ทำอย่างไรให้มีมีเงินเดือนเฉลี่ย 100,000+++ ได้ก่อนอายุ 30 ***

กระทู้สนทนา
** เข้ามาแก้คำผิดตามสัญญาแล้วนะคะ กระทู้นี้เราพิมพ์เรียงลำดับเหตุการณ์ที่เราพบเจอและอยากจะแชร์ประสบการณ์การวางแผนชีวิตของเราเพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาอ่านเยอะขนาดนี้ ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่ให้ความสนใจ รวมถึงช่วยแชร์เรื่องราวในด้านอื่นๆ เพิ่มเติมอีกมากมาย เราได้ประโยชน์มากๆ สำหรับทุกความคิดเห็นของทุกคนที่เข้ามาแชร์และแนะนำในเรื่องต่างๆ และเราหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับหลายๆคนนะคะ ^^


ขอออกตัวก่อนว่าไม่ได้จะมาบอกให้ทุกคน เฮ่ มาทำตามเราเถอะแล้วเราจะรวยไปด้วยกัน No No No

เราแค่อยากจะมาลองแชร์ วิธีของเราที่แพลนมาเป็นเวลากว่าสิบปี เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์กับใครหลายๆคนที่กำลังหาตัวเองอยู่

ปะเริ่มกัน

สำหรับเรานะ เราว่าปัจจัยที่ทำให้มามีรายได้เฉลี่ย แสนนึงได้ในวันนี้ประกอบด้วยปัจจัยเหล่านี้

1. การมีตั๋ว VIP จากรั้วมหาวิทยาลัย
2. เลือกบริษัทที่เราจะทำงานด้วยและขัดเกลาให้เราเติบโต (และควรจะเป็นบริษัทที่ใครเห็นแล้วก็อื้มม ผ่านที่นี่มา ใครๆก็อยากอ้าแขนรับ)
3. ตั้งใจเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพราะไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
4. สร้างโอกาสด้วยให้ตัวเอง
5. อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง เพราะโลกนี้ไปไกลล้าววววว



ขอเล่าย้อนกลับไปตั้งแต่ตอน มัธยมตอนปลาย เลยละกัน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ เรากำลังจะเลือกว่าเรียนสายอะไร
ซึ่งสำหรับรุ่นเราตอนนั้นคนส่วนใหญ่ประมาณ 80% ก็นิยมเลือกสายวิทย์-คณิต เพราะว่ามีทางเลือกที่เยอะกว่าในการเข้ามหาวิทยาลัย

ณ ตอนนั้นเราก็เป็นคนหนึ่งที่ เลือกตามชาวบ้านเค้าเหมือนกัน

จริงๆแล้ว เราไม่ถนัดวิทย์เลยแต่ชอบเรียนเลขแต่ก็ถูไถมาจนจบ ม.6 ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.54 เป็นไงละ เกรดน้อยได้ใจจริงๆ 55555

เอาละได้เวลาเริ่มต้นชีวิตใหม่ เข้ามหาลัย รีเซทตัวเองทั้งหมดกัน
เราได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ภาคตะวันออกชื่อดัง 55555 จะเซ็นเซอร์ทำไมใช่มะ บอกแค่นี้คนก็รู้กันหมดแล้ววววว -*-

ซึ่งต้องบอกเลยว่าที่นี่คือจุดเปลียนเลยนะ ช่วงนั้นที่บ้านเรามีปัญหาทางการเงินเป็นอย่างมาก ทำให้เราตัดสินใจ ทำงานเลี้ยงตัวเอง

วันที่เป็นจุดเปลียนคือเราจะไปขอผ่อนผันจ่ายค่าเทอมเพราะว่าแม่ของเราไม่มีเงินจ่าย เราเดินไปที่สำนักงานทะเบียน และได้คำตอบมาว่าไม่มีนโยบายที่อนุญาติให้ผ่อนผันได้ สรุปก็คือต้องจ่ายไม่งั้นก็จะไม่ได้เข้าเรียน จริงๆเรายื่นเรื่องกู้เงิน กยศ ไว้แต่ว่า เงินค่าเทอมเดือนแรกจะยังไม่เข้า ซึ่งมันเข้าหลังกำหนดการจ่ายค่าเทอม

ณ ตอนนั้นคือหน้าชาออกมาเลย แต่แล้วแม่ก็หาเงินมาให้เราจ่ายค่าเทอมได้ ตอนนั้นเราได้งาน Part-Time เป็นเด็กเสริฟที่ร้านสุกี้ในห้างตรงข้ามมหาลัยและ ก็มีเงิน กยศ มาเลี้ยงชีพ


ตั้งแต่ปี 1 เราตั้งเป้าเลย เราจะต้องได้เกียรตินิยม ให้ได้ ซึ่งการตั้งเป้าแบบนี้ทำให้เราได้อาวุธข้อแรกมาก็คือ ตั๋ว VIP จากรั้วมหาวิทยาลัย
บอกเลยว่าการเรียนในมหาลัยอะ หลายๆ สาขา เมื่อเข้าไปทำงานแล้ว อาจจะแทบไมได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเลย แต่คุณลองคิดดู ถ้าคุณเป็นเด็กจบใหม่ คุณไม่มีประสบการณ์เลย สิ่งเดียวที่คุณมี คือ transcript เอาจริงๆ transcript ก็คือตั๋วใบนึงการที่คุณมี เกียรตินิยม ก็เปรียบเสมียน คุณมีตั๋ว VIP อยู่ในมือ

เพราะว่า ถ้าคุณไม่มีประสบการณ์ สิ่งหนึ่งที่เค้าจะใช้พิจารณาก็คือเกรด ซึ่งมันอาจจะไม่ได้บอกว่าคุณทำงานเก่งหรือไม่ แต่มันบอกได้ว่าคุณเป็นคนที่ตั้งใจและขยันมากแค่ไหน นี่ก็เป็นส่วนสำคัญเพราะมันเพิ่มโอกาสให้คุณได้เข้าทำงานกับบริษัทดีๆ ที่หลายๆคนอยากเข้าไปทำงาน

เราจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับสอง ก็ไม่ได้หรูหรามากเพราะเราทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แต่ก็มากพอที่จะทำให้เราได้ทำงานกับบริษัทที่เราฝันว่าอยากทำงานด้วย พอเราจบเราได้ทำงานกับบริษัทที่เราเคยฝึกงานด้วยทันทีที่สอบเสร็จ ซึ่งเป็นบริษัทรับตรวจสอบบัญชี หรือสาย ออดิท (Audit) ที่หลายๆคนรู้จักกันนั่นเอง ซึ่งเราเริ่มหางานตั้งแต่เดือนธันวาคม ก่อนที่เราจะเรียนจบเป็นเวลาสามเดือน เพราะเราตั้งใจว่าเราจะทำงานเลยหลังเรียนจบไม่พักเบรกใดๆ เพราะเราต้องใช้เงิน !!! 555555 เราเริ่มงานแรกด้วยเงินเดือน 12,500 บาทถ้วนนนนน

ผ่านไปห้าเดือน บริษัทที่เราฝันว่าอยากทำงานด้วยก็คือหนึ่งใน Big 4 ก็โทรมาเรียกเราไปสัมภาษณ์และเราก็ได้งานที่นั่น ซึ่งทำให้เราได้อาวุธข้อที่สองและสามมา ตอนเราเข้าไปทำงานเราตั้งเป้าเลยว่าเราจะอยู่ 5 ปีคืออยู่จนเป็น Assistant Manager และเราจะตั้งใจทำงาน เพราะการทำงานมี Performance ที่ดีจะทำให้เราได้ขึ้นเงินเดือนมากขึ้นด้วย ช่วงที่เราทำงานที่นี่เราตั้งเป้าหมายชัดเจนเลยคือเราจะสอบ CPA หรือสอบเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีให้ได้ภายใน 3 ปี และเราจะเริ่มเรียนปริญญาโทต่อในปีที่สี่เพื่อที่จะเรียนจบเมื่อเราทำงานที่นี่ครบ 5 ปีพอดี ช่วง 5 ปีนี้เราจะลงทุนกับตัวเองไม่ว่าจะเป็นการตั้งใจทำงานเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มาก การลงครอสเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มในวันเสาร์อาทิตย์ และการไปเรียนเสริมเพื่อสอบ CPA ให้ผ่านตามกำหนด เราตั้งใจแบบนี้เพราะเราอยากมีอาวุธครบมือเพียงพอที่เราจะไปเติบโตที่อื่นได้อย่างมั่นคง ณ ตอนนั้นก็คิดแบบนั้นนะ (มาถึงตอนนี้ก็รู้สึกว่า เรียนรู้เท่าไหร่ก็ไม่พอหรอกกกก 555555 เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ทุกอย่างหรอก ทุกวันเราก็ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆไปเรื่อยๆ นั่นแหละ)

แต่แล้ว กำหนดการณ์ที่เราวางแผนไว้ก็เลื่อนไป 1 ปี เพราะการจัดการเวลาของเราที่ไม่ดีมากพอ เราเริ่มเรียนโทในปีที่สี่ และยังสอบ CPA ไม่ผ่านเหลืออีกสองหรือสามตัวนี่แหละถึงจะผ่าน แต่เมื่อทำงานครบ 5 ปี เราก็ลาออกอยู่ดี เพราะเรามีเป้าหมายอื่นอีกคือยากมีครอบครัว (ตอนทำงานอยู่ที่นี่แฟนทิ้งไปสองคนเลยจ้าาาา และก็โสดมายาวๆๆ) และเราไม่ได้อยากเติบโตไปเป็น Partner เราทำงานที่นี่ 5 ปี เริ่มต้นด้วยเงินเดือน 18,xxx และจบลงด้วยรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 6x,xxx (รวมโบนัส)

เราเริ่มงานที่ใหม่ทันที ที่ลาออกจากที่เก่า เราได้ทำงานกับ Corporate เป็นกลุ่มบริษัทชื่อดัง ซึ่งเราได้งานเพราะหัวหน้างานของเราเป็น in-charge เก่าของเราเองงงงง ดีงามมากๆ เราโชคดีมากๆที่ได้ทำงานที่นี่เพราะหัวหน้าของเราเก่งมากๆ และเราได้เรียนรู้อีกด้านหนึ่งของการทำงานที่แตกต่างจากการเป็น Audit โดยสิ้นเชิง เราเริ่มงานที่นี่ด้วยเงินเดือนที่ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ช่วงปีแรกของการทำงานที่นี่เราเรียนจบ ปริญญาโทบัญชีจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง และเราทำงานที่นี่แบบที่เราก็คิดไว้คราวๆว่าจะอยู่ซัก 5 ปี ซึ่งช่วงที่เราทำงานที่นี่เราก็ตั้งใจจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้เยอะที่สุดเรียนรู้ให้เยอะที่สุดเพราะนี่เป็นการทำงานใน Corporate ที่แรกของเรา ในระหว่างที่ทำงานที่นี่ก็เริ่มมี Headhunt โทรมาเสนองานบ่อยๆเพราะเราเริ่มเล่น Linkedin เริ่มไปฝากประวัติไว้ตามที่ต่างๆซึ่งนี่ก็ทำให้เราได้อาวุธข้อที่ 4 มา แต่เราก็ไม่สนใจเพราะที่นี่ทำงานใกล้บ้านและงานก็สนุกดีผลตอบแทนก็พอได้ แม้จะยังน้อยกว่าที่เราตั้งเป้าไว้คือเราอยากมีรายได้ 100,000 ต่อเดือน ก่อนสามสิบ แต่ทำงานที่นี่ก็สบายใจเพื่อนร่วมงานดี สังคมดี หัวหน้าดี

แต่แล้วสามปีผ่านไป Headhunt ก็โทรมาอีก เราก็เลยลองเรียกเงินไปตามที่เราอยากได้ ณ ตอนนั้นรายได้เฉลี่ยเราต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 78-81K มีขึ้นมีลงบ้างแล้วแต่เดือน เราเลยเรียกไป ให้เงินได้เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 9x,xxx บาท ซึ่งลองไปสัมภาษณ์ดูก็ปรากฎว่าได้ เราเลยเลือกที่จะเปลี่ยนงานเพื่อ up เงินเดือน และเราอยากได้ประสบการณ์เพิ่มเติมด้วยเนื่องจากที่ใหม่ใช้ US GAAP ซึ่งเราเคยอยากทำมากๆๆๆ ถ้าเราได้ทำมันเป็นการเพิ่มประสบการณ์ของเรามากๆ และต่อไปเราจะทำงานกับบริษัทที่ใช้ US GAAP ก็จะง่ายขึ้น

เราทำงานที่ใหม่ได้ สองสามเดือน ที่นี่ให้ผลตอบแทนตามที่เราต้องการจริงแต่เราเริ่มรู้แล้วว่าที่นี่ไม่ใช่สำหรับเรา ซึ่งเราได้บอกกับหัวหน้าเราไปตรงๆ และเราเริ่มหางานจริงจังหลังจากที่ได้แจ้งหัวหน้าไปแล้ว

ครั้งนี้เราตั้งใจหางานและเลือกแต่งานที่เรารู้สึกว่าเราอยากทำจริงๆไม่ใช่เพียงแค่เค้าจ่ายได้ตามที่เราต้องการเท่านั้น

เราสมัครงานและสัมภาษณ์งานไปสามที่ และเราได้ทั้งสามที่ เป็นสิ่งที่เรา Surprise มากๆ ซึ่งทุกที่สามารถจ่ายตามที่เราต้องการได้หมดคือ รายได้เฉลี่ย 1xx,xxx บาท

ณ จุดนี้ เรารู้สึกว่า ประสบการณ์ที่เราสั่งสมมา ที่เราลงทุนไปในหลายๆปีที่ผ่านมา มันมีประโยชน์มากๆในวันนี้เพราะมันทำให้เราได้งานที่เราอยากได้ และค่าตอบแทนก็สมน้ำสมเนื้อ กับที่เราลงทุนไป

ที่เรามาเล่าให้ฟัง เพราะอยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกคน ที่กำลังเริ่มทำงาน หรือเริ่มทำงานแล้วอยากจะเติบโตขึ้น สิ่งสำคัญที่คุณต้องมีก็คือ Attitude ที่ดี ตอนเราทำงานที่ที่สองเราทำงานหนักมาก โต้รุ่งนี่เป็นเรื่องธรรมดา จ๊อบ หินๆไม่มีใครอยากทำเราก็ทำ เพราะเราถือว่ามันเป็น Benefit สำหรับเราที่เรามีโอกาสที่จะได้ deal กับเหตุการณ์ยากๆ ที่ใครๆก็ส่ายหน้าไม่อยากทำ สำหรับเรานะ เราว่าการรับมือกับปัญหาที่ไม่มีใครอยากแก้หรือยากทำอะ ถ้าทำแล้วมัน fail ก็เท่ากับเสมอตัวนะ เพราะใครๆก็ไม่อยากทำ แต่พอเราทำมันได้ มันจะรู้สึกสะใจนะ เหมือนเออเราชนะมันแล้วเว้ย เราผ่านมันมาได้นะเว้ย มันก็เป็นประสบการณ์ให้เรารู้ว่าเราควรจะจัดการกับปัญหาต่างๆยังไง ซึ่งของอย่างนี้มันไม่มีใครที่มาสอนกันได้อะ มันต้องเจอด้วยตัวเอง

มีรายละเอียดอีกมากมายที่ไม่ได้เล่าในนี้ไม่ว่าจะเป็นการเรียนยังไงจากเด็กสองกว่าให้ได้เกียรตินิยม อ่านหนังสือสอบ CPA ยังไงให้ผ่าน เพราะถ้าเล่าก็จะยาวเกินไปคงไม่มีใครอ่าน 5555

ก็เอาเป็นว่า เป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ต่อไปนะคะ และเราก็เป็นคนนึงที่ยังไม่หยุดที่จะเรียนรู้ต่อไป
เพราะเรารักการเป็นมนุษย์เงินเดือน ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่