เป็นเถ้าแก่บ้านนอก ทำอย่างไงให้รอด ในการเปลี่ยนแปลง ตอน4 เหตุผลที่ทำให้เจ๊งโดยไม่รู้ตัว

สวัสดีค่ะ ตอน4 นี้เราขอพลีชีพข้อผิดพลาดที่ผ่านๆมาของรุ่นพ่อรุ่นแม่ (ที่ทำกิจการมา 30 ปี) และตัวเรา(ที่ทำกิจการมา 6-7 ปี) ค่ะ ตอนนี้อยากเขียนมาให้ง่ายเหมือนเป็น Check List แต่เราคิดว่ามันจะฝังจิตฝังใจคนอ่านแล้วเอาไปเปลี่ยนแปลงกิจการตัวเองได้มากขึ้นสำหรับคนที่ทำธุรกิจเล็กๆในบ้านนอกแบบเรา หรือกำลังจะเปิดกิจการเป็นของตัวเองในวันข้างหน้านะคะ

1. ไม่ทำบัญชี - ไม่เช็คสต๊อค - ไม่รู้ตัวเลขกำไร -ไม่รู้ตัวเลขรายจ่ายที่แท้จริง *** เรื่องนี้เราเองประหลาดใจมากเลยค่ะ เพราะเถ้าแก่ทั้งหลายที่เรารู้จักส่วนมากขยันมากกก ประหยัดโครตตต ขายเก่งสุดๆ แต่กับเรื่องบัญชีและตัวเลขแทบไม่ใส่ใจ และไม่ให้ความสำคัญเลย จะรู้ก็แค่ ต้องจ่ายค่าของวันไหน เท่าไหร่ ลูกหนี้เป็นหนี้เท่าไหร่ กำไรต่อชิ้นเท่านั้นเท่านี้ และร้อยละร้อยไม่สะดวกใจที่จะจดรายการรายจ่ายแบบละเอียดด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกยากรำบาค เราอยากให้ฟังประสบการณ์ความเจ็บช้ำของเรา เพื่อให้เถ้าแก่เห็นความสำคัญของบัญชี ค่ะ

      1.1 หยิบเงินกิจการไปใช้ทีละ ร้อย สองร้อย ไม่เยอะเลยขี้เกียจลงบัญชี - ตอนเราเริ่มทำกิจการใหม่ๆ ไม่มีความรู้เรื่องบัญชีและภาษีแม้แต่น้อยค่ะ ซื้อหนังสือมาอ่านก็ไม่ได้เรื่องมากๆ อ่านไปหลับไป มีแต่คำว่าเดบิต เครดิตน่าเบื่อสุดๆ แต่เราจะจดรายจ่ายใหญ่ๆไว้เช่น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าจ้าง ค่าภาษีที่ต้องจ่าย นอกนั้นแทบไม่ได้จดเลย และจดยอดขายแต่ละตัวไว้เพื่อคำนวนกำไรที่ได้ ว่าพอค่าใช้จ่ายรึเปล่า ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเห็นตัวเลขกำไรหักค่าใช้จ่ายคือ ใจชื้นมากๆ พอเหลือพออยู่ได้ แต่ผ่านไปได้ 6 เดือน เงินในบัญชีกับเงินในความเป็นจริงมันห่างกันมาก จนเราไม่พอซื้อสินค้า หมุนไม่ค่อยคล่อง ทำให้เกิดความกังวลมากนอนไม่หลับ เลยมานั่งนับสินค้าในร้าน นับลูกหนี้ นับเงินสด เงินในบัญชีทั้งหมด ว่ายังอยู่เท่าที่เรา ใส่ทุนไปตอนแรกหรือไม่ เมื่อเราตรวจสอบเสร็จ เราเข่าอ่อนเลยค่ะ ทุนหายไปเกือบครึ่งแล้ว เราเครียดมาก พยายามหาสาเหตุต่างๆนานๆว่า มันหายไปทางไหน ผิดพลาดตรงไหนกันแน่ โดนขโมยหรือคิดเงินผิดหรือหลงลืมเอาเงินสดไปไว้ตรงไหนกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่เป็นอาทิตย์ พอเริ่มทำใจได้เลย หันกลับมาตั้งระบบบัญชีใหม่ คือจดและบัญทึกทุกเม็ด ทุกการจ่าย การรับ 10 บาทก็จด และ ผูกสูตรในเอ็กเซลขึ้นมา สำหรับ ตรวจสอบว่า ถ้าสินค้าในสต๊อก+ลูกหนี้ +เงินสด+เงินที่ต้องจ่ายเจ้าหนี้แล้ว ทุนของเรายังอยู่ดีรึเปล่า ด้วยความเครียดที่ผ่านมาเราจดเรานับสต๊อกและบันทึกทุกวัน ผ่านไปเดือนสองเดือนก็ถึงบางอ้อ ***** รายจ่าย ร้อยสองร้อย พันสองพัน ที่ไม่จด พอรวมๆแล้วต่อเดือนมันไม่น่าเชื่อค่ะ มันตก 30,000 - 60,000 บาทต่อเดือน เม่าฝนตก กิจการเราที่เคยคิดว่าพออยู่ได้ จริงๆมันอยู่ไม่ได้ค่ะ มันเข้าเนื้ออย่างรุ่นแรง แรงมากจนทุน เหลือ ครึ่งเดียวแล้ว เราเลยเกิดแรงมุมานะ ไฟท่วมตัวท่วมหัว ลดรายจ่ายที่ไม่สำคัญไม่เกี่ยวกับกิจการ และพยายาม เพิ่มยอดขายขึ้นให้มากที่สุดเพื่อประครองกิจการค่ะ
                                                             ****** อย่าประมาทกับรายจ่ายใต้ภูเขาน้ำแข็งเด็ดขาด******
     1.2 ข้าเก่าเต่าเลี้ยง ตัวแสบ - กิจการของเราเองเป็นการเปิดสาขาแยกออกมาจาก ของพ่อกับแม่ของเรา ดังนั้นเรื่องสินค้าที่จะนำมาขายจะเป็นลักษณะซื้อต่อจากร้านของแม่มาขายอีกที โดยลูกน้องที่อยู่กับร้านแม่มานานมากกกจนไว้ใจกัน เอามาส่งตลอด สินค้าที่ขายนับหรือกะด้วยสายตารำบาค เวลาสินค้ามาส่ง เราก็จะนับในช่วงแรกๆ ต่อมาจากการทำบัญชีอย่างเข้มงวดในข้อ 1.1 ทำให้เราหันมาทำงานกันเองเป็นส่วนมาก เพื่อลดค่าจ้างและรายจ่ายลงก่อน เพื่อประครองกิจการให้รอดก่อนในช่วงแรก ซึ่งมันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีคือค่าใช้จ่ายต่ำลง ข้อเสียคือ เราเหนื่อยมาก มากจนเราไม่มีแรงมากพอสำหรับการตรวจสอบทุกอย่าง จนหย่อนยานเรื่องการตรวจสอบสินค้าเข้า --- ช่วงนั้น จิตใจเรามุ่งแต่ หาลูกค้าเพิ่ม กับการเงินการบัญชี ภาษี การบริการลูกค้า ความสะอาดร้าน ลดรายจ่าย เฝ้ามองผลกำไรรายวันรายเดือน ว่าพอรายจ่ายรึเปล่า จนเรามองไม่เห็นอะไรที่สำคัญๆอีกหลายอย่าง แต่จากตัวเลขในบัญชี เราก็พอมองเห็นว่าสินค้าในสต็อกมันต่ำกว่าตัวเลขในบัญชีเรื่อยๆ แรกๆไม่กังวลเท่าไหร่ แต่เมื่อยอดสะสมของสินค้าที่หายไปเรื่อยๆ หายตลอด เราก็เลยเริ่มหาสาเหตุ ว่าเป็นที่อะไร เป็นที่ระบบการขาย หรือ มีข้อผิดพลาดตรงไหน เราสอบถามลูกน้องที่ส่งสินค้าตลอดทุกครั้งที่มาส่ง เริ่มตรวจวัด อย่างเข้มงวด เขาก็จะมีข้ออ้างมากมาย หรือว่าเราคิดมาก วุ่นวาย จนแทบจะทะเลาะกับทางร้านของแม่ เนื่องจากเป็นลูกน้องที่แม่เราไว้ใจมาก (อาจจะมากกว่าเรา 555+) เราที่ทุนก็ไม่มาก ต้องเสียเงินหลายหมื่นจ้างวิศวกรมาตรวจสอบระบบว่าระบบการขายของเรา มีการรั่วไหล หรือสูญหายรึเปล่า ผลที่ออกมาคือไม่ใช่) เราก็พยายามตัดปัจจัยไปให้หมด จนกระทั้ง เหลือแค่ ตัวลูกน้องคนนี้ และเมื่อกิจการเราดำเนินมาครบ 2 ปี เรามีเงินฝากจากการหักรายจ่ายทั้งหมดแล้ว 100,000 บาท แรก (เรากับแฟนดีใจมาก ยืนกอดกันอยู่หน้าตู้ฝากเงิน 555+) แต่ ความเป็นจริง สินค้าเราก็หายไปจากระบบ รวมแล้ว ประมาณ 120,000 บาท พอสรุปสิ้นปี ที่ 2 ของความเหนื่อยแบบแทบพลีชีพ คือเงินแสนแรกที่ฝากไว้ ต้องถอนออกมาชดเชย สินค้าที่หายไปจากระบบของเรา เพราะไม่อย่างงั้น จะไม่พอหมุนเวียน วันที่เดินไปถอน เราร้องไห้หนักมาก ไปพร้อมความแค้นคนทั้งโลก 5555+ และคิดว่าพอแล้ว ต้องแตกหัก เราเลยวางเรื่องอื่นๆลงไว้ก่อนทั้งหมด ทุ่มเทพลังไปที่การติดตามลูกน้องคนนี้ ไปตลอดทุกย่างก้าว ยิ่งเห็นการใช้ชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อของเขาเรายิ่งมั่นใจ ตามไปจนเห็นเขาขโมยสินค้าระหว่างการจัดส่ง มายังบ้านแม่ของเรา และบ้านเรา - เราเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่เรา ซึ่งประหลาดมาก เพราะแม่เรากลับไม่ทำอะไรเลย เพราะคิดว่าอยู่กันมานาน และเขาก็ดูเป็นคนดีมาก และแม่ไม่อยากเปลี่ยนแปลง เพราะก็หาลูกน้องใหม่ไม่ได้ เราตอนนั้น แทบบ้าคลั่ง ควบคุมสติแทบไม่อยู่ อยากไปลงไม้ลงมือกับลูกน้องคนนั้นที่สุด ในหัวมีแต่ภาพเรากำลังกระทืบลูกน้องคนนั้นแบบรัวๆอยู่ตลอดเวลา พอเราควานหาสติจนเจอ เราก็เลือกที่จะไม่ทะลาะหรือขัดใจแม่ และ ลงเอยด้วยการขอ ไปดำเนินการจัดซื้อด้วยตัวเอง เราส่งแฟนเราไปขับรถ 10 ล้อเอง ทำใบขับขี่ใหม่ เข้าอบรมมากมาย เพื่อต่อไปนี้เราจะขนส่งสินค้ามาเอง - งานที่พลีชีพเหนื่อยเกือบตายอยู่แล้ว ตอนนี้แฟนเราก็ต้องไปขับรถขนส่งเองอีก ทำให้งานมันหนักกว่าเดิมมาก แต่............ก็ไม่ตายนะ 55555+ ก็แปลกมากที่โหลดงานกันได้มากกว่าเก่า และ ผลคือ ของหยุดหายทันที และได้ต้นทุนที่ถูกลง เพราะเมื่อแฟนเราขับเอง ผ่านไป 1 ปี รถ10 ล้อประหยัดน้ำมันกว่าลูกน้องขับมาก และ แทบจะไม่ต้องซ่อมอะไรหนักๆ มีแค่บำรุงรักษา .... ตอนนี้ จะขึ้นปีที่ 7 แล้ว เราปิดทางไหลออกเกือบหมด และ เหลือเงินเก็บแล้วค่ะ 5555+..... ส่วนทางร้านของแม่เรา ซึ่งก็เหมือนเถ้าแก่อื่นๆ คือไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสินค้าหาย มาขนาดไหน ถ้าให้เราตีคร่าวๆ คือ แม่เราขายดีกว่าเรา 10 เท่าตัว และใช้ลูกน้องคนนี้ขนส่งมาประมาณ 13 ปี แม่เราน่าจะสูญเสียไปประมาณ 7,800,000 บาท เป็นตัวเลขที่น่าเจ๊งมาก แต่บังเอิญแม่เราขายดีพอที่จะรอดมาได้ ซึ่งเราว่ามันปาฏิหาริย์ มากๆ และบทสรุปของลูกน้องคนนี้ ที่ปลูกบ้านอลังการณ์กว่าเราเจ้าของกิจการมากๆ ก็โดนแม่เราไล่ออกในที่สุด และไม่น่าเชื่อว่าเขากลับมาจนหมดตัว ภายใน 1 ปีต่อมา เราก็ขออโหสิกรรมให้เขา ชาติหน้าอย่าเจอกันอีกเลย  

******รักกันแค่ไหนอยู่กันมานานเท่าไหร่ก็ต้องตรวจสอบกันนตลอดเวลา ด้วยระบบการทำงาน ระบบบัญชี และสืบข่าวจากภายนอกตลอด******

ขอพักสักครู่นะคะ เดี่ยวมาต่อ 1.3 เถ้าแก่ที่ทรงๆกับทรุดๆ จะมีจุดร่วมคือ ***กำไรไม่รู้ขาดทุนไม่รู้ จะจัดโปรโมชั่นได้รึเปล่าไม่รู้ จะลงทุนปรับปรุงร้านแล้วคุ้มค่ารึเปล่าไม่รู้ จะจ้างลูกน้องเพิ่มได้รึเปล่าไม่รู้ ช่วยไหนขายดี ขายไม่ดี ยอดขายมากขึ้นหรือ น้อยลงไม่รู้ รู้แต่จะขายให้ได้มากที่สุดและขี้เหนียวให้มากที่สุดพอ ขายดีก็ซื้อรถซื้อทองซื้อที่ดิน ขายไม่ดีก็บ่นเศรษฐกิจไม่ดี แล้วไปประหยัดกับการเลี้ยงลูกน้อง*****
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่