"ชวลิต" ประเดิมปลดล็อกลุยปราศรัย 4 จุด มั่นใจเพื่อไทยยังครองใจชาวบ้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1269506
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง เริ่มเข้มข้นขึ้นทันทีหลัง คสช.มีคำสังปลดล็อกทางการเมือง ให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคต่างๆ เริ่มลงพื้นที่จัดกิจกรรมทางการเมือง ได้ เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง ถือเป็นบรรยากาศการเมืองเต็มรูปแบบ หลังมีการปฏิวัติ รัฐประหาร มานานกว่า 5 ปี
โดยเฉพาะเขตเลือกตั้ง ที่ 4 ซึ่งถือเป็นพื้นที่สำคัญที่จะมีการแข่งขันดุเดือด เนื่องจาก นาย
ชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ทำให้เพื่อไทย ต้องส่งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.คนใหม่ มารักษาฐานที่มั่น และคะแนนนิยมจากชาวบ้านไว้ โดยได้เปิดตัว นาย
ชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย แบบบัญชีรายชื่อ และยังเป็น ส.ส.ดาวสภา ของพรรค เตรียมพร้อมลงสมัคร สู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้
ทั้งนี้หลังประกาศปลดล็อก นาย
ชวลิต วิชยสุทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 4 นครพนม ได้ประเดิมวันแรก ถือฤกษ์ดี ลงพื้นที่ พบปะ ปราศัยกับชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.ปลาปาก รวมถึง 4 จุด เพื่อชิงความได้เปรียบ เนื่องจากเป็นการลงสมัคร ส.ส.พื้นที่ ครั้งแรก โดยได้ชูนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน กับชาวบ้าน และเชิญชวนให้ประชาชน ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์ หลังรอโอกาสนี้ มานานหลายปี ที่สำคัญยังได้สร้างสีสัน ร้องเพลงคืนความสุขให้กับชาวบ้าน คือเพลง
โปรดพิจารณา ของนักร้องชื่อดัง
ดำรง วงศ์ทอง เป็นการอ้อน และฝากความเมตตาขอคะแนนกับชาวบ้าน เพื่อทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน
นาย
ชวลิต กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ชาวบ้านรอคอยมานาน เชื่อว่าเป็นวันที่ชาวบ้านมีความสุขมากที่สุด หลังอึดอัดมานานหลายปี และจะเป็นการประกาศจุดยืน ของนักการเมือง รวมถึงประชาชน เพื่อได้ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
ยอมรับช่วงที่ผ่านมา ประชาชนอยู่แบบอึดอัด หนำซ้ำยังมีปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจตกต่ำ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการชี้อนาคตของประชาชน ถ้ามอบว่าต้องการให้สืบทอดอำนาจ คือเลือกพรรคxxxxx หากต้องการประชาธิปไตย ต้องเลือกพรรคการเมืองที่เกิดจากประชาธิปไตย เชื่อว่าประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
นาย
ชวลิตกล่าวว่า เชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทย ยังอยู่ในใจประชาชน เพราะทำงานดูแลประชาชนด้วยใจมาตลอด มาถึงวันนี้ถึงจะเป็นการลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรก แต่ไม่หนักใจ อีกเรื่องอยากวอนให้รัฐบาล รู้หน้าที่ตัวเอง เพราะเป็นรัฐบาลสองสถานะ อย่าฉวยโอกาสสืบทอดอำนาจ และ ทาง กกต.จะต้องทำงานด้วยความจริงใจ ไม่แอบแฝง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้คืออนาคตประเทศไทย นานาประเทศจับตามอง
ด้านนาย
อลังการ มาวิเศษ อายุ 42 ปี ตัวแทนชาวบ้าน ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจ โล่งใจที่ได้เห็นบรรยากาศทางการเมือง หลังถูกบีบบังคับมานานหลายปี มาถึงวันนี้เชื่อว่า ประชาชน ทุกคน มีความดีใจ ที่ปลดล็อกการเมือง และจะได้แสดงออกถึงสิทธิเสรีภาพ ในระบอบประชาธิปไตย และจากนี้ต้องการที่สุดคืออยากได้ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง และมีประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์
ธนาธร ชวนดูหนังการเมือง Ten Years Thailand ปลุกคนไทยสู้-สร้าง‘คนเท่ากัน’
https://www.khaosod.co.th/politics/news_1944989
ธนาธร ชวนดู Ten Years Thailand หนังการเมือง สะท้อนมุมมองการเมืองวันนี้ที่ส่งผลต่อ 10 ปีข้างหน้า
ธนาธร ดูหนังการเมือง- จากกระแสภาพยนตร์ Ten Years Thailand ที่ถูกพูดถึงมากหลังฉายรอบ Thailand Premiere ไปเมื่อคืนวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งนักการเมือง นักวิชาการ นักกิจกรรมเคลื่อนไหวในสังคม สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป สนใจรับชมจนเต็มทุกที่นั่ง รวมทั้งนาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ น.ส.
พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เข้าร่วมชม
ก่อนฉายมีกิจกรรมพูดคุยบนเวที สัมภาษณ์ผู้กำกับภาพยนตร์ รวมทั้งสัมภาษณ์ นักการเมืองและนักวิชาการที่มาร่วมชม โดย นาย
ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา นักเขียนชื่อดัง
ปลุกคนไทยสู้-สร้างคนเท่ากัน
นาย
ธนาธร กล่าวถึงคำถาม
“คิดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร” ว่า
“ผมมีความฝันที่เรียบง่าย อยากเห็นคนเท่าเทียมกันใน อยากเห็นว่าประเทศไทยจะไม่มีรัฐประหารอีก แต่สิ่งเหล่านี้มันไม่สามารถได้มาด้วยความง่ายดาย มันจำเป็นต้องต่อสู้เรียกร้อง ต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา
ผมขอให้เราทุกคนมาร่วมกันเป็นประจักษ์พยาน ถ้าเราทุกคนช่วยกัน ทุกอย่างมันเป็นไปได้ มาช่วยกัน ร่วมกันเปิดประตูนี้ สร้างความเป็นไปได้ ทำให้มันเกิดขึ้นในสิ่งทีเราอยากเห็นในประเทศไทยของเรา”
อนาคตประเทศในมือคนรุ่นใหม่
ขณะที่ นาย
ธงทอง จันทรางศุ กล่าวว่า
“อนาคตประเทศไทยอยู่ในมือของคนรุ่นใหม่ที่จะได้ออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงกันในคราวนี้ ได้แสดงความเป็นตัวตนของเขาว่าอยากเห็นบ้านเมืองนี้เป็นอย่างไร ขอให้ออกมาช่วยกันแสดงพลัง เป็นเข็มทิศให้บ้านเมืองของเราว่าจะเดินไปในทางไหน”
ด้าน ผู้กำกับภาพยนตร์
วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง กล่าวว่า
“หนังของผมเป็นแบบแฟนตาซี ไม่สมจริง มันพาเราหนีออกไปจากโลกความเป็นจริง แต่มันกลับทำให้เราเปรียบเทียบ รับรู้ความจริง สารที่ต้องการจะสื่อได้มากกว่าปกติเสียอีก เพราะบางครั้งเราก็ไม่สามารถสื่อสารความจริงบางอย่างออกมาอย่างตรงไปตรงมาได้ ด้วยข้อจำกัดต่างๆในสังคม”
เฝ้ารอการเลือกตั้ง
สอดคล้องกับ นาย
อาทิตย์ อัสสรัตน์ อีกหนึ่งผู้กำกับฯที่เห็นว่าตลอด 12 ปีที่ผ่านมา มีความขัดแย้งทางสังคมและการเมืองอย่างมากมายเกิดขึ้นในประเทศ ทั้งการเกิดรัฐประหารขึ้นถึงสองครั้ง และจนถึงตอนนี้ประชาชนก็ยังคงเฝ้ารอคอยการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นและคาดหวังที่จะนำพาประเทศกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตย
4 ผู้กำกับดังผนึกฝีมือ
สำหรับภาพยนตร์ Ten Years Thailand เป็นโครงการต่อเนื่องมาจากภาพยนตร์ Ten Years Hong Kong จากการรวมตัวกันของ 5 ผู้กำกับ ที่ร่วมกันเล่าเรื่องสภาพสังคมของเกาะฮ่องกงในอีก 10 ปีข้างหน้า
เป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของประเทศซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการ
ปฏิวัติร่ม (Umbrella Movement) ที่ชาวฮ่องกงกว่าแสนคนออกมาเคลื่อนไหวอย่างสันติเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานจากรัฐบาลจีน ในการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดของเกาะฮ่องกงในปี 2557
ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จสูงมาก ได้รับรางวัลในฮ่องกงแต่กลับโดนแบนในประเทศจีน หลังประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายโครงการนี้ถูกส่งต่อมายังประเทศไทย และตั้งใจส่งผ่านพลังสร้างสรรค์ให้คนทำหนังในประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชีย อาทิ ไต้หวัน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ในประเทศไทย Ten Years Thailand คือหนังสั้น 4 เรื่อง โดยผู้กำกับชาวไทย เป็นจินตนาการเรื่องราวของไทยในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าจากมุมมองของ 4 ผู้กำกับ ได้แก่ นาย
อาทิตย์ อัสสรัตน์ นาย
วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง นาย
อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล และนาย
จุฬญาณนนท์ ศิริผล
สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยปัจจุบันต้องดำรงอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของไทย ควบคู่ไปกับการจินตนาการถึงสภาวะบ้านเมืองในอีก 10 ปีข้างหน้า
สิ่งที่น่าสนใจคือภาพยนตร์ทั้ง 4 เรื่อง ได้พยายามทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงเล็กๆ บอกเล่าถึงความไม่ปกติของสังคมไทยให้ชาวโลกได้รับรู้
เสรีพิศุทธ์ ซัด คำสั่งปลดล็อก ทำพลังประชารัฐ ชิงขึ้นป้ายหาเสียงก่อน
https://www.thairath.co.th/content/1443205
เสรีพิศุทธ์ จี้ กกต.หยุดสร้างความวุ่นวายด้วยบัตรเลือกตั้ง แนะ แต่ละพรรคควรใส่ชื่อคนเสนอเป็นนายกฯ ให้ ปชช.ตัดสิน ชี้ คำสั่งปลดล็อกการเมืองทำให้พลังประชารัฐได้ประโยชน์อื้อ ชิงขึ้นป้ายหาเสียงก่อนพรรคการเมืองอื่น
วันที่ 12 ธ.ค. พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลงพื้นที่พบปะประชาชนและรับสมัครสมาชิกพรรคที่ตลาดนัดซอยเฉยพ่วง โดยเน้นย้ำนโยบายพรรคที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน ว่า หากพรรคได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารประเทศจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนกำลังเผชิญให้ดีขึ้น รวมถึงปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลให้หมดไป
พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงคำสั่ง ม.44 ปลดล็อก 9 คำสั่ง คสช. ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมเตรียมความพร้อมเลือกตั้งว่า ถือเป็นเรื่องดี ที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคจะทำงานได้สะดวกขึ้น แต่เห็นว่า คสช.ควรจะปลดล็อกนานแล้ว ไม่ใช่มาเริ่มทำตอนนี้ ขณะเดียวกันเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวได้เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพลังประชารัฐ ที่มี 4 รัฐมนตรีเป็นผู้บริหารของพรรค เพราะทันทีที่มีคำสั่งปลดล็อกประกาศ ว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐได้ขึ้นป้ายหาเสียงทันที ซึ่งพรรคการเมืองอื่นไม่สามารถทำได้แบบนี้ หากไม่รู้ล่วงหน้า เพราะการทำป้ายต้องใช้เวลา จึงอยากเรียกร้องให้พลเอก
ประยุทธ์ และรัฐมนตรีทั้ง 4 คน ทบทวนบทบาทและหน้าที่ รวมทั้งควรลาออกจากรัฐบาลทันที ไม่ควรสวมหมวก 2 ใบ เพื่อชิงเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ทั้งนี้หลังปีใหม่จะไปแจ้งความเอาผิดพลเอก
ประยุทธ์และ 4 รัฐมนตรี ในข้อหาค้ามนุษย์ ฟอกเงิน และทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้รัฐบาล
ส่วนที่โหร
วารินทร์ออกมาทำนายว่า การเลือกตั้งจะไม่มีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. 2562 นั้น ตนเองคิดเห็นว่ากระบวนการและขั้นตอนต่างๆ เดินหน้าไปหมดแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะมาขยับ หรือไม่ให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันดังกล่าว นอกเสียจากเป็นความตั้งใจของ คสช. สำหรับประเด็นที่ กกต.กำหนดไม่ให้ใส่ชื่อและสัญลักษณ์พรรคการเมืองลงในบัตรเลือกตั้งนั้น เห็นว่าแม้แต่การแข่งขันกีฬาสียังไม่มีการใส่เสื้อสีเดียวกัน แต่การเลือกตั้งจะมาห้ามด้วยกฎระเบียบที่เอาเปรียบและสร้างความสับสนให้กับประชาชน จึงอยากเรียกร้องให้ กกต.อย่าสร้างความวุ่นวาย นอกจากนี้เห็นว่าในบัตรเลือกตั้งแต่ละพรรคการเมืองควรจะใส่ชื่อของบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ลงในบัตรเลือกตั้งด้วย เพราะประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศให้กับประชาชน
ขณะที่บรรยากาศการลงพื้นที่รับสมัครสมาชิกของ พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ มีประชาชนพนักงานออฟฟิศและพ่อค้าแม่ค้ามาสะท้อนปัญหา โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจค้าขายไม่ได้ ซึ่ง พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ ย้ำว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาทั้งหมดให้ประชาชนสามารถลืมตาอ้าปากได้ พร้อมกันนี้ยังมีพนักงานออฟฟิศและพ่อค้าแม่ค้าขอถ่ายรูปกับ พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ ด้วย.
JJNY : 5in1 ชวลิตประเดิมปลดล็อก/ธนาธรชวนดูหนัง/เสรีพิศุทธ์ซัดคำสั่งปลดล็อก/กัญจนาชี้รธน.40งามที่สุด/ข้องใจ”มาร์ค”
https://www.matichon.co.th/politics/news_1269506
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง เริ่มเข้มข้นขึ้นทันทีหลัง คสช.มีคำสังปลดล็อกทางการเมือง ให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคต่างๆ เริ่มลงพื้นที่จัดกิจกรรมทางการเมือง ได้ เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง ถือเป็นบรรยากาศการเมืองเต็มรูปแบบ หลังมีการปฏิวัติ รัฐประหาร มานานกว่า 5 ปี
โดยเฉพาะเขตเลือกตั้ง ที่ 4 ซึ่งถือเป็นพื้นที่สำคัญที่จะมีการแข่งขันดุเดือด เนื่องจาก นายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ทำให้เพื่อไทย ต้องส่งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.คนใหม่ มารักษาฐานที่มั่น และคะแนนนิยมจากชาวบ้านไว้ โดยได้เปิดตัว นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย แบบบัญชีรายชื่อ และยังเป็น ส.ส.ดาวสภา ของพรรค เตรียมพร้อมลงสมัคร สู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้
ทั้งนี้หลังประกาศปลดล็อก นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 4 นครพนม ได้ประเดิมวันแรก ถือฤกษ์ดี ลงพื้นที่ พบปะ ปราศัยกับชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.ปลาปาก รวมถึง 4 จุด เพื่อชิงความได้เปรียบ เนื่องจากเป็นการลงสมัคร ส.ส.พื้นที่ ครั้งแรก โดยได้ชูนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน กับชาวบ้าน และเชิญชวนให้ประชาชน ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์ หลังรอโอกาสนี้ มานานหลายปี ที่สำคัญยังได้สร้างสีสัน ร้องเพลงคืนความสุขให้กับชาวบ้าน คือเพลง โปรดพิจารณา ของนักร้องชื่อดัง ดำรง วงศ์ทอง เป็นการอ้อน และฝากความเมตตาขอคะแนนกับชาวบ้าน เพื่อทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน
นายชวลิต กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ชาวบ้านรอคอยมานาน เชื่อว่าเป็นวันที่ชาวบ้านมีความสุขมากที่สุด หลังอึดอัดมานานหลายปี และจะเป็นการประกาศจุดยืน ของนักการเมือง รวมถึงประชาชน เพื่อได้ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ยอมรับช่วงที่ผ่านมา ประชาชนอยู่แบบอึดอัด หนำซ้ำยังมีปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจตกต่ำ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการชี้อนาคตของประชาชน ถ้ามอบว่าต้องการให้สืบทอดอำนาจ คือเลือกพรรคxxxxx หากต้องการประชาธิปไตย ต้องเลือกพรรคการเมืองที่เกิดจากประชาธิปไตย เชื่อว่าประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
นายชวลิตกล่าวว่า เชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทย ยังอยู่ในใจประชาชน เพราะทำงานดูแลประชาชนด้วยใจมาตลอด มาถึงวันนี้ถึงจะเป็นการลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรก แต่ไม่หนักใจ อีกเรื่องอยากวอนให้รัฐบาล รู้หน้าที่ตัวเอง เพราะเป็นรัฐบาลสองสถานะ อย่าฉวยโอกาสสืบทอดอำนาจ และ ทาง กกต.จะต้องทำงานด้วยความจริงใจ ไม่แอบแฝง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้คืออนาคตประเทศไทย นานาประเทศจับตามอง
ด้านนายอลังการ มาวิเศษ อายุ 42 ปี ตัวแทนชาวบ้าน ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจ โล่งใจที่ได้เห็นบรรยากาศทางการเมือง หลังถูกบีบบังคับมานานหลายปี มาถึงวันนี้เชื่อว่า ประชาชน ทุกคน มีความดีใจ ที่ปลดล็อกการเมือง และจะได้แสดงออกถึงสิทธิเสรีภาพ ในระบอบประชาธิปไตย และจากนี้ต้องการที่สุดคืออยากได้ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง และมีประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์
ธนาธร ชวนดูหนังการเมือง Ten Years Thailand ปลุกคนไทยสู้-สร้าง‘คนเท่ากัน’
https://www.khaosod.co.th/politics/news_1944989
ธนาธร ชวนดู Ten Years Thailand หนังการเมือง สะท้อนมุมมองการเมืองวันนี้ที่ส่งผลต่อ 10 ปีข้างหน้า
ธนาธร ดูหนังการเมือง- จากกระแสภาพยนตร์ Ten Years Thailand ที่ถูกพูดถึงมากหลังฉายรอบ Thailand Premiere ไปเมื่อคืนวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งนักการเมือง นักวิชาการ นักกิจกรรมเคลื่อนไหวในสังคม สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป สนใจรับชมจนเต็มทุกที่นั่ง รวมทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เข้าร่วมชม
ก่อนฉายมีกิจกรรมพูดคุยบนเวที สัมภาษณ์ผู้กำกับภาพยนตร์ รวมทั้งสัมภาษณ์ นักการเมืองและนักวิชาการที่มาร่วมชม โดย นายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา นักเขียนชื่อดัง
ปลุกคนไทยสู้-สร้างคนเท่ากัน
นายธนาธร กล่าวถึงคำถาม “คิดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร” ว่า “ผมมีความฝันที่เรียบง่าย อยากเห็นคนเท่าเทียมกันใน อยากเห็นว่าประเทศไทยจะไม่มีรัฐประหารอีก แต่สิ่งเหล่านี้มันไม่สามารถได้มาด้วยความง่ายดาย มันจำเป็นต้องต่อสู้เรียกร้อง ต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา
ผมขอให้เราทุกคนมาร่วมกันเป็นประจักษ์พยาน ถ้าเราทุกคนช่วยกัน ทุกอย่างมันเป็นไปได้ มาช่วยกัน ร่วมกันเปิดประตูนี้ สร้างความเป็นไปได้ ทำให้มันเกิดขึ้นในสิ่งทีเราอยากเห็นในประเทศไทยของเรา”
อนาคตประเทศในมือคนรุ่นใหม่
ขณะที่ นายธงทอง จันทรางศุ กล่าวว่า “อนาคตประเทศไทยอยู่ในมือของคนรุ่นใหม่ที่จะได้ออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงกันในคราวนี้ ได้แสดงความเป็นตัวตนของเขาว่าอยากเห็นบ้านเมืองนี้เป็นอย่างไร ขอให้ออกมาช่วยกันแสดงพลัง เป็นเข็มทิศให้บ้านเมืองของเราว่าจะเดินไปในทางไหน”
ด้าน ผู้กำกับภาพยนตร์ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง กล่าวว่า “หนังของผมเป็นแบบแฟนตาซี ไม่สมจริง มันพาเราหนีออกไปจากโลกความเป็นจริง แต่มันกลับทำให้เราเปรียบเทียบ รับรู้ความจริง สารที่ต้องการจะสื่อได้มากกว่าปกติเสียอีก เพราะบางครั้งเราก็ไม่สามารถสื่อสารความจริงบางอย่างออกมาอย่างตรงไปตรงมาได้ ด้วยข้อจำกัดต่างๆในสังคม”
เฝ้ารอการเลือกตั้ง
สอดคล้องกับ นายอาทิตย์ อัสสรัตน์ อีกหนึ่งผู้กำกับฯที่เห็นว่าตลอด 12 ปีที่ผ่านมา มีความขัดแย้งทางสังคมและการเมืองอย่างมากมายเกิดขึ้นในประเทศ ทั้งการเกิดรัฐประหารขึ้นถึงสองครั้ง และจนถึงตอนนี้ประชาชนก็ยังคงเฝ้ารอคอยการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นและคาดหวังที่จะนำพาประเทศกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตย
4 ผู้กำกับดังผนึกฝีมือ
สำหรับภาพยนตร์ Ten Years Thailand เป็นโครงการต่อเนื่องมาจากภาพยนตร์ Ten Years Hong Kong จากการรวมตัวกันของ 5 ผู้กำกับ ที่ร่วมกันเล่าเรื่องสภาพสังคมของเกาะฮ่องกงในอีก 10 ปีข้างหน้า
เป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของประเทศซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการปฏิวัติร่ม (Umbrella Movement) ที่ชาวฮ่องกงกว่าแสนคนออกมาเคลื่อนไหวอย่างสันติเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานจากรัฐบาลจีน ในการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดของเกาะฮ่องกงในปี 2557
ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จสูงมาก ได้รับรางวัลในฮ่องกงแต่กลับโดนแบนในประเทศจีน หลังประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายโครงการนี้ถูกส่งต่อมายังประเทศไทย และตั้งใจส่งผ่านพลังสร้างสรรค์ให้คนทำหนังในประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชีย อาทิ ไต้หวัน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ในประเทศไทย Ten Years Thailand คือหนังสั้น 4 เรื่อง โดยผู้กำกับชาวไทย เป็นจินตนาการเรื่องราวของไทยในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าจากมุมมองของ 4 ผู้กำกับ ได้แก่ นายอาทิตย์ อัสสรัตน์ นายวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง นายอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล และนายจุฬญาณนนท์ ศิริผล
สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยปัจจุบันต้องดำรงอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของไทย ควบคู่ไปกับการจินตนาการถึงสภาวะบ้านเมืองในอีก 10 ปีข้างหน้า
สิ่งที่น่าสนใจคือภาพยนตร์ทั้ง 4 เรื่อง ได้พยายามทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงเล็กๆ บอกเล่าถึงความไม่ปกติของสังคมไทยให้ชาวโลกได้รับรู้
เสรีพิศุทธ์ ซัด คำสั่งปลดล็อก ทำพลังประชารัฐ ชิงขึ้นป้ายหาเสียงก่อน
https://www.thairath.co.th/content/1443205
เสรีพิศุทธ์ จี้ กกต.หยุดสร้างความวุ่นวายด้วยบัตรเลือกตั้ง แนะ แต่ละพรรคควรใส่ชื่อคนเสนอเป็นนายกฯ ให้ ปชช.ตัดสิน ชี้ คำสั่งปลดล็อกการเมืองทำให้พลังประชารัฐได้ประโยชน์อื้อ ชิงขึ้นป้ายหาเสียงก่อนพรรคการเมืองอื่น
วันที่ 12 ธ.ค. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลงพื้นที่พบปะประชาชนและรับสมัครสมาชิกพรรคที่ตลาดนัดซอยเฉยพ่วง โดยเน้นย้ำนโยบายพรรคที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน ว่า หากพรรคได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารประเทศจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนกำลังเผชิญให้ดีขึ้น รวมถึงปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลให้หมดไป
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงคำสั่ง ม.44 ปลดล็อก 9 คำสั่ง คสช. ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมเตรียมความพร้อมเลือกตั้งว่า ถือเป็นเรื่องดี ที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคจะทำงานได้สะดวกขึ้น แต่เห็นว่า คสช.ควรจะปลดล็อกนานแล้ว ไม่ใช่มาเริ่มทำตอนนี้ ขณะเดียวกันเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวได้เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพลังประชารัฐ ที่มี 4 รัฐมนตรีเป็นผู้บริหารของพรรค เพราะทันทีที่มีคำสั่งปลดล็อกประกาศ ว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐได้ขึ้นป้ายหาเสียงทันที ซึ่งพรรคการเมืองอื่นไม่สามารถทำได้แบบนี้ หากไม่รู้ล่วงหน้า เพราะการทำป้ายต้องใช้เวลา จึงอยากเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ และรัฐมนตรีทั้ง 4 คน ทบทวนบทบาทและหน้าที่ รวมทั้งควรลาออกจากรัฐบาลทันที ไม่ควรสวมหมวก 2 ใบ เพื่อชิงเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ทั้งนี้หลังปีใหม่จะไปแจ้งความเอาผิดพลเอกประยุทธ์และ 4 รัฐมนตรี ในข้อหาค้ามนุษย์ ฟอกเงิน และทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้รัฐบาล
ส่วนที่โหรวารินทร์ออกมาทำนายว่า การเลือกตั้งจะไม่มีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. 2562 นั้น ตนเองคิดเห็นว่ากระบวนการและขั้นตอนต่างๆ เดินหน้าไปหมดแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะมาขยับ หรือไม่ให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันดังกล่าว นอกเสียจากเป็นความตั้งใจของ คสช. สำหรับประเด็นที่ กกต.กำหนดไม่ให้ใส่ชื่อและสัญลักษณ์พรรคการเมืองลงในบัตรเลือกตั้งนั้น เห็นว่าแม้แต่การแข่งขันกีฬาสียังไม่มีการใส่เสื้อสีเดียวกัน แต่การเลือกตั้งจะมาห้ามด้วยกฎระเบียบที่เอาเปรียบและสร้างความสับสนให้กับประชาชน จึงอยากเรียกร้องให้ กกต.อย่าสร้างความวุ่นวาย นอกจากนี้เห็นว่าในบัตรเลือกตั้งแต่ละพรรคการเมืองควรจะใส่ชื่อของบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ลงในบัตรเลือกตั้งด้วย เพราะประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศให้กับประชาชน
ขณะที่บรรยากาศการลงพื้นที่รับสมัครสมาชิกของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีประชาชนพนักงานออฟฟิศและพ่อค้าแม่ค้ามาสะท้อนปัญหา โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจค้าขายไม่ได้ ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ย้ำว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาทั้งหมดให้ประชาชนสามารถลืมตาอ้าปากได้ พร้อมกันนี้ยังมีพนักงานออฟฟิศและพ่อค้าแม่ค้าขอถ่ายรูปกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ด้วย.