นั่งรถไฟ  ไปลพบุรี แบบ One day trip ไม่ใช้รถส่วนตัว
เดินทางกันแบบเบาๆ บ้างเนาะ พักแว้น ให้คนอื่นพอตามรอยได้บ้าง เพราะปกติ  นั่งรถไฟทีไร  ลงปุ๊บ  จับมอเตอร์ไซค์ไปแว้นทุกที

กับการเดินทางที่ต้องตื่นเช้ามาก!!  และนอนไปน้อย   กะมาหลับบนรถไฟ  และหลับจริงจังมาก  ข้างทางมืดตึ๊บ

ไม่ได้นั่งรถไฟเที่ยวแรกและเช้าขนาดนี้มานานมากแล้ว   เคยออกเช้านานมาแล้วตอนไปโรงเกลือกับเพื่อน  
เนื่องจากกลัวถึงช้า  เกรงว่าดอกจะคอพับเสียก่อน  ตั้งใจไปดูอย่างเดียว ไม่ได้เที่ยวที่ไหนต่อ ที่ตื่นเช้าเพราะอยากกลับรถไฟรอบบ่ายสองด้วย จะได้ถึงบ้านเร็วๆ

ถึงสถานีเร็ว  เพราะออกแต่เช้า  ถ้าออกสายกว่านี้รถจะไปติดตรงเยาวราชแล้วจะเลทเยอะ  แต่นี่เหมือนหลับตาแป๊บเดียวถึงแล้ว  หลับแป๊บเดียวจริงๆ หลับไปเลยจ้า

สัญลักษณ์ของลพบุรี  น้องลิงที่สถานีรถไฟ

รถไฟจะใช้เวลาประมาณ 3 ชม.  ส่วนรถตู้จะใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ใครอยากไปรถตู้ให้ขึ้นที่หมอชิตนะคะ  แต่เราไม่เคยนั่งรถตู้ไปลพบุรีเลย  ไม่ค่อยชอบรถตู้เท่าไหร่  เลยนั่งรถไฟไปลพบุรีตลอด  ชอบดูวิวข้างทางรถไฟ  แต่รอบนี้มืดตึ๊บ ไม่มีวิวข้างทางให้ดู  ขึ้นรถไฟแล้วหลับ

รถตู้ก็ขึ้นที่หมอชิตแล้วจะมาลงแถวนี้  แถวสถานีรถไฟนี่แหละ

:: แนะนำการเดินทางสำหรับรถไฟนะคะ

ตื่นแต่เช้าแล้วลากตัวเองมาสถานีกรุงเทพ ให้ทันขบวนแรก จะมาด้วยวิธีไหนก็ได้ แล้วแต่เธอเลย
ข 303 ชานเมือง  กรุงเทพ-ลพบุรี
04.20 น.- 07.05 น. ราคา 28 บาท
ที่ต้องการถึงเร็วเพราะอยากเผื่อเวลาต่อรถสองแถวไปเขาจีนแลด้วยนี่แหละ

แต่ถ้าใครอยากตื่นสายหน่อย
:: ขบวนที่อยากจะแนะนำ
ข 111 รถเร็ว    กรุงเทพ-เด่นชัย
07.01 -09.42 น. ราคา 50 บาท

ข 7 รถด่วนพิเศษ  กรุงเทพ-เชียงใหม่
08.30-10.28 น. ราคาประมาณ 300 กว่าบาท

**ไม่ว่าป้ายและตั๋วจะเขียนสุดทางที่ไหน แต่ให้ลงสถานีลพบุรีนะคะ

เมื่อถึงลพบุรี เดินมาทางพระปรางค์สามยอด (ตรงที่ลิงเยอะๆ) หันหลังให้ทางเข้าพระปรางค์  เล็งสองแถวสีเขียวที่เขียนว่าหนองถ้ำ จะไปเขาจีนแล  ถามคนขับอีกทีก็ได้ ค่ารถสองแถว ราคา 15 บาท แต่วันนี้ตอนเช้าเรามาหาอะไรกินแถวตลาดสด เลยรอแถวตลาดได้เหมือนกัน  เดินเข้ามานิดเดียว  ถามคนแถวนี้ก็ได้ ตลาดสดอยู่ตรงไหน

มาเดินดูของกินในตลาด

แล้วก็กินหมูร้านนี้แหละ ซื้อมาแล้วมายืนรอรถ  กินไป รอรถไป  สองแถว แถวนั้นถามว่าจะไปไหน  บอกว่ารอรถหนองถ้ำ  ยืนกินเพลิน หมูเต็มปาก
"นี่ๆ  รถหนองถ้ำมาแล้ว" เสียงพี่ผู้ชายบอกเรา  นี่หมูยังเต็มปากอยู่เลย  ได้แต่ผงกหัวขอบคุณแล้วรีบวิ่งขึ้นรถ

นั่งตอนเช้า  แทบจะเหมารถสองแถวคนเดียว มีคนขึ้นคนสองคนแล้วเขาก็ลงใกล้ๆ

รถวิ่งประมาณ 20 นาที ถึงปากทางเข้าเขาจีนแล เดินเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ลงดงทานตะวันถ่ายรูปได้

หรือใครเมื่อย รถใครผ่าน ลองขอติดรถเขาดูค่ะ แต่เราเดินได้ สบายมาก

ระหว่างทางก็เดินชมนก ชมไม้ ที่แท้ทรู  เขินนิดหน่อย  เดินอยู่คนเดียว  ถ่ายรูปข้างทางแก้เขิน

เดินผ่านร้านกะเพรา & คอฟฟี่  ช่วงเช้าๆ อากาศดี  เป็นทุ่งดอกคอสมอสเล็กๆ  เดินผ่านเฉยๆ  เดี๋ยวเข้าไปข้างในถ่ายรูปดอกทานตะวันก่อน แล้วตอนออกมาค่อยมาถ่ายรูปร้านนี้

นี่ก็น่าจะเป็นดอกทานตะวันชุดสุดท้ายของเขาจีนแลแล้ว  เราไปมาเมื่อวันที่  12  ธันวาคม 2561
และเราลองสอบถามจากคนท้องถิ่น หลังจากอาทิตย์นี้จะโรยหมดแล้วนะคะ มีอีกทีก็ปีใหม่เลย ช่วง 1-2 มกราคม 2562 แต่จะเข้าไปลึกอีกหน่อย เป็นทางเลียบกับภูเขาไป

ถ้ามาเสาร์-อาทิตย์ นี้ คิดว่ายังทันค่ะ แต่ต้องหามุมดีๆ มาเกือบไม่ทันเหมือนกัน  เพราะดอกหุบไปเยอะแล้ว  หามุมถ่ายรูปกันเอง
และหลายไร่ที่เคยไปมาเมื่อปีก่อน ก็ไม่ได้ปลูกดอกทานตะวันในปีนี้  หันไปปลูกพืชอย่างอื่นกันหมด ทราบมาว่า  ปลูกแล้วไม่ค่อยมีใครรับซื้อ  เลยไม่ค่อยปลูกกัน แนะนำว่าอย่าไปถึงจุดชมทานตะวันหลัง 11.00-12.00 น. เพราะดอกจะคอตกเสียก่อน ถ่ายรูปแดดจะร้อนมากด้วย

อันนี้ไปคนเดียว ถ่ายรูปคนเดียว ด้วยการใช้ขาตั้งกล้องและไม้เซลฟี่ แอบเอาพร็อบไปเปลี่ยนนิดหน่อย  ใครติดตามในเพจจะรู้ว่าเราถ่ายรูปตัวเองตลอดจนชินแล้ว    ใครไปวันนี้ (12.12.2561) ก็จะเห็นซิ่มคนนึงวิ่งไปมาถ่ายรูปอยู่ในดงทานตะวันคนเดียว ฮ่าๆๆ ขนาดไปวันธรรมดายังมีแต่กรุ๊ปจีนเลย คนก็เยอะอยู่นะ

ขากลับก็เดินออกทางเดิมแวะถ่ายรูปร้านกะเพรา-คอฟฟี่ก่อน แล้วข้ามถนนเรียกสองแถวเข้าเมือง (คราวนี้สองแถวทำไมคิด 20 บาท นี่งง)

หน้าร้านเรารู้สึกปกตินะ  ร้านกาแฟทั่วไป แต่คนจะสนใจตรงทุ่งดอกไม้มากกว่า   ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดี  เพราะสวย  วิวดี  เป็นทุ่งดอกไม้ มีสะพานไม้ให้ถ่ายรูป  ก็น่ารักดี   แต่ถ้าเดินกันเยอะๆ  อาจจะมีร่วงได้ ก็อย่างที่บอก  เป็นสะพานไม้ทำเองขึ้นมานะคะ  เดินเหินให้ระวังนิดนึง

จะหงุดหงิดตรงคำว่านะค่ะนี่แหละ  ใช่ไหมคะ   เขาห้ามลงดิน  ห้ามลงไปถ่ายกับรูปดอกไม้ข้างล่าง  แต่นี่อยากลงไปถอนป้ายคำว่านะค่ะมากเลย
ทำไมหงุดหงิด ฮ่าๆๆ