ทำไมทั้งๆที่วง BTS ดังขนาดนั้นถึงคิดเรื่องยุบวงครับ ?

พอดีผมได้เลื่อนดูในทวิตเตอร์แล้วเจอที่จิน BTS เล่าว่าเคยคิดที่จะยุบวงกันจริงๆ ทำไมทั้งๆที่พวกเขาดังขนาดนั้นแต่มาคุยเรื่องนี้กันครับ ผมทึ่งกับความสามารถและการสร้างประวัติศาสตร์ต่างๆของวงนี้มาก  เลยอยากรู้สปีชเต็มๆว่าเขาพูดอะไรบ้าง  ไม่ได้จะเสี้ยมนะครับแต่อยากรู้ว่าคนในด้อมแฟนคลับมีความคิดยังไงกันบ้าง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
บังทันมาอยู่ในจุดที่ไกลเกินฝัน
ยุนกิเคยบอกว่าเค้ากลับไปร้องไห้เพราะความกลัว หลังจากการแสดงที่ AMAs

บังทันไม่ได้หวังว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ ทางของพวกเค้าไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ
- กว่าจะได้มีชื่อเข้าชิงที่ 1 รายการเพลงครั้งแรก
- กว่าจะได้ถ้วยรายการเพลง
- กว่าจะเป็นที่สนใจ กว่าจะเลิกโดน(รายการต่างๆ)เมิน กว่าจะ
- แดซังแรกเป็นอะไรที่เกิดคาดสำหรับพวกเค้ามากๆ และส่วนตัวเดาว่าบังทันคงคิดว่านี่คือสูงสุดของความฝันแล้ว  แต่สุดท้ายพวกเค้ากลับพุ่งสูงขึ้นไปอีก ไปในจุดที่ยังไม่มีใคร(วงเคป็อป)ไปถึง ไปรับรางวัลบิลบอร์ด ไปแสดงงานประกาศรางวัลอเมกา เสื่อนอกให้ความสนใจมากมาย มันเกินกว่าที่พวกเค้าคาดหวังไว้เยอะ

จริงๆแล้วมันน่ากลัวนะคะ คนที่ไม่คาดวังจะไปอยู่จุดนั้น แต่อยู่ก็โดนสปอทไลท์ทั้งโลกส่องมา บังทันอาจจะไม่รู้จะรับมือกับมันยังไง ถ้าทำอะไรพลาดทุกอย่างสามารถพังครืนลงมาได้เลย

มองจากมุมคนนอกอาจจะเห็นว่าความสำเร็จมันน่าหอมหวาน แต่คนนอกจะไม่มีวันได้รู้ถึงความยากลำบากที่เหล่าคนที่อยู่จุดสูงสุดต้องเจอเลย มันมีทั้งความคาดหวัง หน้าที่ ความรับผิดชอบ ความกดดัน

เรานับถือบังทันนะที่สามารถจัดการกับความกลัวเหล่านั้นได้ประมาณนึงแล้ว เชื่อว่าพวกเค้าจะเติบโตทางด้านจิตใจอย่างมั่นคงแน่นอน
ความคิดเห็นที่ 45
"You Either Die A Hero, Or You Live Long Enough To See Yourself Become The Villain"
Harvey Dent - The Dark Knight

อารมณ์เปรียบเปรยประมาณว่า : ถ้าคุณยุติทุกอย่างในตอนนี้ ผู้คนก็จะจดจำคุณในฐานะฮีโร่  แต่ถ้าคุณยังไม่ยอมหยุด (จนพลาดพลั้ง/ไม่ประสบความสำเร็จ)  คุณจะทนดูตัวเองกลายเป็นวายร้ายในอนาคตได้หรือเปล่า

เหมือนชีวิตของวง เดินมาถึงทางเลือกแล้วว่า จะหยุดหรือไปต่อ  คือไม่มีทางในผิดหรือถูก 100% หรอก   เพียงแต่คุณต้องถามสภาพจิตใจตัวเองก่อนว่า ถ้าไปต่อ จะไหวมั้ย ?  ถ้าไม่ไปต่อ ก็ยุติเส้นทางเอาไว้เพียงเท่านี้
และ BTS ก็ได้เลือกเส้นทางนั้นแล้ว ...

ได้ฟังที่จินพูด ก็พอเข้าใจแหล่ะ ถ้าเป็นคนก็คือคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาช่วงหนึ่งแล้ว เป็นเวลาทบทวนตัวเองเมื่อเดินทางมาถึงจุดหมายที่ตั้งใจ (และเกินความตั้งใจ) ไปแล้ว
ที่เขาเล่า ก็เหมือนหยิบเอาไดอารี่ของวงมาถ่ายทอดให้ทุกคนได้ฟัง ว่าพวกเค้าได้เลือกทางเดินแล้วนะ
ความคิดเห็นที่ 68
ความสำเร็จและชื่อเสียงมันน่ากลัวนะโดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่จริงจังในการทำงานและกดดันตัวเองสูงแบบบังทันเรานึกออกเลยว่าจะทำให้เกิดความ insecure และสุขภาพจิตเสียได้มากขนาดไหน เมมเบอร์ทุกคนคงเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองแบกอะไรที่มันใหญ่กว่าคำว่าวงเคป๊อปไปมากๆๆ พวกเขาคงไม่ได้เตรียมใจมารับสิ่งนี้หรืออาจเตรียมมาแล้วแต่ผลกลับเกินกว่าที่คาดไปมากๆ (เราเคยอ่านแท็กหนึ่งของมี่อินเตอร์นะติดเทรนด์โลกกับเทรนด์อเมริกาอยู่เป็นวัน เนื้อหาในแท็กประมาณว่าบังทันมีอิทธิพลอย่างไรต่อตัวเขาบ้าง บางคนในแท็กพูดกันประมาณว่าบังทันเป็นเหมือนศาสนาของเขาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตของเขา บางคนบอกว่าเพลงของบังทันคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาไม่ฆ่าตัวตาย บางคนบอกว่าบังทันเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกของเขาที่ป่วยเป็นภาวะซึมเศร้าดีขึ้นได้หลังจากลูกเขาไม่ตอบสนองต่อยา บางคนบอกว่าบังทันเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้ ฯลฯ) อาร์มี่เองก็เป็นแฟนด้อมที่มีอิมแพคกับกระแสโลกมากไม่ว่าที่ไหนมีชื่อบังทันที่นั่นต้องมีชื่ออาร์มี่พ่วงด้วยเรียกว่าอาร์มี่ดังพอๆกับบังทันเลยก็ได้ และอาร์มี่มักเป็นวงที่มีอิทธิพลในแง่ดีมากอย่างเช่น การบริจาคต่างๆ โครงการ love yourself หรือ media engagement ที่สร้างอิทธิพลเชิงบวกให้แก่สังคมโลก(โดยเฉพาะโลกออนไลน์)จนอาร์มี่มีสถานะคล้ายองค์กรอะไรซักอย่างในระดับสากลไปแล้ว และเราจะเห็นว่าคนโดยเฉพาะแฟนคลับมองบังทันเกินกว่าคำว่าวงไอดอลไปมากๆจนมันแทบจะกลายเป็น realistic idol ไปเลย ซึ่งแน่นอนว่ามุมมองนี้บังทันก็น่าจะรู้ว่าแฟนคลับมองตัวเองแบบไหน แล้วมันก็จะเกิดแรงสะท้อนกลับมาว่า "แล้วตัวเรานี่ดีพอสำหรับแฟนคลับของเราหรือยังนะ" มันนำไปสู่ความกลัวที่จะ "พลาด" และทำให้ทุกอย่าง "พัง" พอจะนึกออกมั้ยว่าการที่เราต้องแบกรับภาระ "ไอดอลที่เป็นมากกว่าไอดอล" มันจะเป็นยังไง

แต่ถึงเราเข้าใจหัวอกบังทันเราก็ไม่เคยคิดเรื่องเขาจะยุบวงเลย สารภาพว่าไม่เคยอยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำ พอเขาพูดออกมาตรงๆแบบนี้ก็ช๊อคเหมือนกันนะ เอาจริงๆทำใจลำบากกว่าเขาจะมีแฟนกันอีก แต่ก็นะถ้ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ(ซึ่งก็เกิดแน่ในอนาคตแต่เผื่อว่ามันเร็วกว่าที่เราคิด)เราจะพยายามทำใจให้ได้นะ ตอนนี้เราแค่ขอเรื่องเดียวคือขอให้เขามีความสุขอ่ะที่เหลือจะทำอะไรก็ได้เลยจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 3
เพราะความกดดันค่ะ ยิ่งประสบความสำเร็จความกดดันยิ่งสูง ความเครียดสูง ถ้าพลาดแค่นิดเดียวก็มีโอกาสถูกตีกระแสจนเป็นเรื่องใหญ่ได้ เราว่าที่คุยกันคงไม่ได้คุยเรื่องยุบตรงๆ แต่คุยกันว่าจะรับมือกับสิ่งที่มันถาโถมเข้ามายังไง แล้วเรื่องยุบวงเป็นออพชั่นนึงในนั้น ซึ่งการต่อสัญญาไปอีก 7 ปี ก็เป็นการบอกว่าออพชั่นนั้นถูกคว่ำไปแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่