[CR] ศึกสายเลือดบัลลังก์เดือด! หูฟังเกมมิ่ง Beyerdynamic MMX 300 VS DT 990 Pro แถมรีวิวเสียง G5 vs AE-5

คำเตือนกระทู้นี้อาจป้ายยาท่าน!

เตือนความจำ : รอบก่อนผมได้รีวิว Beyerdynamic MMX300 ที่สุดของหูฟังเกมมิ่ง..? กับหลายสิ่งที่ร้านหูฟังไม่ได้บอกคุณ https://ppantip.com/topic/38306102


สวัสดีคร้าบบบ...กลับมาพบกับการรีวิวของผมอีกครั้ง สืบเนื่องจากรอบก่อนที่ผมไปหวด Beyerdynamic MMX300 + BlasterX G5 มาแล้วกะว่าจบแน่นอน ปรากฎว่าไม่จบ! เนื่องจากเสียงของหูฟังยังไม่ถูกจริตตัวเอง (แน่นอนว่าเล่นเกมมันก็ดีมาก แต่ด้านอื่นๆนี่ขาดไปพอสมควรเลย) ประกอบกับเกิดข้อสงสัยว่าทำไมหนอทำไม สตรีมมิ่งชื่อดังกับทรงผมสีเขียวของเค้าอย่าง "Ninja"  ขออ้างถึงหน่อยเพราะว่าเป็นสตรีมเมอร์ที่พึ่งได้รับรางวัล The Game Award for Content Creator of the Year ประจำปี 2018

(รูปจาก theverge.com)

ซึ่งชายผู้นี้ได้ใช้หูฟัง Beyerdynamic DT 990 Pro เวลาสตรีมเกม และยังมีอีกหลายท่านที่ไม่ได้กล่าวถึงได้ใช้หูฟังตัวนี้เวลาเล่นเกม นอกจากการฟังเพลงซึ่งตามเว็บบอร์ดต่างประเทศมีการรีวิวกันอย่างกว้างขวางว่ามันเจิดจรัสซะเหลือเกิน

มารู้จักกับ Beyerdynamic DT 990 Pro
- สเปคไดรเวอร์เท่ากับ MMX 300 คือขับความถี่เสียงได้ที่ 5 - 35,000 Hz
- เป็นหูฟังแบบ Open-Back ซึ่งหมายถึงเสียงข้างในออกไปข้างนอกได้ และเสียงข้างนอกเข้ามาในหูได้
- น้ำหนักเบาแค่ 250 กรัม เบามากเมื่อเทียบกับหูฟังครอบหูทั่วไปตามท้องตลาดที่เฉลี่ยประมาณ 280 กรัมขึ้นไป
- ราคาในไทย 7,990 บาทโดยเฉลี่ยไม่รวมพวก code ลดต่างๆ
- เวอร์ชั่นที่ผมใช้คือ 250 Ohms ซึ่งเป็นตัวที่คนส่วนใหญ่ใช้งาน
- เวลาเสียถอดเปลี่ยนซ่อมได้ทุกชิ้น มีอะไหล่หมด
- มันเป็นหูฟังที่มักอยู่ในห้อง Studio ชั้นนำของโลก
- เป็นหนึ่งในหูฟังที่ audiophile แนะนำ
- เป็นหูฟังที่ได้คะแนนรีวิวจากผู้ใช้ในเว็บ amazon สูงมากกกก

- กราฟคลื่นเสียงเป็น V-Shape นิดๆ ภาพจากเว็บ rtings.com

- made in German

นี่คือ Fact หรือความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยที่ผมยังไม่ได้ฟังเสียง และมันทำให้ผมต้องลองซื้อมาฟังเองเพื่อให้รู้ว่าทำไมหูฟังตัวนี้ถึงเจิดจรัสอย่างที่เค้าว่ากัน เราลองไปชมรูปร่างหน้าตากันก่อน เพราะเชื่อว่าชาวเกมเมอร์ไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักหรือไม่เคยเห็นมัน (แต่สาย audiophile คงไม่มีใครไม่รู้จักมัน)



บริเวณด้านนอกของหูฟังนั้นมาเป็นช่องซี่ๆให้ลมสามารถเข้าออกได้ นั่นทำให้มันไม่อบ ไม่ร้อน และใส่สบายมากกกกกก น้ำหนักก็เบามาก ผมให้ 10/10 เรื่องใส่สบายเลย ส่วนเรื่องเสียงลอดนั้นเทียบกับหูฟัง Open-Back ด้วยกันอย่าง Grado SR80e ของผมบอกเลยว่าเบากว่ามากครับ สมมติ Grado เราได้ยิน 100% ข้างนอกจะได้ยิน 50-75% แต่ DT 990 Pro จะออกไปประมาณ 15-20% เท่านั้น ส่วนการตัดเสียงจากภายนอกจะหายไปประมาณ 15% ครับ ส่วน Grado ไม่เกิน 2% 555+


วงกลมตรงกลางนี่จะเป็นรูเปิดให้ลมเข้าออกแบบ 100% ครับ แต่บริเวณรอบๆสีขาวๆจะมีวัสดุมาซับเสียงอีกที คือไม่ปิดหรือเปิดซะทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็น Semi-Open แบบ DT 880 Pro นะครับ


ด้านบนเป็นหนังนุ่มมากเหมือนกับ MMX 300 ครับ แต่จะถอดเปลี่ยนง่ายกว่า เวลาสวมเหมือนไม่มีอะไรมากดทับหัวเลย นี่คือจุดเด่นอีกอย่างของหูฟังจากค่าย Beyerdynamic


ฟองน้ำนุ่มกว่า MMX 300 นิดๆครับ คือตอนสวม MMX 300 จะยังรู้สึกถึงขอบฟองน้ำ แต่เจ้า DT 990 Pro จะไม่รู้สึกถึงขอบ


พอครอบหัวจะเห็นว่าหูฟังนั้นใหญ่มากๆ แรงบีบหัวของก้านหูฟังพอๆกัน ส่วนตัวรู้สึกว่าใส่สบายๆ แต่ถ้าคนหัวใหญ่ๆผมเห็นมีคนบ่นเหมือนกันว่าบีบครับ

เปรียบเทียบเสียงกับ MMX 300

Beyerdynamic DT 990 Pro ด้วยความที่เป็นหูฟัง Open-Back คนที่ไม่เคยฟังมาก่อนความรู้สึกจะแปลกๆไปจากหูฟังแบบ Close-Back เลยครับ ส่วนตัวผมรู้สึกว่าหูฟังแบบ Open-Back จะให้ธรรมชาติของเสียงที่ดีกว่า โปร่งกว่า ฟังแล้วกว้างกว่า ถึงแม้บางตัว soundstage อาจจะแคบกว่าหูฟังแบบ Close-Back ด้วยซ้ำ แต่ฟังแล้วด้วยความที่มันโปร่งเลยรู้สึกว่ากว้างกว่า ตามข้อมูลจากเว็บ rtings สิ่งที่ทำให้รู้สึกแตกต่างนี้ก็คือ Acoustic Space Excitation คือถ้าเราเปิดเสียงดังพอและหูฟังเปิดพอมันจะทำให้เสียงที่หลุดออกไปมีอิทธิพลทำให้เรารู้สึกว่าได้ยินไกลขึ้นนั่นเอง

Beyerdynamic DT 990 Pro vs MMX 300

ด้านเล่นเกม
- ทั้งคู่แยกทิศทางได้ดีมากเหมือนกัน MMX 300 ฟังตำแหน่งศัตรูง่ายกว่าเพราะสงัดกว่าและเสียงคมกว่า แต่ DT 990 Pro ให้ความโปร่งและความสมจริงของบรรยากาศภายในเกม
- MMX 300 จะเหมือนเราฟังเสียงอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม ส่วน DT 990 Pro เหมือนเราฟังเสียงจากลำโพงที่วางไว้ใกล้ๆในทุ่งกว้างที่เงียบๆ
- DT 990 Pro เนื้อเสียงพวกเสียงปืนเสียงกระสุนเวลาเล่นเกมแนว FPS จะล้าหูน้อยกว่า MMX 300 เพราะเสียงสูงไม่บาดหู แต่ก็ทำให้ขาดเรื่องรายละเอียดเสียงไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ MMX 300

ด้านฟังเพลง
- MMX 300 เสียงคมกว่าทุกย่าน
- MMX 300 Low-bass ลงได้ลึกกว่า มาเป็นลูกกลมๆ DT 990 Pro ถึงแม้ Low-bass จะมีบางๆ แต่ mid-bass กับ high-bass นั้นคือชัดเจน อิมแพคมาเต็ม และเสียงเบสให้ความรู้สึกเป็นแบ๊คกราวประกอบจังหวะของเพลงมากกว่า MMX 300 ที่ทำตัวกดเสียงกลางให้ถอยลงไป
- MMX 300 เสียงกลางรู้สึกถอยและแห้งกว่า ส่วน DT 990 Pro จะให้เสียงที่ค่อนข้างธรรมชาติมาก เนื้อเสียงน่าฟังกว่า และลอยเด่นกว่า MMX 300
- MMX 300 เสียงสูงไม่บาดหูเท่าไร(บางคนก็บอกว่าคมบาดหู) อาจติดสากนิดๆ แต่ DT 990 Pro เสียงสูงจะหวานกว่า ฟังสบายกว่ามากและไม่สากเลย
- MMX 300 ขี้ฟ้องกว่ามาก เพลงไหนอัดมาไม่ดีพี่แกฟ้องออกมาหมด
- soundstage พอๆกัน MMX 300 จะไกลกว่านิดๆ แต่ DT 990 Pro ถึงแม้จะแคบกว่าแต่ความรู้สึกของขอบเขตเสียงมันฟังดูไกล สมมติว่าเสียงฉาบที่โดนไม้กลองตีดังแฉ่ๆๆๆ ถ้า MMX 300 ก็จะรู้สึกว่าไกลจากหัวไป 5 ซม. แต่ DT 990 Pro มันจะ 4 ซม. แต่หลังจากต้นเสียงแฉ่ๆๆที่ได้ยินแล้ว ความระยิบระยับของเสียงมันไปไกลกว่า คือมันจะค่อยๆหายไปแบบนิ่มๆไกลๆ ผิดกับ MMX 300 ที่มันจะรู้สึกได้ว่าปลายเสียงมันไปสุดตรงไหน
- การจัดวางชิ้นดนตรีทำได้ดีทั้งคู่ไม่ทับซ้อนกัน แต่ MMX 300 เวลาฟังจะเกิดช่องระหว่างชิ้นดนตรีแบบโหวงๆ อาจจะเพราะ soundstage นั้นกว้างกว่าขนาดของชิ้นดนตรี ทำให้ฟังเพลงแล้วให้อารมณ์ความเป็นเนื้อเดียวกันของเพลงนั้นน้อยกว่า DT 990 Pro ที่ image กับ soundstage นั้นทำมาได้พอดีกว่า ถ้านึกภาพไม่ออกลองดูภาพด้านล่างที่ผมวาด


ด้านดูหนัง
- พอดูหนังเราไม่ต้องเพ่งสมาธิกับทิศทางต่างๆที่เกิดขึ้นเหมือนกับเกม ทำให้ DT 990 Pro ที่ให้อารมณ์ความสมจริงและให้ความโอบล้อมของบรรยากาศรอบตัวนั้นกิน MMX 300 แบบสบายๆ แต่ทั้งนี้ความตูมตามของเสียงระเบิดก็ยังสู้ MMX 300 ไม่ได้
- เสียงพูดในหนัง DT 990 Pro ชัดกว่ามาก ลอยเด่น และดูธรรมชาติกว่า

สรุปคือเหมือนเป็นศึกของหูฟัง Close-back ปะทะ Open-back ซะมากกว่า 555+ คือมันมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันมากๆแบบคนละขั้ว แต่ส่วนตัวผมบอกเลยว่า Beyerdynamic DT 990 Pro เป็นหูฟังที่ overall มากๆ สำหรับใครที่มองหาหูฟังที่ครบเครื่องผมยกให้ตัวนี้เป็นที่หนึ่งในใจเลยทีเดียว แต่ถ้าจริงจังกับการเล่นเกมแบบสุดๆ เน้นการแยกแยะทิศทางเสียงแบบช๊อตต่อช๊อต ยังไง MMX 300 ก็ยังดีกว่าครับ ส่วนถ้าใครจะใช้ DT 990 Pro ผมก็แนะนำ ModMic มาใช้คู่กัน สวยงามลงตัวสุดๆ


แถมๆครับ รีวิว Creative BlasterX G5 vs BlasterX AE-5


เนื่องด้วยทั้งคู่ราคาแทบจะเท่ากัน ทั้งราคาเต็มและราคาที่ลดลงมา โดยตัว AE-5 นั้นจะแพงกว่านิดเดียว แต่ด้านสเปคนั้นดูด้วยตาแล้วต้องบอกว่าเหนือกว่าหลายขุม
- AE-5 ใช้ชิป DAC ESS ES9016K2M Sabre32 32-bit/384kHz ดีกว่า G5 ที่ใช้ Cirrus Logic CS4398 24-bit/192kHz
- AE-5 มาพร้อม XAMP เป็นแอมป์คู่แยกซ้ายขวา ทำให้สัญญาณรบกวนน้อยลงไปอีก(สงัดกว่า) โดยทั้งคู่ขับได้สูงสุด 600 Ohms เท่ากัน
- AE-5 จะใช้ Sound Blaster Connect ส่วน G5 จะใช้ของมันเอง

*AE-5 ใช้ชิปเดียวกับ G6 แต่ไม่ได้หมายความว่าเสียงของทั้งคู่จะออกมาเหมือนกัน ขึ้นกับการจูนจาก Creative แต่ก็มีแนวโน้มที่จะคล้ายกัน

หลักๆที่แตกต่างกันก็ประมาณนี้ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของฟีเจอร์เล็กๆน้อยๆ ส่วนเรื่องต่อไปที่จะพูดถึงก็คือเรื่องเสียง ซึ่งถ้าว่าตามสเปคนั้นยังไง AE-5 ก็กินแน่ๆ พอเอาเข้าจริงค่อนข้างมีประเด็นที่น่าสนใจตามนี้ครับ

การเล่นเกม
- AE-5 ให้มิติเสียงที่กว้างกว่า G5 แบบรู้สึกได้แต่ไม่มากมาย แยกทิศต่างๆดีกว่าเล็กน้อย
- AE-5 เสียงค่อนข้างสดไม่ว่าจะปรับแบบ Virtual 7.1 หรือ 2.0 Stereo เทียบกับ G5 นี่ความคมสู้ไม่ได้เลย ทำให้ AE-5 เก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆได้ดีกว่า แต่พวกเสียงระเบิดเวลาฟังแล้วแข็งกว่าและมวลน้อยกว่าแบบรู้สึกได้
- AE-5 ถ้าใช้กับหูฟังที่เสียงคมๆอยู่แล้ว จะคมจนบาดหูไปเลย พวกเสียงปืนเสียงและกระสุนจะแสบหู ผมว่าถ้าใช้กับหูฟังค่าย Sennheiser จะลงตัวมาก ส่วนตัวได้ลองกับ GSP 300 เสียงไปได้ไกลกว่าเดิมพอตัวเลย

การฟังเพลง
- ผมปรับเป็น Effect Off ทั้งคู่ AE-5 เสียงออกแนวดิจิตอลคือฟังแล้วชัดเจนแต่เสียงจะแข็งๆแห้งๆ เสียงสูงก็คม เสียงกลางก็แห้ง แต่ให้ clarity ส่วนเบสก็บางและแข็ง บุคลิกคือเสียงเน้นเสียงสูงแบบชัดเจน เทียบกับ G5 แล้ว G5 ฟังเพลงเพราะไปเลย เบสมีมวลกว่า ตึบกว่า เป็นลูกกว่า เสียงกลางหนากว่า ขยับมาข้างหน้ามากกว่า เสียงสูงก็คมแต่ไม่คมเท่า AE-5 แน่นอน ส่วนตัวถ้าจะหยิบ AE-5 มาใช้ ผมจะเลือกจับคู่กับหูฟัง Sennheiser น่าจะเหมาะ เพราะโทนเสียงหูฟังค่ายนี้จะอุ่นปนดาร์กนิดๆ คู่กันคิดว่าลงตัว แต่ถ้าเอามาจับกับ DT 990 Pro หรือ MMX 300 ผมว่างานนี้มีบาดหูกันไปข้าง

การดูหนัง
- AE-5 ได้เรื่องการเก็บบรรยากาศ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เสียงกระจกแตกบาดถึงใจ ส่วนเสียงพูดแห้งและคม แต่ชัดเจนทุกคำ เสียงระเบิดนั้นไม่ตูมตามเท่า G5 อีกทั้งยังแห้งและเก็บตัวไวกว่า แลกกับความเปิดเผยของรายละเอียดต่างๆ ส่วนตัวผมถ้าดูหนังผมก็ยังจะหยิบ G5 มาฟังมากกว่า นอกจากจะไปเล่นซาวด์การ์ดของ ASUS ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องฟังเพลงและดูหนังซึ่งให้มวลของเนื้อเสียงที่หนากว่า หวานกว่า แต่เรื่องเกมก็ไม่สู้ของ Creative เช่นกัน คงต้องเลือกให้เหมาะสมครับ

สรุป...
โดยรวมการที่ AE-5 หยิบ DAC ESS ES9016K2M มาใช้งาน ประกอบกับการจูนเสียงจาก Creative ทำให้รวมๆมันฟังแล้วเหมือนเสียงสังเคราห์มากกว่าการให้ความสมจริงของเสียง ข้อดีก็คือการเล่นเกมนั้นเผยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆได้ดีมาก เหมาะกับการเล่นเกมมากกว่าจะเอามาฟังเพลงและดูหนัง(ดูหนังนี่พอไหวเพราะช่วยเรื่องบรรยากาศและทิศทางของเสียง ตามบอร์ดต่างประเทศหลายคนบอกว่าตัวเก่าอย่าง Blaster Z ยังดูหนังดีกว่า AE-5 แต่เอามาฟังเพลงนี่เป็นผมไม่เลือกแน่นอน) ส่วน G5 นั้นเหมือนเป็ดคือทำงานได้ในระดับดีในทุกด้าน ไม่เด่นไปที่ด้านใดด้านนึงมากนัก และจับคู่กับหูฟังในท้องตลาดได้มากกว่าครับ

รีวิวทั้งหมดก็จบเพียงเท่านี้ ครั้งหน้าถ้าผมมีโอกาสได้ซื้อมาไรมาลองอีก จะพยายามจับมารีวิวให้ได้อ่านกันถ้ามีเวลาเขียน สวัสดีคร้าบผ
ชื่อสินค้า:   ชื่อสินค้า : Beyerdynamic DT 990 Pro + Beyerdynamic MMX 300 + BlasterX G5 + BlasterX AE-5
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่