เมื่อวันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม 2561 ได้มีโอกาสไปกินเต้าหู้ที่ราคาแพงมากที่สุดในชีวิต
ที่ร้าน mihara tofuten อยู่ที่สาทร ซอย 7

*** ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ไม่งั้นอดจ้า ***

มื้อนี้ได้รับการอุปการคุณจากคุณแฟนที่พามาเลี้ยงเนื่องในวันคล้ายวันเกิด
กราบงามๆที่ตัก

ความพิเศษของร้าน mihara tofuten คือทุกเมนูมีเต้าหู้เป็นส่วนประกอบ
อารมณ์แบบเอาเต้าหู้มาดัดแปลงให้เข้ากับอาหารทุกๆเมนู

เต้าหู้ import มาจากญี่ปุ่น รวมถึงน้ำที่ใช้ในร้าน แบบน้ำซุป น้ำเครื่องปรุง อิมพอร์ตจ้า

เริ่มเลยจ้า ใครที่ขับรถมาสามารถจอดได้ที่ตึกฝั่งตรงข้ามร้าน

หน้าร้านก็จะมีป้านร้านให้เห็นอยู่จ้า อารมณ์เป็นตึกแถวแบบร้านอาหารในญี่ปุ่น
ด้วยความที่เป็น โอมากาเสะ เข้ามาในร้านก็จะเจอครัวและเชฟที่จะคอยทำอาหารให้เราทานกันแบบสด สด
เริ่มจากการสั่งเครื่องดื่ม เราสั่งน้ำเปล่าเพราะเราไม่ดื่มแอลกอฮอลล์
คอร์สนึงจะมี 13 เมนูด้วยกัน ตามรูปคือชื่อเมนูที่จะได้ทานกัน

เห็นราคาแล้วก็ อุแม่จ้าววววว 4,900 บาท + + +
net แล้วคนละ 6,000 บาทไม่รวมเครื่องดื่ม แพงมาก

กินเต้าหู้ต้องแพงขนาดนี้มั้ย ลองดูแต่ละเมนูกันจ้า
ขออนุญาติไม่พิมพ์ชื่อเมนูเต็มๆนะคะ จะขอเรียกชื่อเมนูแบบบ้านๆ เพราชื่อเมนูเต็มๆดูจากรูปด้านบนกันนะคะ

เริ่มที่เมนูแรก เต้าหู้โฮมเมด
รสชาติ ก็เต้าหู้อะ 555


.

เมนูต่อไป มาเป็นห่อแบบนี้เลย ยังไม่รู้ว่าข้างในจะเป็นอะไร ลายผ้าสวยงาม มีความญี่ปุ่น

ผ้านี้จะกลายมาเป็นผ้ากันเปื้อนให้กับลูกค้านะจ้ะ แต่ละคนจะได้ผ้าลายที่แตกต่างกัน

เปิดห่อออกมาจะเจอกับกล่องไม้ 3 กล่อง ตามนี้เลย

รสชาตินะ มันก็เต้าหู้อะ คือเค้าให้ทานจากซ้ายไปขวา
ถาดแรกเป็นเต้าหู้กับมะเขือเทศ 3 สี ก็รสชาติตามชื่อเมนูเลยอะ
ถาดสองเป็นเต้าหู้แล้วโปะด้วยมากูโระ เหมือนกินซาซิมิแต่มีเต้าหู้มารอง
ถามสามเป็นถั่วเหลืองบดๆมีเครื่องปรุงกินกับ chips

.

ต่อกันที่ ซุปปู ที่มีก้อนเต้าหู้ใหญ่ๆและถั่วทอด
เมนูนี้อร่อยดี นึกถึงซุปในร้านอาหารจีน แต่มีเต้าหู้ก้อนบิ้กๆมาอยู่ในซุป

.

ต่อไปเป็น จานเย็นสุดท้ายก่อนจะทานจานร้อน เป็นเยลลี่มีไส้
รสชาติเปรี้ยวๆ เย็นๆ นุ่มๆ

.

ต่อกันที่ ปลาซานมะย่างแล้วม้วนเป็นคำ
ปลามีกลิ่นที่แรงแต่ไม่คาว ไม่เหม็นสาป เหมือนกินปลาย่างอะ

.

จานต่อไปเป็น เต้าหู้ลูกเต๋าทอดและมะเขือม่วงทอด ราดซอสยูสุมิโสะ
มันมีความเปรี้ยวของยูสุแต่ตัดด้วยมิโสะ แปลกๆแต่ก็อร่อยดี

.

ต่อกันที่ เต้าหู้ทอดโปะด้วยไข่ปลา ราดด้วยโชยุ
รสชาติแบบเต้าหู้ทอด แต่เป็นแบบเนื้อแน่นๆ กรอบนอกนุ่มใน ไข่ปลาไม่คาว

.

ไปต่อกันที่ ชามน้อยๆมีหอยเป่าฮื้อสด เต้าหู้แผ่น และข้าวพองอยู่ด้านล่าง
อันนี้คาวมาก มาก เรากินไม่ไหว ต้องยกให้คุณแฟนกิน

.

ต่อกันที่ เต้าหู้ทอดกัน เค้ายกมาเป็นห่อเล็กๆเหมือนใส่ยูกาตะให้กับเต้าหู้ทอด
ไส้ในเป็นเต้าหู้ กุ้ง ปลา หอยเชลล์ เมนูนี้อร่อย ชอบมากที่สุดเลย เหมือนกินขนมเต้าหู้ทอดแบบมีไส้


.

เมนูต่อไปเป็น สาหร่ายและฟองเต้าหู้หมักในน้ำส้มสายชู
แต่ไม่มีกลิ่นที่แทงจมูกนะ ไม่แสบจมูก กินแล้วไม่ได้รู้สึกถึงน้ำส้มสายชู
มีความเปรี้ยว สดชื่นดี

.

จานต่อมา ยกมาเป็นหม้อเลย มันคือสุกี้เต้าหู้!!! สุกี้ธรรมดา โลกไม่จำ
เต้าหู้ชิ้นโคตรใหญ่ น้ำซุปเป็นแบบนมๆ หวานๆเค็มๆ มีกลิ่นนมด้วย
เมนูนี้ถ้าคนที่ไม่ทานเนื้อวัว ต้องแจ้งทางร้านไว้ก่อน เค้าจะเปลี่ยนเป็นปูให้นะจ้ะ

.

อาหารคาวจานสุดท้ายเป็น หมี่เย็นบรรจุในกล่อง เสริฟพร้อมกับเทมปุระผัก
อันนี้อร่อย เส้นลื่นมาก นุ่มมาก น้ำซุปมีความเป็นนม (อีกแล้ว) เค้ามีเครื่องปรุงมาให้ข้างๆคือ ผักกุ่ยช่ายคลุกพริกโรยงา อันนี้เด็ด
ใส่ลงไปในซุป อร่อยมาก จากจืดๆ นมๆ ทำให้มีรสชาติขึ้นมาเลยทีเดียวเชียว

ส่วนเทมปุระก็อร่อย มีความกรอบแบบพอดี ฟักทองและมัน หวานกำลังดี

.

สุดท้ายแล้วกับของหวาน เป็นไอศกรีมชาโรยผงชาบางๆ อนูละเอียดมาก
แล้วก็มีช๊อคโกแลต 4 รสชาติ คือ รัมลูกเกด พิตาชิโอ มัทฉะ และช๊อคโกแลต
ไอศกรีมเหมือนกินน้ำชาอะ ส่วนช๊อคโกแลตทั้ง 4 ก็ไม่เลี่ยน ไม่หวานเกินไป กำลังดีเลยแหละ

.

จบไปกับมื้อดินเนอร์อันแสนโหดร้าย ต่อไปขอแสดงความเห็นส่วนตัว ห้ามดราม่า!!!

เราว่ามันแพงเกินไป เกินไปเยอะเลยแหละ รสชาติอาหารไม่ได้ดีเด่นขนาดจะต้องมาจ่ายขนาดนี้
เต้าหู้มันก็คือเต้าหู้ ยอมรับว่าทางเชฟมีความครีเอท มีการดัดแปลง แต่มันแพงเกินไปจ้าาาาาาา
แล้วพอกินเต้าหู้ไปเยอะๆ ตกดึกนะ ท้องอืดมาก แล้วตื่นมาปัสสาวะทั้งคืน
เหมือนมันอมน้ำแล้วมาพองในท้อง (คิดเอง ไม่ได้เรียนทฤษฎีนี้มา 555)

เอาเป็นว่าครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย ถามว่าแนะนำให้ไปไหม

ถ้าเงินเหลือก็ไปลอง ถ้าเงินไม่ได้เหลือมาก ไปกินร้านอื่นเถิด