนอาคารนี้และอีกหลายอาคารในฮอกไกโดเป็นสัญลักษณ์ของทูตผู้บุกเบิกฮอกไกโดซึ่งเรียกว่า “ดงบังชิงกิ”...เดี๋ยวๆไม่ใช่ เรียกว่า “โฮกุชินกิ” ต่างหาก ดาวสีแดงสื่อถึงดาวเหนือ อยู่ข้างนอกนาน เปียกฝนไปหมดแล้ว เข้าไปดูข้างในอาคารดีกว่า
เข้ามาด้านในเรียบร้อย มีคุณลุงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอธิบายวิธีการเข้าชม ตรงใหนชมได้ตรงใหนไม่ได้ อธิบายเสร็จก็ไปกันเลย ขึ้นชั้นบนกันบันไดเป็นไม้น้ำหนักตัวของเรากดลงบนไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดเสียงดังไปทั้งห้อง...แหม่ เขิลอ่ะ
ที่นี่มีห้องให้เดินชมหลายห้องครับ แต่ละห้องตกแต่งอย่างหรูหราและดูเป็นตะวันตกมากๆ อย่างห้องทำงานและประชุมห้องนี้เป็นต้น...เราเดินจนไม้ลั่นไปทั่วอาคารแล้ว สมควรแก่เวลา ไปกันต่อครับ
Sapporo Clock Tower
ที่ตั้ง: เดินจากสถานี JR Sapporo ไปทางสวน Odori ประมาณ 500 เมตร หรือเดินจาก Former Hokkaido Government Office ประมาณ 800 เมตร
หมายเลขโทรศัพท์: 011-231-0838
เวลาเปิด-ปิด: 8:45-17:00น.
ค่าเข้าชม: 200เยน
เวปไซท์ http://sapporoshi-tokeidai.jp/know/walking.php
ไปกันต่อที่หอนาฬิกาซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ Sapporo อาคารนี้สร้างตั้งแต่ปีคศ.1878 แต่ตอนแรกไม่ได้ใช้เป็นหอนาฬิกาหรอกครับ ใช้เป็นที่เรียนของมหาวิทยาลัยเกษตรซับโปโร ปีคศ.1881 ถึงไปซื้อนาฬิกาจากบอสตันมาใส่
ในช่วงที่เราไป อาคารหอนาฬิกาเพิ่งบูรณะเสร็จภายนอกกลับมาสวยงามแล้ว แต่ด้านในยังไม่เปิดให้เข้าชม อ่ะ...ชมแต่ด้านนอกก็ได้
Sapporo Factory
ที่ตั้ง: เดินจากสถานี JR Sapporo ประมาณ 1.5 กม. หรือเดินจาก Sapporo Clock Tower ประมาณ 1 กม. ติดกับสวน Nagayama Memorial Park
หมายเลขโทรศัพท์: 011-207-5959
เวลาเปิด-ปิด: 11:00-20:00น.
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวปไซท์ https://sapporofactory.jp/contact/
อาคารของ Sapporo Factory เด่นมาแต่ไกล ด้วยสีแดงของใบไม้ที่ปกคลุมไปทั่วอาคาร ไม่รอช้าเข้าไปดูข้างในกัน
ประตูที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้สีเขียวบ้าง แดงบ้าง เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยทีเดียว
ที่นี่เป็นโรงงานทำเบียร์เก่า มีสิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์บางอย่างที่ยังคงสภาพเดิมอยู่บ้าง มาเรียนประวัติศาสตร์กันหน่อย...โรงเบียร์นี้สร้างเมื่อปีคศ.1876 โดยรัฐบาลของฮอกไกโดเป็นเจ้าของ ใช้งานมาเรื่อยจนกระทั่งบริษัทของรัฐบาลเกิดปัญหาการเงิน บริษัท Sapporo Beer Company ก่อตั้งปี 1888 เข้ามาเป็นเจ้าของต่อใช้งานจนกระทั่งย้ายไปสร้างโรงงานใหม่ที่ Eniwa ในปี 1993 ปัจจุบันเจ้าของสถานที่คือบริษัท Yebisu Garden Place และตัวอาคารปรับปรุงเป็นศูนย์การค้าและลานเบียร์...จบวิชาประวัติศาสตร์
ลุงซานต้าแอบปีนปล่องไฟ เริ่มแรกอาคารก็สร้างด้วยไม้แต่ก็ปรับปรุงให้เป็นอาคารอิฐแดงในภายหลัง รีบถ่ายรูปรีบเข้าข้างในดีกว่า ฝนตกใหญ่แล้ว
ข้างในปรับปรุงให้เป็นศูนย์การค้าและร้านอาหาร ผนังเพดานยังคงความดิบแบบโรงงานได้อยู่ สวยดีครับ
ไม่รู้ห้องนี้ห้องอะไร มีถังหมักเบียร์ด้วยและเหมือนจะยังใช้งานอยู่อาจจะเพราะว่ายังเปิดเป็นลานเบียร์อยู่
ป้ายยี่ห้อแปะไว้เลย โดยรวมตัวอาคารสวยดีครับ มีมุมให้ถ่ายรูปได้หลายมุม ตกแต่งออกแนวโรงงานๆ สวยดีใครมาเที่ยว Sapporo แวะมาที่นี่ได้ครับ
มื้อนี้กินกันที่ร้าน Jinbei อยู่ในPASEO ในสถานี JR Saporo อีกที มื้อนี้ก็ตามมาตรฐานอาหารญี่ปุ่น อิ่มและอร่อยแต่ไม่ถึงกับว้าว
แหล่งภาพ: Google Street View
โรงแรม: Hotel Mystays Sapporo Station
ที่ตั้ง: ออกจากสถานี JR Sapporo ทิศเหนือแล้วเดินอีกนิดหนึ่ง
ราคาที่จ่าย : 19,200เยน สำหรับ 2 คืน ไม่รวมอาหารเช้า
เวปไซท์: https://www.mystays.com/en-us/hotel-mystays-sapporo-station-hokkaido/
เป็นโรงแรมที่ใกล้สถานี JR Sapporo มากเดินออกจากสถานีทิศเหนือเดินมาจะเจอแบบภาพด้านบน ยึดตึกหน้าเป็นหลักด้านซ้ายของตึกจะเป็น Hotel Mystays Sapporo Aspen ซึ่งไม่ใช่ที่เราจะนอนคืนนี้โรงแรมเราจะอยู่ด้านขวา ป้ายสีน้ำเงินๆนั่นแหละ
ห้องพักตามมาตรฐานญี่ปุ่นคือแคบ และแน่นอนว่าที่นี่ก็ปรับแอร์ไม่ได้ แต่ที่เลือกเพราะมีเตียงนอนแบบเตียงใหญ่ ที่เป็นเตียงใหญ่พอสำหรับนอน 2 คนจริงๆ บางโรงแรมบอกเตียง Double แต่เอาเข้าจริงมันพอสำหรับคนครึ่งเท่านั้นแหละ
ไปเที่ยวกันต่อที่ Otaru แน่นอนว่าไปพร้อมฝน เที่ยวคราวนี้เปียกแฉะดีจริง Otaru เป็นเมืองท่าการค้าติดต่อกับอเมริกาและอังกฤษในอดีต เป็นศูนย์กลางธุรกิจและการธนาคารในช่วงนั้น นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีอาคารแบบตะวันตกอยู่หลายแห่ง
The Bank of Japan Otaru Museum
ที่ตั้ง: 800 เมตรจากสถานี JR Otaru เดินจากสถานีตามถนน Chuo เลี้ยวเข้าตลาดมีหลังคา Miyako จนทะลุอีกฝั่งเลี้ยวซ้ายแล้วเดินอีกหน่อย
หมายเลขโทรศัพท์: 013-421-1111
เวลาเปิด-ปิด: เม.ย.-พ.ย. เปิด 9:30-17:00, ธ.ค.-มี.ค. เปิด 10:00-17:00 ปิดวันพุธ แต่เปิดถ้าวันพุธเป็นวันหยุด
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวปไซท์ http://www3.boj.or.jp/otaru-m/
อดีตอาคารธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่นประจำสาขา Otaru เปิดทำการเมื่อปีค.ศ.1912 ออกแบบโดย Kingo Tatsuno ใครหว่า...ลำพังแค่ชื่อคงไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของเขาคืออาคารสีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของสถานี JR Tokyo นั่นล่ะ รู้จักกันใช่มั้ยครับ ตลอดชีวิต Kingo ออกแบบอาคารกว่า 140 แห่งเกินครึ่งเป็นธนาคารซึ่งรวมถึงธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่นหลายสาขาด้วย
เข้ามาด้านในจะเห็นความสวยงามในการออกแบบและก่อสร้าง รวมถึงความหรูหรา เคาท์เตอร์ประดับด้วยหินอ่อนนำเข้า พื้นเงาวับ ในยุคนั้น Otaru มีชื่อเล่นว่า “Wall Street of Northern Japan” เพราะมีสำนักงานธนาคารมากมายใน Otaru
ผมชอบที่นี่นะ จากภายนอกเหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอเข้ามาแล้วมีเรื่องให้เรียนรู้ได้มากทีเดียวและการรักษาสภาพและความสมบูรณ์ของสถานที่ผมคิดว่าที่นี่ทำได้ดีมากๆ
ห้องนี้อยู่ได้นานเลยมีอะไรให้เล่นเยอะเลย เช่นวิธีการป้องกันการทำธนบัตรปลอม ตัวอย่างธนบัตรที่ยังไม่ได้ตัดย่อย คนญี่ปุ่นดูจะสนใจห้องนี้มากเห็นดูเครื่องต่างๆอย่างสนใจมาก
เข้าตู้เซฟกัน...ข้างในเป็นของเก่าหลายชิ้น ของอีกอย่างที่น่าสนใจมากคือมีโอกาสได้จับเงิน 100ล้านเยน ได้ยกเล่นเลยทีเดียว...แต่ไม่ใช่เงินจริงหรอกครับเป็นแค่ปึกกระดาษที่ทำให้ยกเล่น จะได้รู้ว่าเงิน 100 ล้านเยนหนักขนาดใหน
ด้านนอกอาคารและบางส่วนภายในอาคารจะประดับไปด้วยปูนปั้นคล้ายรูปนกฮูก ซึ่งเป็นตัวแทนเทพผู้พิทักษ์ตามความเชื่อของชาวไอนุซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของ Hokkaido
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น