มาแร้วววววววครับ กับ ทริปวันหยุดยาว คุณแม่ & ลูกชาย กับ มอเตอร์ไซด์อีก 1 คัน จะ โหด – มัน – ฮา แค่ไหน ตามพวกเรามากันเลยครับผม
จริง ๆ แล้วเรามีแพลนว่า จะมีทริปขี่รถไปเที่ยวเหนือกับแก๊งค์ kasang lambretta - hall Ayutthaya วันที่ 5 – 11 ธันวาคม
แต่เนื่องจากเป็นการขี่รถทางไกล ทำให้มีรถหลายคันยังทำไม่เสร็จ ทริปเที่ยวเหนือของเราจึงมีอันต้องเลื่อนออกไป แต่ไหน ๆ
ก็ไหน ๆ แล้ว คุณลูกชายลางานแล้วนี่เนอะ เราก็เลยไปเที่ยวกันสองคน 1 คัน มันซะเลย
ทริปนี้ ก็เลยเป็นทริปที่ไม่ได้แพลนอะไรมาก แต่จะไปไหนดีล่ะ ???? แล้วที่สำคัญ ในความรู้สึกของคนเป็นแม่
ยังไงมันก็มีความกังวลอยู่เป็นธรรมดา เพราะไปกันเองแค่สองคน คันเดียวโดด ๆ ระยะทางไกล ๆ หลาย ๆ วัน จะอันตรายไม๊
อืม..... แต่ถ้าคิดมากไป ก็ นอนดู ซีรี่ส์ อยู่บ้าน แล้วกันนะ (ใครจะไปยอมเนอะ) หลังจากสลัดความวิตกกังวลออกไปจากหัว
ก็เริ่มแพ็คกระเป๋า ก็ไม่มีอะไรมากแค่กระเป๋าใบเดียว คุณลูกบอกว่า วิถีไบค์เกอร์ ต้องไม่เรื่องมาก ชุดนอน ชุดเที่ยว ชุดเดียวกัน
พร้อมแล้วครับ เริ่มเดินทางกันเลยยยยย เราออกจากบ้าน ประมาณตี 1 ก็คุณลูกชายเค้าบอกว่า ดึก ๆ รถไม่เยอะ ขี่สบาย
แม่เป็นคนซ้อนจะทำไงได้ล่ะครับ ก็ต้องตามใจคนขับ เราก็ขี่ไปเรื่อย ๆ ชิลล์ ๆ ผ่านรังสิต อยุธยา สระบุรี นครราชสีมา เราจึงได้แวะ
พักรถและเติมน้ำมัน
พักร่าง พักสายตา สักนิด สักหน่อยครับ เราไม่รีบอยู่แร้วววววว
เมื่อฟ้าสาง เราก็เดินทางต่อครับ เช้านี้อากาศเย็นมากครับ ขนาดแม่อยู่ด้านหลังยังสั่นเลยครับ ตอนแรกเราคิดกันว่า จะแวะเข้าไปกราบไหว้ขอพรท้าวสุรนารี แต่พอขับมาถึงทางแยก ปรากฏว่าทางไปขอนแก่นกับทางไปตัวเมืองมันคนละทางกัน เราก็เลยไม่ได้ตรงไป แต่เลี้ยวซ้ายไปจังหวัดขอนแก่น เมื่อขี่มาได้สักพักก็เห็นทางไปวัดบ้านไร่ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เรามาเที่ยว ก็เลยขี่แวะเข้าไปเที่ยวที่วัดบ้านไร่ครับ เราสองคนไม่เคยมาเลยนะครับ พอไปถึง วัดเงียบมากครับ ไม่มีคนเลย
เราสองคนเมื่อจอดรถเสร็จก็เดินเข้าไปด้านใน เดินดูด้านนอกรอบ ๆ ไปเรื่อย แล้วก็เข้ามาด้านใน อืม... ใหญ่มาก ๆ เลยนะครับ ส่วนคุณลูกชายพอโดนแอร์เย็น ๆ เข้าหน่อยก็ของีบพักสายตาสักแป๊ป ส่วนคุณแม่ก็เดินดู อ่านโน้น นี่นั่นไป พอเดินทั่วหมดแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อไป
เราก็ไม่รู้เส้นทางหรอกครับ ก็อาศัยคุณ GPS นำทางไป ก็ขี่ผ่านจังหวัดชัยภูมิ ได้พักกินน้ำ ยืดแข้ง ยืดขา ที่ปั๊มน้ำมัน
แล้ววันนี้ที่ คาเฟ่ อเมซอน เมื่อซื้อเครื่องดื่มก็จะได้ จานรองแก้วฟรี แถมไปด้วย แม่ก็เลยจัดซะหน่อย ความจริงไม่ค่อยชอบหรอก
นะครับ มันไม่ค่อยชื่นใจ สู้น้ำเปล่าเย็น ๆ หรือ แป๊ปซี่ใส่น้ำแข็งซ่า ๆ ไม่ได้
แล้วเราก็มาถึงขอนแก่นครับ (ตอนนี้ประมาณ 4 โมงเย็นครับ) สิ่งแรกที่เราจะทำ คือ เข้าไปกราบสักการะศาลหลักเมือง
ขอนแก่น ก็อาศัยคุณ GPS นำทางอีกเช่นเคย เมื่อมาถึงก็กราบสักการะ นั่งพัก เตรียมหาที่พัก และที่เที่ยวสำหรับค่ำคืนนี้ครับผม
บอกแล้วว่าทริปนี้ เราจะไม่มีการวางแผนใด ๆ จะเป็นการลุยอย่างเดียว เพื่อความดิบ เราจึงลองใช้บริหารของ Agoda ดู ก็หา ๆ เลือก ๆ สุดท้ายก็มาคิดว่า ก็แค่นอนไม่ใช่เหรอ ก็เอาที่สะดวก สะอาด ไม่เน้นเลิศหรู อลังการใด ๆ แค่ดูดี ไม่ขี้เหล่จนเกินไป พอได้ก็กดจอง กดจ่ายเงิน แล้วก็ขี่รถตามแผนที่ไปทันที พอไปถึง โรงแรมก็ OK. นะ แต่ก็ไม่ใช่โรงแรมใหม่ซะทีเดียว แต่ก็พอได้อยู่ครับ
เมื่อ Check-in ได้กุญแจ เราก็ขึ้นห้องพัก นอนเล่นสักพักแล้วก็ออกไปหาข้าวกินครับ แต่เดินมาได้แค่หน้าโรงแรมเอง ก็มาเจอร้านส้มตำ แค่เห็นไก่ย่างก็ตรงเข้าด้านในเลย ไม่ไปต่อแระ 5555 มื้อนี้เรากินอาหารอีสานง่าย ๆ ตำข้าวโพด ไก่ย่าง ต้มแซ่บ
ตำซั่ว แล้วก็ข้าวเหนียว พออิ่มพวกเราก็เริ่มออกสำรวจขอนแก่นกันล่ะครับ
เราไปเดินเล่นที่ ตลาดต้นตาลครับผม เค้ามีของขาย มีดนตรีสดมาเล่นให้ฟังด้วยนะครับ
แล้วก็ขี่รถแล่นชมวิว ไปกราบสักการะ พระธาตุแก่นนคร เมื่อเริ่มดึก เราก็กลับที่พักเพื่อมาพักผ่อน เตรียมเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ครับ
วันนี้เรา Check-out ออกจากที่พัก ก็ 9 โมงกว่า จุดหมายปลายทางต่อไป ก็คือ อุดรธานี ครับผม เดินทางกันต่อเลย
ขี่ไปเห็นป้าย “ทะเลบัวแดง” มันก็น่าสนใจดีนะ ก็เลยว่าจะลองเข้าไปดู แต่พอถามคุณ GPS โอ้โห.... ไปอีกตั้งไกล ระยะทางขี่เข้า – ขี่ออก เท่ากับเราขี่ไปถึง หนองคายเลยนะ เราเลยขอ บาย ไม่เข้าไป ขอขี่ยิงไปหนองคายเลยดีกว่า
ตอนนี้เราใช้ชีวิตบนรถมอไซด์ และก็ในปั๊มน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ ไม่เร่งรีบ นั่งพัก กินข้าว กินน้ำ ช่วงใช้ชีวิต Slow life แบบสั้น ๆ
พอมาถึงหนองคาย เราวางแผนกันไว้ว่า เราจะไปเที่ยว วัดผาตากเสื้อ ก่อนแล้วก็ค่อยขี่ไปนอนที่บึงกาฬ แต่หารู้ไม่ว่า ระยะทางจากตัวเมืองหนองคายเข้าไปที่ วัดผาตากเสื้อนั้น โคตรไกลอ่ะ แถมขึ้นเขาอีกต่างหาก แต่วิวก็สวยดีขี่เลียบแม่น้ำโขง สวยมากครับ
และแล้วเราก็มาถึง วัดผาตากเสื้อ ครับผม เรามาถึงก็บ่าย 3 แล้วครับ แดดอย่างเปรี้ยงเลยครับ วันนี้ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยว ไม่มีทัวร์จีน โชคดีมาก ๆ เลยครับผม
วิวตรงหน้าก็สวยงาม สมคำร่ำลือ สวยมาก ๆ เลยครับ ถ้ามาตอนเช้าได้เห็นหมอกคงฟินกว่านี้แน่นอนครับ
ส่วน SkyWalk ตรงพื้นกระจกใสนั้น ตอนแรกแม่ก็เสียว ๆ นะครับ ไม่กล้าเดิน มันเสียวนะครับ พื้นที่มันเล็ก ๆ ไม่ได้กว้างใหญ่มาก เหมือนที่เราเห็นในรูป พื้นที่นิดเดียวเองทางเดินก็ไม่ได้ระยะทางไกลมาก เมื่อทำใจได้ก็เดิน โดยไม่มองพื้นด้านล่าง แต่ก็นะ ไหน ๆ มาแล้ว ได้เดินแล้ว ก็แอบมองซะหน่อย 555555+
เมื่อเดินจนทั่วเราก็ต้องรีบกลับ เพราะเราต้องขี่รถออกไปตั้งไกล และต้องขี่ไป บึงกาฬ อีก
เมื่อเราออกจาก วัดผาตากเสื้อ ไปได้เกือบๆ 1 กิโลเองครับ โชคดีมาก ๆ ที่ยังไม่ได้ขี่ถึงทางลงเขาเลย ยางรถก็เกิดแตก รถก็สะบัด เสียหลัก แต่รถไม่ได้ล้ม เพราะลูกชายประคองรถได้ เราก็ งง ว่ารถเป็นอะไร ก็ไม่ได้ขี่ทับอะไรนี่หว่า แต่พอดูยางหลังเท่านั้น เรียบร้อย ตอนนั้นบอกตรง ๆ แม่ก็ใจเสียนะครับ เพราะระยะทางกว่าจะถึงทางแยก ก็ 7 กิโล แถมเป็นทางลงเขา และก็ไม่ได้เป็นทางหลัก ไม่มีคนผ่านมาแน่นอน ไม่ต้องถามถึงทางที่เข้ามา 50 กิโลครับ
คุณลูกชายก็บอกว่า ไม่เป็นไรแม่ ค่อย ๆ บดลงไปก่อน เราก็เลยขี่ประคองรถลงมา 3 กิโล ก็ถึงทางแยกที่จะแยกไป เชียงคาน
แม่ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง เพราะยังมีผู้คน มีรถผ่านไปมา ให้พอได้สอบถามขอความช่วยเหลือได้ เราก็ยังคงขี่บดต่อกันมาอีก 1 กิโล ก็เจอร้านขาย สตอเบอรี่ข้างทาง เด็กหนุ่มคนขายก็จิตใจดีนะครับ เห็นรถเราวิ่งช้าผิดปกติ ก็ตะโกนถามมาแต่ไกล ก่อนรถเราจะขี่ถึงร้านเค้าด้วยซ้ำว่า......
มีอะไรให้ผมช่วยไม๊ครับ ??? ลูกชายแม่ก็เลยตอบไปว่า รถยางแตกครับ ไม่ทราบว่าแถวนี้พอจะมีร้านปะยางไม๊ครับ เด็กหนุ่มก็ตอบว่ามีครับ จากนี่ไปก็ประมาณ 1 กิโลพร้อมกับบอกทางให้ พร้อมกับบอกว่า ค่อย ๆ บดไปก็พอได้อยู่ครับ เราสองคนก็ยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณกับน้ำใจที่เด็กหนุ่มแปลกหน้า หยิบยื่นให้โดยที่เราไม่ได้ร้องขอเลย ขี่บดมาได้สักพัก ก็มีรถปิคอัพขับมาจอดหน้าเรา แล้วผู้ชายคนนึงก็ลงจากรถมา พร้อมกับถามถึงสถานที่ที่เราต้องการจะไป แต่คำตอบที่ได้รับ คือ เอารถขึ้นรถผมเลยครับ เดี๋ยวผมไปส่งข้างล่างเลยดีกว่า ยางรถแบบนี้ คงต้องใช้ช่างที่ชำนาญ ร้านปะยางแถวนี้คงทำไม่ได้แน่นอนครับ แล้วเค้าก็ กุลี กุจอ เปิดท้าย ช่วยยกรถขึ้น แม่นี่จุกไปเลยนะครับ จุกกับน้ำใจที่เค้าหยิบยื่นให้ เวลาในตอนนั้นก็ประมาณ 4 โมงเย็นกว่าแล้ว เค้าก็รีบขับรถนะครับ เพราะระยะทางจากข้างบนลงมาข้างล่างก็ไกล เค้ากลัวจะมืด กลัวจะไปไม่ทัน กลัวร้านจะปิดซะก่อน
แล้วเค้าก็จอดแวะตามร้านยาง ที่คาดว่าจะมียางอะไหล่ที่เบอร์เดียวกับรถของเรา แต่โชคก็ไม่เข้าข้างเราซะเลยหายากมากเลยครับ แต่.... เค้าก็ไม่ลดละนะครับ ช่วยขับหาร้านแถมลงไปช่วยลูกชายแม่สอบถามอีกด้วย และแล้ว..... โชคก็เข้าข้างเราครับ เราเจอร้านยางที่มียางขนาดเบอร์เดียวกันแร้ววว
แต่.... ที่ร้านเค้ามีแค่ยางนะครับ ส่วนเรื่องการเปลี่ยนนั้นเค้าบอกว่า เค้ารู้จักร้านที่เปลี่ยนยางเดี๋ยวเค้าจะพาเราไป ในใจแม่ตอนนั้น คิดว่าโชคดีจัง พี่เสือจะกลับมาวิ่งได้เหมือนเดิมแร้ววววว
แต่.... เรื่องมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เมื่อเรามาถึงที่ร้านปะยาง แต่มันเป็นร้านปะยางรถใหญ่ มันไม่ใช่ร้านปะยางรถมอเตอร์ไซด์โดยตรง เรา 3 คน ก็รีบช่วยกันเพื่อจะยกพี่เสือลงจากรถ ช่างซ่อมรถรีบมาเบรคพวกเราอย่างไว บอกว่า.... เดี๋ยวก่อนครับ อย่าพึ่งเอารถลงมาขอผมเช็คดูก่อนว่าที่ร้านผมจะมีบล็อคที่มันถอดได้หรือเปล่า เอาล่ะซิ เรา 3 คนก็ยืนลุ้น ขณะที่ช่างเข้าไปค้นหาบล็อค สุดท้าย.... ไม่มีครับผม
โอ๊ย.... ทำไม เป็นอย่างนี้ ฟร่ะ โชคร้าย มาเจอ โชคดี แล้วก็มาเจอ โชคร้ายอีกทีเหรอ อะไรจะขนาดนั้น !!!!!
เมื่อผมและแม่ ตัดสินใจ ขี่มอเตอร์ไซด์ไปเที่ยว จากกรุงเทพฯ ไป บึงกาฬ [ แม่ - ลูก ตะลอนทัวร์ ]
จริง ๆ แล้วเรามีแพลนว่า จะมีทริปขี่รถไปเที่ยวเหนือกับแก๊งค์ kasang lambretta - hall Ayutthaya วันที่ 5 – 11 ธันวาคม
แต่เนื่องจากเป็นการขี่รถทางไกล ทำให้มีรถหลายคันยังทำไม่เสร็จ ทริปเที่ยวเหนือของเราจึงมีอันต้องเลื่อนออกไป แต่ไหน ๆ
ก็ไหน ๆ แล้ว คุณลูกชายลางานแล้วนี่เนอะ เราก็เลยไปเที่ยวกันสองคน 1 คัน มันซะเลย
ทริปนี้ ก็เลยเป็นทริปที่ไม่ได้แพลนอะไรมาก แต่จะไปไหนดีล่ะ ???? แล้วที่สำคัญ ในความรู้สึกของคนเป็นแม่
ยังไงมันก็มีความกังวลอยู่เป็นธรรมดา เพราะไปกันเองแค่สองคน คันเดียวโดด ๆ ระยะทางไกล ๆ หลาย ๆ วัน จะอันตรายไม๊
อืม..... แต่ถ้าคิดมากไป ก็ นอนดู ซีรี่ส์ อยู่บ้าน แล้วกันนะ (ใครจะไปยอมเนอะ) หลังจากสลัดความวิตกกังวลออกไปจากหัว
ก็เริ่มแพ็คกระเป๋า ก็ไม่มีอะไรมากแค่กระเป๋าใบเดียว คุณลูกบอกว่า วิถีไบค์เกอร์ ต้องไม่เรื่องมาก ชุดนอน ชุดเที่ยว ชุดเดียวกัน
พร้อมแล้วครับ เริ่มเดินทางกันเลยยยยย เราออกจากบ้าน ประมาณตี 1 ก็คุณลูกชายเค้าบอกว่า ดึก ๆ รถไม่เยอะ ขี่สบาย
แม่เป็นคนซ้อนจะทำไงได้ล่ะครับ ก็ต้องตามใจคนขับ เราก็ขี่ไปเรื่อย ๆ ชิลล์ ๆ ผ่านรังสิต อยุธยา สระบุรี นครราชสีมา เราจึงได้แวะ
พักรถและเติมน้ำมัน
เมื่อฟ้าสาง เราก็เดินทางต่อครับ เช้านี้อากาศเย็นมากครับ ขนาดแม่อยู่ด้านหลังยังสั่นเลยครับ ตอนแรกเราคิดกันว่า จะแวะเข้าไปกราบไหว้ขอพรท้าวสุรนารี แต่พอขับมาถึงทางแยก ปรากฏว่าทางไปขอนแก่นกับทางไปตัวเมืองมันคนละทางกัน เราก็เลยไม่ได้ตรงไป แต่เลี้ยวซ้ายไปจังหวัดขอนแก่น เมื่อขี่มาได้สักพักก็เห็นทางไปวัดบ้านไร่ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เรามาเที่ยว ก็เลยขี่แวะเข้าไปเที่ยวที่วัดบ้านไร่ครับ เราสองคนไม่เคยมาเลยนะครับ พอไปถึง วัดเงียบมากครับ ไม่มีคนเลย
เราสองคนเมื่อจอดรถเสร็จก็เดินเข้าไปด้านใน เดินดูด้านนอกรอบ ๆ ไปเรื่อย แล้วก็เข้ามาด้านใน อืม... ใหญ่มาก ๆ เลยนะครับ ส่วนคุณลูกชายพอโดนแอร์เย็น ๆ เข้าหน่อยก็ของีบพักสายตาสักแป๊ป ส่วนคุณแม่ก็เดินดู อ่านโน้น นี่นั่นไป พอเดินทั่วหมดแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อไป
เราก็ไม่รู้เส้นทางหรอกครับ ก็อาศัยคุณ GPS นำทางไป ก็ขี่ผ่านจังหวัดชัยภูมิ ได้พักกินน้ำ ยืดแข้ง ยืดขา ที่ปั๊มน้ำมัน
แล้ววันนี้ที่ คาเฟ่ อเมซอน เมื่อซื้อเครื่องดื่มก็จะได้ จานรองแก้วฟรี แถมไปด้วย แม่ก็เลยจัดซะหน่อย ความจริงไม่ค่อยชอบหรอก
นะครับ มันไม่ค่อยชื่นใจ สู้น้ำเปล่าเย็น ๆ หรือ แป๊ปซี่ใส่น้ำแข็งซ่า ๆ ไม่ได้
แล้วเราก็มาถึงขอนแก่นครับ (ตอนนี้ประมาณ 4 โมงเย็นครับ) สิ่งแรกที่เราจะทำ คือ เข้าไปกราบสักการะศาลหลักเมือง
ขอนแก่น ก็อาศัยคุณ GPS นำทางอีกเช่นเคย เมื่อมาถึงก็กราบสักการะ นั่งพัก เตรียมหาที่พัก และที่เที่ยวสำหรับค่ำคืนนี้ครับผม
บอกแล้วว่าทริปนี้ เราจะไม่มีการวางแผนใด ๆ จะเป็นการลุยอย่างเดียว เพื่อความดิบ เราจึงลองใช้บริหารของ Agoda ดู ก็หา ๆ เลือก ๆ สุดท้ายก็มาคิดว่า ก็แค่นอนไม่ใช่เหรอ ก็เอาที่สะดวก สะอาด ไม่เน้นเลิศหรู อลังการใด ๆ แค่ดูดี ไม่ขี้เหล่จนเกินไป พอได้ก็กดจอง กดจ่ายเงิน แล้วก็ขี่รถตามแผนที่ไปทันที พอไปถึง โรงแรมก็ OK. นะ แต่ก็ไม่ใช่โรงแรมใหม่ซะทีเดียว แต่ก็พอได้อยู่ครับ
เมื่อ Check-in ได้กุญแจ เราก็ขึ้นห้องพัก นอนเล่นสักพักแล้วก็ออกไปหาข้าวกินครับ แต่เดินมาได้แค่หน้าโรงแรมเอง ก็มาเจอร้านส้มตำ แค่เห็นไก่ย่างก็ตรงเข้าด้านในเลย ไม่ไปต่อแระ 5555 มื้อนี้เรากินอาหารอีสานง่าย ๆ ตำข้าวโพด ไก่ย่าง ต้มแซ่บ
ตำซั่ว แล้วก็ข้าวเหนียว พออิ่มพวกเราก็เริ่มออกสำรวจขอนแก่นกันล่ะครับ
วันนี้เรา Check-out ออกจากที่พัก ก็ 9 โมงกว่า จุดหมายปลายทางต่อไป ก็คือ อุดรธานี ครับผม เดินทางกันต่อเลย
ขี่ไปเห็นป้าย “ทะเลบัวแดง” มันก็น่าสนใจดีนะ ก็เลยว่าจะลองเข้าไปดู แต่พอถามคุณ GPS โอ้โห.... ไปอีกตั้งไกล ระยะทางขี่เข้า – ขี่ออก เท่ากับเราขี่ไปถึง หนองคายเลยนะ เราเลยขอ บาย ไม่เข้าไป ขอขี่ยิงไปหนองคายเลยดีกว่า
พอมาถึงหนองคาย เราวางแผนกันไว้ว่า เราจะไปเที่ยว วัดผาตากเสื้อ ก่อนแล้วก็ค่อยขี่ไปนอนที่บึงกาฬ แต่หารู้ไม่ว่า ระยะทางจากตัวเมืองหนองคายเข้าไปที่ วัดผาตากเสื้อนั้น โคตรไกลอ่ะ แถมขึ้นเขาอีกต่างหาก แต่วิวก็สวยดีขี่เลียบแม่น้ำโขง สวยมากครับ
และแล้วเราก็มาถึง วัดผาตากเสื้อ ครับผม เรามาถึงก็บ่าย 3 แล้วครับ แดดอย่างเปรี้ยงเลยครับ วันนี้ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยว ไม่มีทัวร์จีน โชคดีมาก ๆ เลยครับผม
ส่วน SkyWalk ตรงพื้นกระจกใสนั้น ตอนแรกแม่ก็เสียว ๆ นะครับ ไม่กล้าเดิน มันเสียวนะครับ พื้นที่มันเล็ก ๆ ไม่ได้กว้างใหญ่มาก เหมือนที่เราเห็นในรูป พื้นที่นิดเดียวเองทางเดินก็ไม่ได้ระยะทางไกลมาก เมื่อทำใจได้ก็เดิน โดยไม่มองพื้นด้านล่าง แต่ก็นะ ไหน ๆ มาแล้ว ได้เดินแล้ว ก็แอบมองซะหน่อย 555555+
เมื่อเราออกจาก วัดผาตากเสื้อ ไปได้เกือบๆ 1 กิโลเองครับ โชคดีมาก ๆ ที่ยังไม่ได้ขี่ถึงทางลงเขาเลย ยางรถก็เกิดแตก รถก็สะบัด เสียหลัก แต่รถไม่ได้ล้ม เพราะลูกชายประคองรถได้ เราก็ งง ว่ารถเป็นอะไร ก็ไม่ได้ขี่ทับอะไรนี่หว่า แต่พอดูยางหลังเท่านั้น เรียบร้อย ตอนนั้นบอกตรง ๆ แม่ก็ใจเสียนะครับ เพราะระยะทางกว่าจะถึงทางแยก ก็ 7 กิโล แถมเป็นทางลงเขา และก็ไม่ได้เป็นทางหลัก ไม่มีคนผ่านมาแน่นอน ไม่ต้องถามถึงทางที่เข้ามา 50 กิโลครับ
คุณลูกชายก็บอกว่า ไม่เป็นไรแม่ ค่อย ๆ บดลงไปก่อน เราก็เลยขี่ประคองรถลงมา 3 กิโล ก็ถึงทางแยกที่จะแยกไป เชียงคาน
แม่ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง เพราะยังมีผู้คน มีรถผ่านไปมา ให้พอได้สอบถามขอความช่วยเหลือได้ เราก็ยังคงขี่บดต่อกันมาอีก 1 กิโล ก็เจอร้านขาย สตอเบอรี่ข้างทาง เด็กหนุ่มคนขายก็จิตใจดีนะครับ เห็นรถเราวิ่งช้าผิดปกติ ก็ตะโกนถามมาแต่ไกล ก่อนรถเราจะขี่ถึงร้านเค้าด้วยซ้ำว่า......
มีอะไรให้ผมช่วยไม๊ครับ ??? ลูกชายแม่ก็เลยตอบไปว่า รถยางแตกครับ ไม่ทราบว่าแถวนี้พอจะมีร้านปะยางไม๊ครับ เด็กหนุ่มก็ตอบว่ามีครับ จากนี่ไปก็ประมาณ 1 กิโลพร้อมกับบอกทางให้ พร้อมกับบอกว่า ค่อย ๆ บดไปก็พอได้อยู่ครับ เราสองคนก็ยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณกับน้ำใจที่เด็กหนุ่มแปลกหน้า หยิบยื่นให้โดยที่เราไม่ได้ร้องขอเลย ขี่บดมาได้สักพัก ก็มีรถปิคอัพขับมาจอดหน้าเรา แล้วผู้ชายคนนึงก็ลงจากรถมา พร้อมกับถามถึงสถานที่ที่เราต้องการจะไป แต่คำตอบที่ได้รับ คือ เอารถขึ้นรถผมเลยครับ เดี๋ยวผมไปส่งข้างล่างเลยดีกว่า ยางรถแบบนี้ คงต้องใช้ช่างที่ชำนาญ ร้านปะยางแถวนี้คงทำไม่ได้แน่นอนครับ แล้วเค้าก็ กุลี กุจอ เปิดท้าย ช่วยยกรถขึ้น แม่นี่จุกไปเลยนะครับ จุกกับน้ำใจที่เค้าหยิบยื่นให้ เวลาในตอนนั้นก็ประมาณ 4 โมงเย็นกว่าแล้ว เค้าก็รีบขับรถนะครับ เพราะระยะทางจากข้างบนลงมาข้างล่างก็ไกล เค้ากลัวจะมืด กลัวจะไปไม่ทัน กลัวร้านจะปิดซะก่อน
แล้วเค้าก็จอดแวะตามร้านยาง ที่คาดว่าจะมียางอะไหล่ที่เบอร์เดียวกับรถของเรา แต่โชคก็ไม่เข้าข้างเราซะเลยหายากมากเลยครับ แต่.... เค้าก็ไม่ลดละนะครับ ช่วยขับหาร้านแถมลงไปช่วยลูกชายแม่สอบถามอีกด้วย และแล้ว..... โชคก็เข้าข้างเราครับ เราเจอร้านยางที่มียางขนาดเบอร์เดียวกันแร้ววว
แต่.... ที่ร้านเค้ามีแค่ยางนะครับ ส่วนเรื่องการเปลี่ยนนั้นเค้าบอกว่า เค้ารู้จักร้านที่เปลี่ยนยางเดี๋ยวเค้าจะพาเราไป ในใจแม่ตอนนั้น คิดว่าโชคดีจัง พี่เสือจะกลับมาวิ่งได้เหมือนเดิมแร้ววววว
แต่.... เรื่องมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เมื่อเรามาถึงที่ร้านปะยาง แต่มันเป็นร้านปะยางรถใหญ่ มันไม่ใช่ร้านปะยางรถมอเตอร์ไซด์โดยตรง เรา 3 คน ก็รีบช่วยกันเพื่อจะยกพี่เสือลงจากรถ ช่างซ่อมรถรีบมาเบรคพวกเราอย่างไว บอกว่า.... เดี๋ยวก่อนครับ อย่าพึ่งเอารถลงมาขอผมเช็คดูก่อนว่าที่ร้านผมจะมีบล็อคที่มันถอดได้หรือเปล่า เอาล่ะซิ เรา 3 คนก็ยืนลุ้น ขณะที่ช่างเข้าไปค้นหาบล็อค สุดท้าย.... ไม่มีครับผม
โอ๊ย.... ทำไม เป็นอย่างนี้ ฟร่ะ โชคร้าย มาเจอ โชคดี แล้วก็มาเจอ โชคร้ายอีกทีเหรอ อะไรจะขนาดนั้น !!!!!