คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ขอเล่าจากประสบการณ์จริงให้ฟังนะคะ
ครอบครัวเราถือเป็นครอบครัวชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง ปู่เรามีที่ดินเยอะมาก พ่อเราก็การศึกษาดี สบาย มีคนขับรถรับส่งตั้งแต่เด็ก พอเรียนจบ ม.ต้นก็ไปเรียนต่อที่อังกฤษ แล้วก็ไปจบ ป.ตรี-โท ที่อเมริกา สมัย 40-50 ปีก่อน คนที่จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกได้ขนาดนี้ก็ถือว่ารวยมาก
พ่อเราต้องกลับมาไทยเพราะตอนนี้แม่ท้องเราพอดี ปู่เลยให้กลับมาคลอดที่ไทย เรามีชีวิตวัยเด็กที่ถือว่าสบายมากเลยค่ะ เรียนโรงเรียนดี มีพี่เลี้ยง มีคนใช้ คนสวน คนขับรถรับส่งตลอด จนกระทั้งปู่เราเสียชีวิต ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มขึ้น ป.3 พ่อเราก็มารับช่วงต่อจากปู่เรา และเป็นการบริหารเงินครั้งแรกของพ่อเรา ด้วยความที่เงินส่วนใหญ่มาจากค่าเช่าที่ ทำให้พ่อเราว่างมากๆ ถึงมากที่สุด สุดท้ายพ่อเราก็หางานอดิเรกทำคือเล่นพนันบอลกับเพื่อนแก๊งเด็กรวยๆของเขา
และแล้วหายนะก็เข้ามาเยือนครอบครัวของเราอย่างช้าๆ คือเรารู้นะว่าพ่อเล่นพนันบอล เพราะเวลาพ่อคุยโทรศัพท์จะได้ยิน แต่แบบมันแค่ 10-100 บาทอะไรแบบนี้ไง เลยเฉยๆคิดว่าเงินมันน้อยๆ ที่ไหนได้มารู้ตอนโตว่า 10 บาทของพ่อเนี่ย มันต้องเติมศูนย์ต่อไปอีก 3 ตัว ดังนั้นพ่อเล่นคู่ละหมื่น ละแสน และบางคืนมันมีแข่งถึง 99 คู่ พ่อเล่นทุกคู่เลย (คู่เล็กคู่ใหญ่พ่อเล่นหมด)
ช่วงไหนพ่อเล่นได้เราก็จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศกันทั้งครอบครัว ไปเที่ยวทีก็หมดเงินเป็นล้านๆ เพราะเรากับแม่ชอปปิ้งกันกระจายมาก ซื้อทุกอย่างที่อยากได้ รองเท้า กระเป๋า เลือกสีไม่ได้ก็เอามันทุกสีเลยประมาณนั้น
แต่พอพ่อเสียบอลที ช่วงแรกๆพ่อก็แค่หมุนเงินตัวเป็นเกลียว แล้วก็เล่นหนักขึ้นเพื่อเอามาจ่าย เพราะติดโต๊ะได้ (ลูกค้าชั้นดี) แต่พอหลังๆมากๆเข้า ก็เริ่มต้องขายที่ เอามาจ่ายค่าบอล ขายไปขายมา เหลือบ้านอยู่หลังเดียว พ่อเครียดมาก สุขภาพเสีย เพราะต้องมานั่งดูบอล นั่งลุ้น วิเคราะห์ ไม่หลับไม่นอน จนสุดท้ายพ่อไม่สบายแล้วก็เสียชีวิตลง ที่ดินของปู่ (ทั้งใน กทม และ นนทบุรี) หมดเกลี้ยง เงินเก็บของครอบครัวไม่เหลือสักบาท ยังเป็นหนี้อีกประมาณ 3 ล้านบาท เราโชคดีที่ยังมีความสามารถพิเศษเอามาสอนพิเศษได้ ปีสุดท้ายของม.ปลายต้องหาเงินเรียนเอง และพอเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แม่เราปรับตัวไม่ได้ ซึมเศร้า นั่งโทษโชคชะตาไป เรากลายเป็นเสาหลักของครอบครัวแทน ค่อยๆหาเงินใช้หนี้ไป
เพื่อนของพ่อแต่ละคนก็ไม่มีใครได้ดีเลยสักคน คนหนึ่งรวยมาก ต้องขายคฤหาสน์ขายทีดินใน กทม เอาเงินก้อนสุดท้ายจ่ายเจ้าหนี้ แต่ก็ยังไม่พอ ต้องหนีลงไปสมุย ไปตั้งตัวใหม่ที่นั้น ทุกวันนี้ไม่กล้ากลับมา กทม อีกเลย
อีกคนก็รวยมากเช่นกัน เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต สุดท้ายก็เล่นเสียจนหมดตัวไปขอให้พี่ชายช่วยจ่ายให้ พี่ชายเขาเลยออกคำสั่งให้เลิกคบเพื่อนกลุ่มนี้ แต่ก่อนที่พี่ชายเขาจะจ่ายให้ เจ้าหนี้ตามตัวเขาเจอก่อน ดักตี จนสมองกระทบกระเทือน เอ๋อๆ ไปเลย เราได้เจอเขาช่วงเอ๋อๆอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่เขาจะเลิกติดต่อกลุ่มพ่อของเรา
ส่วนอีกคนพื้นฐานที่บ้านไม่ได้รวยอะไร แต่เรียนเก่งมาก ปู่ของพ่อเราเลยชวนให้เขาไปเรียนอังกฤษเป็นเพื่อนพ่อเรา (พ่อเราจะได้มีเพื่อนเกาะ 55) เลยสนิทกับพ่อเรามาก ปู่เราส่งเสียเขาจนจบ ป.โท กลับมาเขาได้งานเงินเดือนหลักแสน (สมัยนั้นคือเยอะมากๆๆๆ) แต่เขาก็ติดบอลจนเป็นหนี้หลายล้าน เขาไม่มีทรัพย์สินให้ขายเหมือนคนอื่นๆ สุดท้ายเครียดผูกคอตายในห้องพัก
ไกลตัวอีกนิดคือพี่ที่ทำงาน หล่อ รวยมหาศาล มาทำงานขำๆ ได้เงินเดือนมาวันแรกก็หมดแล้ว กินข้าวมื้อละสามหมื่นบาทนี่ขำๆมาก ใช้ชีวิตอยู่ด้วยเงินจากที่บ้าน เรือนหอของพี่เขาร้อยกว่าล้าน แต่แล้วเพื่อนเขาก็มาชวนเขาเล่นบอลวันละคู่เนี่ยแหละ แต่สักพักก็เริ่มหลายคู่ ทุกวันนี้โดนให้ออกจากงาน ภรรยาบอกเลิก หอบลูกหนี ตัวเขาเองก็หนีไปอยู่ชายแดนหนีเจ้าหนี้ไปเรื่อย แต่รายนี้โชคดีที่บ้านเขารวยและมีอิทธิพลพอควร เจ้าหนี้เลยไม่กล้าตามไปเอาอะไรกับครอบครัวของพี่เขา
การเล่นบอลไม่ถือว่าเป็นการลงทุน หากมีเงินเหลือที่จะเล่นบอลจริงๆ แนะนำว่าให้เอาเงินนั้นใส่กระปุกเอาไว้ แล้วพอสิ้นเดือนก็เอาไปซื้อกองทุน ถ้าเอาแบบโง่ๆ ไม่ต้องคิดอะไรเลยก็ไปเปิดบัญชีกองทุน SET 50 ปันผล ของธนาคารอะไรก็ได้ ค่อยๆซื้อไป สิ้นปีก็ได้ปันผล มีเงินก็เอาไปซื้อ ถ้าอยากใช้สมองมากขึ้นอีกนิดก็รอดูช่วงตลาดแดงๆ ค่อยซื้อ ช่วงที่มันเขียวๆก็เอาเงินเก็บๆไปก่อน เก็บครั้งละ 10 บาท 20 บาทก็ได้ ดีกว่าเอาไปเล่นบอลเป็นไหนๆ
ตั้งแต่เกิดมากกว่า 30 ปี ไม่เคยเห็นใครที่รวยจากการพนันเลยแม้แต่คนเดียว มีแต่ชีวิตจะล้มจม และไม่ได้ล้มจมคนเดียวนะ พาคนรอบข้างเดือดร้อนไปด้วย
ครอบครัวเราถือเป็นครอบครัวชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง ปู่เรามีที่ดินเยอะมาก พ่อเราก็การศึกษาดี สบาย มีคนขับรถรับส่งตั้งแต่เด็ก พอเรียนจบ ม.ต้นก็ไปเรียนต่อที่อังกฤษ แล้วก็ไปจบ ป.ตรี-โท ที่อเมริกา สมัย 40-50 ปีก่อน คนที่จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกได้ขนาดนี้ก็ถือว่ารวยมาก
พ่อเราต้องกลับมาไทยเพราะตอนนี้แม่ท้องเราพอดี ปู่เลยให้กลับมาคลอดที่ไทย เรามีชีวิตวัยเด็กที่ถือว่าสบายมากเลยค่ะ เรียนโรงเรียนดี มีพี่เลี้ยง มีคนใช้ คนสวน คนขับรถรับส่งตลอด จนกระทั้งปู่เราเสียชีวิต ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มขึ้น ป.3 พ่อเราก็มารับช่วงต่อจากปู่เรา และเป็นการบริหารเงินครั้งแรกของพ่อเรา ด้วยความที่เงินส่วนใหญ่มาจากค่าเช่าที่ ทำให้พ่อเราว่างมากๆ ถึงมากที่สุด สุดท้ายพ่อเราก็หางานอดิเรกทำคือเล่นพนันบอลกับเพื่อนแก๊งเด็กรวยๆของเขา
และแล้วหายนะก็เข้ามาเยือนครอบครัวของเราอย่างช้าๆ คือเรารู้นะว่าพ่อเล่นพนันบอล เพราะเวลาพ่อคุยโทรศัพท์จะได้ยิน แต่แบบมันแค่ 10-100 บาทอะไรแบบนี้ไง เลยเฉยๆคิดว่าเงินมันน้อยๆ ที่ไหนได้มารู้ตอนโตว่า 10 บาทของพ่อเนี่ย มันต้องเติมศูนย์ต่อไปอีก 3 ตัว ดังนั้นพ่อเล่นคู่ละหมื่น ละแสน และบางคืนมันมีแข่งถึง 99 คู่ พ่อเล่นทุกคู่เลย (คู่เล็กคู่ใหญ่พ่อเล่นหมด)
ช่วงไหนพ่อเล่นได้เราก็จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศกันทั้งครอบครัว ไปเที่ยวทีก็หมดเงินเป็นล้านๆ เพราะเรากับแม่ชอปปิ้งกันกระจายมาก ซื้อทุกอย่างที่อยากได้ รองเท้า กระเป๋า เลือกสีไม่ได้ก็เอามันทุกสีเลยประมาณนั้น
แต่พอพ่อเสียบอลที ช่วงแรกๆพ่อก็แค่หมุนเงินตัวเป็นเกลียว แล้วก็เล่นหนักขึ้นเพื่อเอามาจ่าย เพราะติดโต๊ะได้ (ลูกค้าชั้นดี) แต่พอหลังๆมากๆเข้า ก็เริ่มต้องขายที่ เอามาจ่ายค่าบอล ขายไปขายมา เหลือบ้านอยู่หลังเดียว พ่อเครียดมาก สุขภาพเสีย เพราะต้องมานั่งดูบอล นั่งลุ้น วิเคราะห์ ไม่หลับไม่นอน จนสุดท้ายพ่อไม่สบายแล้วก็เสียชีวิตลง ที่ดินของปู่ (ทั้งใน กทม และ นนทบุรี) หมดเกลี้ยง เงินเก็บของครอบครัวไม่เหลือสักบาท ยังเป็นหนี้อีกประมาณ 3 ล้านบาท เราโชคดีที่ยังมีความสามารถพิเศษเอามาสอนพิเศษได้ ปีสุดท้ายของม.ปลายต้องหาเงินเรียนเอง และพอเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แม่เราปรับตัวไม่ได้ ซึมเศร้า นั่งโทษโชคชะตาไป เรากลายเป็นเสาหลักของครอบครัวแทน ค่อยๆหาเงินใช้หนี้ไป
เพื่อนของพ่อแต่ละคนก็ไม่มีใครได้ดีเลยสักคน คนหนึ่งรวยมาก ต้องขายคฤหาสน์ขายทีดินใน กทม เอาเงินก้อนสุดท้ายจ่ายเจ้าหนี้ แต่ก็ยังไม่พอ ต้องหนีลงไปสมุย ไปตั้งตัวใหม่ที่นั้น ทุกวันนี้ไม่กล้ากลับมา กทม อีกเลย
อีกคนก็รวยมากเช่นกัน เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต สุดท้ายก็เล่นเสียจนหมดตัวไปขอให้พี่ชายช่วยจ่ายให้ พี่ชายเขาเลยออกคำสั่งให้เลิกคบเพื่อนกลุ่มนี้ แต่ก่อนที่พี่ชายเขาจะจ่ายให้ เจ้าหนี้ตามตัวเขาเจอก่อน ดักตี จนสมองกระทบกระเทือน เอ๋อๆ ไปเลย เราได้เจอเขาช่วงเอ๋อๆอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่เขาจะเลิกติดต่อกลุ่มพ่อของเรา
ส่วนอีกคนพื้นฐานที่บ้านไม่ได้รวยอะไร แต่เรียนเก่งมาก ปู่ของพ่อเราเลยชวนให้เขาไปเรียนอังกฤษเป็นเพื่อนพ่อเรา (พ่อเราจะได้มีเพื่อนเกาะ 55) เลยสนิทกับพ่อเรามาก ปู่เราส่งเสียเขาจนจบ ป.โท กลับมาเขาได้งานเงินเดือนหลักแสน (สมัยนั้นคือเยอะมากๆๆๆ) แต่เขาก็ติดบอลจนเป็นหนี้หลายล้าน เขาไม่มีทรัพย์สินให้ขายเหมือนคนอื่นๆ สุดท้ายเครียดผูกคอตายในห้องพัก
ไกลตัวอีกนิดคือพี่ที่ทำงาน หล่อ รวยมหาศาล มาทำงานขำๆ ได้เงินเดือนมาวันแรกก็หมดแล้ว กินข้าวมื้อละสามหมื่นบาทนี่ขำๆมาก ใช้ชีวิตอยู่ด้วยเงินจากที่บ้าน เรือนหอของพี่เขาร้อยกว่าล้าน แต่แล้วเพื่อนเขาก็มาชวนเขาเล่นบอลวันละคู่เนี่ยแหละ แต่สักพักก็เริ่มหลายคู่ ทุกวันนี้โดนให้ออกจากงาน ภรรยาบอกเลิก หอบลูกหนี ตัวเขาเองก็หนีไปอยู่ชายแดนหนีเจ้าหนี้ไปเรื่อย แต่รายนี้โชคดีที่บ้านเขารวยและมีอิทธิพลพอควร เจ้าหนี้เลยไม่กล้าตามไปเอาอะไรกับครอบครัวของพี่เขา
การเล่นบอลไม่ถือว่าเป็นการลงทุน หากมีเงินเหลือที่จะเล่นบอลจริงๆ แนะนำว่าให้เอาเงินนั้นใส่กระปุกเอาไว้ แล้วพอสิ้นเดือนก็เอาไปซื้อกองทุน ถ้าเอาแบบโง่ๆ ไม่ต้องคิดอะไรเลยก็ไปเปิดบัญชีกองทุน SET 50 ปันผล ของธนาคารอะไรก็ได้ ค่อยๆซื้อไป สิ้นปีก็ได้ปันผล มีเงินก็เอาไปซื้อ ถ้าอยากใช้สมองมากขึ้นอีกนิดก็รอดูช่วงตลาดแดงๆ ค่อยซื้อ ช่วงที่มันเขียวๆก็เอาเงินเก็บๆไปก่อน เก็บครั้งละ 10 บาท 20 บาทก็ได้ ดีกว่าเอาไปเล่นบอลเป็นไหนๆ
ตั้งแต่เกิดมากกว่า 30 ปี ไม่เคยเห็นใครที่รวยจากการพนันเลยแม้แต่คนเดียว มีแต่ชีวิตจะล้มจม และไม่ได้ล้มจมคนเดียวนะ พาคนรอบข้างเดือดร้อนไปด้วย
แสดงความคิดเห็น
เล่นบอลวันล่ะตัว รวยจริงไหม?
กับการลงทุนในฟุตบอล มีจริงไหมใแบบนี้