หนู อายุ 21 ปี เรียน เกี่ยวกับทางด้านแพทย์ ที่มหาวิทยาลัยรัฐภาคเหนือแห่งหนึ่ง อีกประมาณ 10 เดือนจะเรียนจบ ไม่ได้ทะเลาะกับใครมาค่ะ
แม่น้าที่ส่งหนูเรียน แต่งงานกับพ่อคนญี่ปุ่น ที่ใจดีมาก และแม่ก็อยู่ญี่ปุ่นมา 20 กว่าปีแล้ว เปิดแสน๊ก และทำงานเป็นมาม่าซังอยู่ที่นู่น ซึ่งหนูก็ไม่รู้รายละเอียดมาก เพราะเคยไปหาแม่แค่ครั้งเดียว พูดได้นิดๆหน่อยๆ ตอนนี้แม่ปิดร้านแล้ว ออกมาทำงาน อารุไบ๊ แล้ว
พ่อแม่จริงๆของหนูอยู่ที่เมืองไทยนี่แหละค่ะ หนูทำงานขายของกินให้นิสิต ในม.บ้าง ขายของออนไลน์บ้างส่งไปให้พ่อแม่ พ่อกับแม่พิการค่ะ จะได้เงินช่วยเหลือจากรัฐคนละ 500 พ่อของหนูเป็นอัมพาตท่องล่างจากเอวลงไป เป็นโรค เบาหวาน หัวใจ ต้องกินยาตลอด ก็พยายามใช้แขนสองข้าง ตัดไม้ขายบ้าง รับจ้างลับมีดบ้าง แม่ของหนูตาบอด 1 ข้าง และอีกข้างเป็นต้อ แม่อายุ 61 แล้ว ผอมมาก น้ำนัก 37 และล่าสุดไปเป็นลมที่กลางตลาด พี่ชายหนูโทรมาบอก พี่ชายก็เข้าๆออกๆคุก เนื่องจากยาเสพติด หนูรีบขับรถมอเตอร์ไซต์จาก มหาลัย ไปบ้าน 110 กิโล เพื่อไปหาแม่ และเอาเงินจากที่แม่น้าส่งให้เป็นค่ากินให้แม่ไป 3 พัน ซึ่งหนูก็ต้องใช้ประหยัดขึ้น หนูรักพ่อกับแม่นะคะ แต่หนูก็ทำได้เพียงแค่นี้ เรียนแทบไม่มีเวลาจะหาเงินค่ะ
ตอนแม่หนูท้องพ่อประสบอุบัติเหตุและใช้เงินที่มีทั้งหมดรักษาตัวในโรงพยาบาล จนเงินทองหมดไปและครอบครัวหนูยากจน แม่กลัวหนูเกิดมาแล้วลำบากจึงคิดจะทำแท้ง แต่ญาติๆสงสารจึงโทรไปหาแม่น้าที่อยู่ ตปท. ว่าจะช่วยไหม (แม่น้าเป็นน้องสาวของพ่อ) แกไม่มีลูก แกจึงบอกว่าไม่ต้องทำแท้งจะส่งเงินไปให้ ช่วยเลี้ยงดู จึงมีหนูในทุกวันนี้
(แต่แม่น้าไม่ค่อยชอบแม่แท้ๆของหนูค่ะ ไม่ทราบสาเหตุ แต่แม่แท้ๆมักจะบอกว่า “แม่น้าแกอาจจะไม่อยากให้หนูรักแม่แท้ๆมากกว่าตัวเอง ให้หนูอดทนเรียนให้จบ เพราะแม่ไม่มีปัญญาจะส่งให้หนูเรียนสูงๆได้หรอกนะ” )
หนูทำตามที่แม่น้าบอกทุกอย่างตั้งแต่การเลือกสายเรียน จนถึงคณะที่เรียน ตั้งแต่เล็กจนโตหนูไม่เคยได้ตัดสินใจอะไรเอง และไม่กล้าแม้แต่จะคัดค้านแม่น้าด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้หนูกลับรู้สึกเบื่อค่ะ เหมือนกับว่า ชีวิตมันก็มีแค่นี้ วนเวียน ตื่นมาตอนเช้า หาอะไรกิน พอตกเย็นก็นอน ตื่นมา ทำวนๆไป เรียนก็เลิกเลท จากตารางเลิกไม่เกิน 5 โมง บางวัน 2ทุ่ม บางวัน4 ทุ่ม เลวร้ายที่สุดคือ เลิกเที่ยงคืนเนื่องจาก ตอบคำถามว่าทำไมคนไข้มีอาการแต่ละอย่างแบบนี้ๆๆๆ ไม่ได้ (พยาธิกำเนิด) อาจารย์ก็ไม่ให้กลับ
บางวันเลิกเช้าแต่ก็ต้องรอลงม.พร้อมแฟน เพราะ จันทร์ถึงพุธ แฟนทำงานให้งานโสตของม.ถึง 2 ทุ่ม
ไม่ได้กลับหอก่อนตะวันตกดินสักวัน หนูเบื่อ อาจารย์ ที่เวลาเราถามก็ถามเรากลับให้เราหัดเรียนรู้ด้วยตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่นถามว่า เซลล์นี้ใช่ ลิมโฟไซต์ไหมคะ แล้ว อ.ก็จะถามว่า แล้วลิมโฟไซต์คืออะไรล่ะ มันใช่ไหมล่ะ ถึงจะตอบกลับไปอย่างไร สุดท้าย อาจารย์ก็จะบอกว่า ไม่รู้นะ ถ้าเธอว่าใช่ก็คงใช่มั้ง คือด้วยความที่เราไม่รู้ เราก็จะอึดอัดอยู่ในใจลึกๆว่า “ก็ถ้าหนูรู้หนูจะถามอาจารย์ไหมคะ? อาจารย์มีหน้าที่ให้ความรู้ไม่ใช่หรอคะ?” แล้วก็เอามาสอบเรื่องที่อาจารย์ไม่ได้สอน หนูเบื่อที่เดี๋ยวก็สอบ เดี๋ยวก็สอบ สอบบ่อย งานก็เยอะ หนูอยากจะร้องไห้ค่ะ ไม่มีความสุขเลย
หนูรู้สึกไม่มีความสุขเลยค่ะ บางวันนั่งอยู่เฉยๆก็ร้องไห้ออกมา พอคิดถึงเรื่องทำงาน หนูทำงานแบบนี้ก็ต้องมีเวรเข้าเวร ทำเหมือนๆเดิมทุกวัน หนูก็คงต้องเบื่อ ต้องวนมารู้สึกแบบนี้อีก ทั้งๆที่ตอนเลือกคณะ หนูคิดว่าหนูจะมีความสุขกับมันแล้วแท้ๆ แต่พอมาเจอ อาจารย์ มันไม่โอเครเลย
แต่พอไปเรียนวิชาเลือกหนูมีความสุขนะคะและวิชาที่อาจารย์คณะอื่นสอนเช่นเรียน เภสัชวิทยาอาจารย์สอนตลก หัวเราะทั้งคาบ ถึงแม้ต้องจำชื่อยาเยอะแค่ไหน หนูก็ยังสอบได้คะแนนท็อปขสูงสุดองสาขา และได้น้อยกว่า เด็กที่เรียนเภสัชเพียวแค่ 3 คะแนนเองค่ะ แต่วิชาของสาขาตัวเองบางวิชาหนูอยู่ 1 ใน 10 ของกลุ่มคนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดในห้องด้วยซ้ำ โดยเฉพาะวิชาที่เลิกเลท
หนูเลยอยากไปเรียนต่อที่ ตปท เพื่อกลับมาเรียน ป.เอก แล้วเป็น อ.สอนมหาลัยที่ไหนสักที่ เพราะมันดูสบาย ได้เงินเดือนเยอะ ทั้งหนูทั้งพ่อแม่จะได้สบายสักที
พอดูแถวยุโรปมันก็แพงมากๆ คิดจะสอบเอาทุนก็คิดว่าคงสู้คนอื่นๆที่เขาเก่งจริงๆไม่ได้ เพราะภาษาหนูก็ได้แค่กลางๆ อ่านtext book ออก ฟังคลิปสอน ของ อาจารย์ฝรั่งออก แต่ถ้าให้อธิบายเป็นภาษาไทย หนูก็ทำไม่ได้ มาดูเอเชียที่มีสาขา ภูมิคุ้มกันวิทยา ที่หนูชอบ ก็มีเด่นๆที่ มหาวิทยาลัย โอซากาที่ญี่ปุ่น ค่าเทอมถ้าเทียบกับไปยุโรป ก็ถือว่าถูกกว่ามาก
แต่ก็ต้องเรียนภาษา ต้องเข้าใจเวลาเขาสอนแทบ 100% หนูก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาพอไหม ที่จะเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นให้ได้ขนาดนั้น ไหนจะคำทัดทานจากแม่น้าที่ส่งหนูเรียนว่า “มันจะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ คนอื่นด้อยกว่าเราก็มี จบแล้วทำงานเลยไม่ดีกว่าเหรอ หาทางทำงานรัฐ ให้ได้เป็นข้าราชการก็ดีแล้วหนา”
แต่หนูไม่ใช่ว่าอยากใฝ่สูงอะไรขนาดนั้นนะคะ หนูแค่อยากมีความสุขในชีวิต แล้วการใช้ชีวิต มันก็ต้องใช้เงิน หนูอยากมีเงินมีทองพอที่จะอยู่ไปจนแก่ และดูแลพ่อแม่ได้
ละกลับมา มีบ้านสักหลัง ใช้ชีวิต ไม่ต้องหรูหรา ไม่ต้องฟุ่มเฟือย แต่เราสบายใจอ่ะค่ะ แต่หนูก็อึดอัดและกดดันมากๆ ที่ไม่สามารถ จะกำหนดอะไรในชีวิตตัวเองได้
ก็ต้องฟังแม่น้า เพราะเขาส่งเราเรียน เวลาเราต้องใช้ชีวิตตามกรอบที่ผู้ใหญ่วางไว้ให้ แรกๆมันทนได้ แต่หลังๆมาหนูแทบไม่มีความสุขเลย ในแต่ละวัน ละจิตใจมันก็ต่อต้านเรื่อยๆค่ะ หนูก็แค่อยากมีความสุขในชีวิต แต่หนูก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมหนูถึงไม่มี
หนูควรทำอย่างไรดีคะ หนูเคยเจอเรื่องหนักๆในชีวิต จนเป็นโรคซึมเศร้ามาแล้ว แต่หนูดีขึ้นและหยุดยามาหลายปีแล้วค่ะ ขอคำแนะนำในการใช้ชีวิตด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
ไม่มีความสุขในชีวิตเลย ควรทำอย่างไรดีคะ
แม่น้าที่ส่งหนูเรียน แต่งงานกับพ่อคนญี่ปุ่น ที่ใจดีมาก และแม่ก็อยู่ญี่ปุ่นมา 20 กว่าปีแล้ว เปิดแสน๊ก และทำงานเป็นมาม่าซังอยู่ที่นู่น ซึ่งหนูก็ไม่รู้รายละเอียดมาก เพราะเคยไปหาแม่แค่ครั้งเดียว พูดได้นิดๆหน่อยๆ ตอนนี้แม่ปิดร้านแล้ว ออกมาทำงาน อารุไบ๊ แล้ว
พ่อแม่จริงๆของหนูอยู่ที่เมืองไทยนี่แหละค่ะ หนูทำงานขายของกินให้นิสิต ในม.บ้าง ขายของออนไลน์บ้างส่งไปให้พ่อแม่ พ่อกับแม่พิการค่ะ จะได้เงินช่วยเหลือจากรัฐคนละ 500 พ่อของหนูเป็นอัมพาตท่องล่างจากเอวลงไป เป็นโรค เบาหวาน หัวใจ ต้องกินยาตลอด ก็พยายามใช้แขนสองข้าง ตัดไม้ขายบ้าง รับจ้างลับมีดบ้าง แม่ของหนูตาบอด 1 ข้าง และอีกข้างเป็นต้อ แม่อายุ 61 แล้ว ผอมมาก น้ำนัก 37 และล่าสุดไปเป็นลมที่กลางตลาด พี่ชายหนูโทรมาบอก พี่ชายก็เข้าๆออกๆคุก เนื่องจากยาเสพติด หนูรีบขับรถมอเตอร์ไซต์จาก มหาลัย ไปบ้าน 110 กิโล เพื่อไปหาแม่ และเอาเงินจากที่แม่น้าส่งให้เป็นค่ากินให้แม่ไป 3 พัน ซึ่งหนูก็ต้องใช้ประหยัดขึ้น หนูรักพ่อกับแม่นะคะ แต่หนูก็ทำได้เพียงแค่นี้ เรียนแทบไม่มีเวลาจะหาเงินค่ะ
ตอนแม่หนูท้องพ่อประสบอุบัติเหตุและใช้เงินที่มีทั้งหมดรักษาตัวในโรงพยาบาล จนเงินทองหมดไปและครอบครัวหนูยากจน แม่กลัวหนูเกิดมาแล้วลำบากจึงคิดจะทำแท้ง แต่ญาติๆสงสารจึงโทรไปหาแม่น้าที่อยู่ ตปท. ว่าจะช่วยไหม (แม่น้าเป็นน้องสาวของพ่อ) แกไม่มีลูก แกจึงบอกว่าไม่ต้องทำแท้งจะส่งเงินไปให้ ช่วยเลี้ยงดู จึงมีหนูในทุกวันนี้
(แต่แม่น้าไม่ค่อยชอบแม่แท้ๆของหนูค่ะ ไม่ทราบสาเหตุ แต่แม่แท้ๆมักจะบอกว่า “แม่น้าแกอาจจะไม่อยากให้หนูรักแม่แท้ๆมากกว่าตัวเอง ให้หนูอดทนเรียนให้จบ เพราะแม่ไม่มีปัญญาจะส่งให้หนูเรียนสูงๆได้หรอกนะ” )
หนูทำตามที่แม่น้าบอกทุกอย่างตั้งแต่การเลือกสายเรียน จนถึงคณะที่เรียน ตั้งแต่เล็กจนโตหนูไม่เคยได้ตัดสินใจอะไรเอง และไม่กล้าแม้แต่จะคัดค้านแม่น้าด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้หนูกลับรู้สึกเบื่อค่ะ เหมือนกับว่า ชีวิตมันก็มีแค่นี้ วนเวียน ตื่นมาตอนเช้า หาอะไรกิน พอตกเย็นก็นอน ตื่นมา ทำวนๆไป เรียนก็เลิกเลท จากตารางเลิกไม่เกิน 5 โมง บางวัน 2ทุ่ม บางวัน4 ทุ่ม เลวร้ายที่สุดคือ เลิกเที่ยงคืนเนื่องจาก ตอบคำถามว่าทำไมคนไข้มีอาการแต่ละอย่างแบบนี้ๆๆๆ ไม่ได้ (พยาธิกำเนิด) อาจารย์ก็ไม่ให้กลับ
บางวันเลิกเช้าแต่ก็ต้องรอลงม.พร้อมแฟน เพราะ จันทร์ถึงพุธ แฟนทำงานให้งานโสตของม.ถึง 2 ทุ่ม
ไม่ได้กลับหอก่อนตะวันตกดินสักวัน หนูเบื่อ อาจารย์ ที่เวลาเราถามก็ถามเรากลับให้เราหัดเรียนรู้ด้วยตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่นถามว่า เซลล์นี้ใช่ ลิมโฟไซต์ไหมคะ แล้ว อ.ก็จะถามว่า แล้วลิมโฟไซต์คืออะไรล่ะ มันใช่ไหมล่ะ ถึงจะตอบกลับไปอย่างไร สุดท้าย อาจารย์ก็จะบอกว่า ไม่รู้นะ ถ้าเธอว่าใช่ก็คงใช่มั้ง คือด้วยความที่เราไม่รู้ เราก็จะอึดอัดอยู่ในใจลึกๆว่า “ก็ถ้าหนูรู้หนูจะถามอาจารย์ไหมคะ? อาจารย์มีหน้าที่ให้ความรู้ไม่ใช่หรอคะ?” แล้วก็เอามาสอบเรื่องที่อาจารย์ไม่ได้สอน หนูเบื่อที่เดี๋ยวก็สอบ เดี๋ยวก็สอบ สอบบ่อย งานก็เยอะ หนูอยากจะร้องไห้ค่ะ ไม่มีความสุขเลย
หนูรู้สึกไม่มีความสุขเลยค่ะ บางวันนั่งอยู่เฉยๆก็ร้องไห้ออกมา พอคิดถึงเรื่องทำงาน หนูทำงานแบบนี้ก็ต้องมีเวรเข้าเวร ทำเหมือนๆเดิมทุกวัน หนูก็คงต้องเบื่อ ต้องวนมารู้สึกแบบนี้อีก ทั้งๆที่ตอนเลือกคณะ หนูคิดว่าหนูจะมีความสุขกับมันแล้วแท้ๆ แต่พอมาเจอ อาจารย์ มันไม่โอเครเลย
แต่พอไปเรียนวิชาเลือกหนูมีความสุขนะคะและวิชาที่อาจารย์คณะอื่นสอนเช่นเรียน เภสัชวิทยาอาจารย์สอนตลก หัวเราะทั้งคาบ ถึงแม้ต้องจำชื่อยาเยอะแค่ไหน หนูก็ยังสอบได้คะแนนท็อปขสูงสุดองสาขา และได้น้อยกว่า เด็กที่เรียนเภสัชเพียวแค่ 3 คะแนนเองค่ะ แต่วิชาของสาขาตัวเองบางวิชาหนูอยู่ 1 ใน 10 ของกลุ่มคนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดในห้องด้วยซ้ำ โดยเฉพาะวิชาที่เลิกเลท
หนูเลยอยากไปเรียนต่อที่ ตปท เพื่อกลับมาเรียน ป.เอก แล้วเป็น อ.สอนมหาลัยที่ไหนสักที่ เพราะมันดูสบาย ได้เงินเดือนเยอะ ทั้งหนูทั้งพ่อแม่จะได้สบายสักที
พอดูแถวยุโรปมันก็แพงมากๆ คิดจะสอบเอาทุนก็คิดว่าคงสู้คนอื่นๆที่เขาเก่งจริงๆไม่ได้ เพราะภาษาหนูก็ได้แค่กลางๆ อ่านtext book ออก ฟังคลิปสอน ของ อาจารย์ฝรั่งออก แต่ถ้าให้อธิบายเป็นภาษาไทย หนูก็ทำไม่ได้ มาดูเอเชียที่มีสาขา ภูมิคุ้มกันวิทยา ที่หนูชอบ ก็มีเด่นๆที่ มหาวิทยาลัย โอซากาที่ญี่ปุ่น ค่าเทอมถ้าเทียบกับไปยุโรป ก็ถือว่าถูกกว่ามาก
แต่ก็ต้องเรียนภาษา ต้องเข้าใจเวลาเขาสอนแทบ 100% หนูก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาพอไหม ที่จะเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นให้ได้ขนาดนั้น ไหนจะคำทัดทานจากแม่น้าที่ส่งหนูเรียนว่า “มันจะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ คนอื่นด้อยกว่าเราก็มี จบแล้วทำงานเลยไม่ดีกว่าเหรอ หาทางทำงานรัฐ ให้ได้เป็นข้าราชการก็ดีแล้วหนา”
แต่หนูไม่ใช่ว่าอยากใฝ่สูงอะไรขนาดนั้นนะคะ หนูแค่อยากมีความสุขในชีวิต แล้วการใช้ชีวิต มันก็ต้องใช้เงิน หนูอยากมีเงินมีทองพอที่จะอยู่ไปจนแก่ และดูแลพ่อแม่ได้
ละกลับมา มีบ้านสักหลัง ใช้ชีวิต ไม่ต้องหรูหรา ไม่ต้องฟุ่มเฟือย แต่เราสบายใจอ่ะค่ะ แต่หนูก็อึดอัดและกดดันมากๆ ที่ไม่สามารถ จะกำหนดอะไรในชีวิตตัวเองได้
ก็ต้องฟังแม่น้า เพราะเขาส่งเราเรียน เวลาเราต้องใช้ชีวิตตามกรอบที่ผู้ใหญ่วางไว้ให้ แรกๆมันทนได้ แต่หลังๆมาหนูแทบไม่มีความสุขเลย ในแต่ละวัน ละจิตใจมันก็ต่อต้านเรื่อยๆค่ะ หนูก็แค่อยากมีความสุขในชีวิต แต่หนูก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมหนูถึงไม่มี
หนูควรทำอย่างไรดีคะ หนูเคยเจอเรื่องหนักๆในชีวิต จนเป็นโรคซึมเศร้ามาแล้ว แต่หนูดีขึ้นและหยุดยามาหลายปีแล้วค่ะ ขอคำแนะนำในการใช้ชีวิตด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ