รวมวาทกรรมนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย

วาทกรรมที่ 1 : “ใครไม่อาย แต่ผมอาย”
บิ๊กอ๊อด – หลังทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ทำผลงานได้น่าผิดหวังในการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ด้วยการตบรอบรองชนะเลิศ หลังทำได้เพียงเสมอ ทีมชาติมาเลเซีย ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก ไปด้วยสกอร์ 2-2 ทำให้ มาเลเซีย ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ด้วยกฎประตูทีมเยือน

ล่าสุดหลังจบเกมดังกล่าว แฟนบอลจำนวนเข้าไปโพสต์ในเฟน FA THAILAND (เพจสมาคมกีฬาฟุตบอล) ถึงวดีเด็ดที่ (ผมอาย) ของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่งพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล เคยพูดไว้เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 หลัง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง พาช้างศึก ทีมชาติไทย พ่ายทีมชาติญี่ปุ่น 0-4 ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก

“เราไม่มีปัญหาพวกนั้นอีกแล้ว แต่นับจากนี้ต่อไปเราจะทำกันอย่างไร แต่อย่าให้ผมงอมืองอตีน ถ้าอย่างนั้นให้ผมลาออกจากตำแหน่งเสียดีกว่า กลับบ้านยังมีความสุขกว่า แต่คงไม่ให้คนไทยมาประณามว่าอยู่แล้วไม่ทำอะไร ผมอาจจะทำผิดก็ได้ ในการเอา “เอคโคโน่” มาดูเยาวชน มันผลิดอกออกผลก็ต้องรอ 10 ปี ทางญี่ปุ่นเขาพัฒนากันมานาน รอมา 20 ปี ปี 2050 เขาจะเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกในปีนั้น 33 ปีข้างหน้าเขาก็วางกันไว้ ผมขอแผนเขามา เขามีแผนพัฒนากันมาตั้งเด็ก ผมจะเอามาแปลเป็นไทย เอามาร่างและเอามาใช้ในแผนพัฒนาฟุตบอล 20 ปีข้างหน้า”

“ผมไม่เคยพูดว่า คุณเกียรติศักดิ์ ไม่เก่ง ไม่ดี ผมชื่นชอบเขา ผมกล้าพูดเลยว่าโค้ชคนไทยทั้งหมดที่ผมสัมผัสมา คุณเกียรติศักดิ์ มีโค้ชที่มีระเบียบวินัย กำกับดูแลนักฟุตบอลได้ นักกีฬาให้เกียรติ เคารพเชื่อฟัง นั่นคือสิ่งที่โค้ชพึงจะมี เรามีหลายสิ่งที่จะต้องคิด จะเดินไปข้างหน้า ผมต้องการเห็นทีมฟุตบอล1ไทยอยู่อันดับต้นๆของเอเชีย ในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้าจะต้องไปรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ผจะวางรากฐานให้คนที่จะมาสานงานต่อจากผมทำงานได้สะดวก อย่างมีระบบ มีแบบแผน สิ่งที่ผมคาดหวัง”

“คำถามที่ว่าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนไทยคิดอย่างไร คิดเหมือนผมไหม ถ้าบอกว่า อยู่กันไปแบบนี้ ไม่เป็นไร เป็นแชมป์ซูซูกิ แชมป์ซีเกมส์ แต่ระดับเอเชียแพ้ที 4-0, 3-0, 2-0 ไม่เป็นไร แต่สำหรับผม ผมอาย ผมรับไม่ได้กับสิ่งเหล่านี้ ผมมีตัวตน ผมเคยเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่เคยมีปัญหาในงานทำงาน ไม่เคยทำความเสียหาย ด่างพร้อย ผมทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ แต่ผมตอบไม่ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงจะดีหรือไม่ดี เพราะต้องใช้เวลา วันนี้ก็บอกว่ายังไม่ได้พูดคุยกับคุณเกียรติศักดิ์ ที่ไซตามะก็ยังไม่ได้คุยกัน เพียงแต่พูดคุยให้กำลังใจกัน ทุกคนเสียใจ ได้แต่ปลอบใจ บอกกับคุณคุณเกียรติศักดิว่าไม่เป็นไร ค่อยคุยกัน ผมฟังความคิดเห็นของแฟนบอล ของสื่อมวลชน จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน ต้องมีเหตุผลว่าเปลี่ยน เพราะอะไร วันนี้สัญญาของคุณเกียรติศักดิ์ ยังมีอยู่

วาทกรรมที่ 2 : “เยอรมัน” ยังตกรอบแรกบอลโลก!! “บิ๊กอ๊อด” ยันปลด “โค้ชโย่ง” ไม่ใช่ทางออกแก้ปัญหา (สุดท้ายเพื่อนเนวินแฉไล่ออก)
พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยัน พร้อมฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเกี่ยวกับผลงานของทัพ “ช้างศึกชุดเอเชี่ยนเกมส์” พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า การปลด “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ ออกจากตำแหน่งไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยัน พร้อมฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเกี่ยวกับผลงานของทัพ “ช้างศึกชุดเอเชี่ยนเกมส์”
   โดยประมุขวงการฟุตบอลไทย กล่าวว่า การพัฒนากีฬาฟุตบอล หรือการพัฒนากีฬาทุกประเภท จะต้องพัฒนาอย่างเป็นระบบและทุกมิติ ซึ่งระยะเวลา 2 ปี เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะพัฒนาฟุตบอลไทยไปสู่ความเป็นเลิศ อย่างทีมชุดที่ส่งไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของ คุณวิทยา เลาหกุล และ คุณวรวุธ ศรีมะฆะ จึงเปิดโอกาสให้น้องๆ ที่อายุต่ำกว่า 23 ปี เลือกที่จะไม่ใช้เอานักเตะอายุเกินเล่น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับปรีโอลิมปิกส์
นอกจากนี้การเตรียมทีมก็เจอกับอุปสรรคเนื่องจากการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ ทำให้ไม่สามารถเรียกนักเตะจากสโมสรได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แม้จะมีการพักเบรคเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สโมสรก็ตาม ทำให้ทีมนี้จึงเป็นทีมที่ยังไม่พร้อมสมบูรณ์เต็มร้อย นอกจากนี้นักกีฬาสังกัดสโมสรมีอาการบาดเจ็บไม่สามารถรวมตัวฝึกซ้อมด้วยกันได้ ซึ่งแตกต่างจากฟุตบอลหญิง ที่ก่อนจะเดินทางไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ ได้มีการเตรียมความพร้อม มีการเก็บตัวตลอดมาทั้งปี โดยไปเก็บตัวที่ประเทศออสเตรเลีย ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศญี่ปุ่น จะเห็นว่า พยายามทำให้ดีที่สุดกับทีมชาติทุกชุด ตามเงื่อนไขที่อำนวยตลอดช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
  “บิ๊กอ๊อด” กล่าวต่อว่า ส่วนแผนการทำงานของสมาคมฯ ในวันนี้ ตั้งเป้าไว้ที่เยาวชน ซึ่งจะผลิดอกออกผลในอีก 10 ปีข้างหน้า ยกตัวอย่างในขณะนี้ สมาคมฯได้ส่งเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ไปเก็บตัวที่ประเทศสเปน เพราะทีมชาติไทยชุดนี้จะเป็นตัวแทนในการเล่นรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก ปี 2026 ซึ่งเหตุผลที่เริ่มจากรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี เพราะว่าในปี 2026 ทวีปเอเชียจะได้โควตาสำหรับไปเล่นในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเพิ่มขึ้น ก็หมายความว่าโอกาสของทีมชาติไทยมีมากขึ้น จึงต้องเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้เพื่อผลอีก 8 ปีข้างหน้า

นายกสมาคมลูกหนังไทย กล่าวปิดท้ายว่า ส่วนตัวขอวอนแฟนบอลอย่าดูเพียงผลแพ้-ชนะ เข้าใจแฟนบอลทุกคน แต่เมื่อมีความคาดหวัง ต้องมีความผิดหวัง ลองย้อนกลับไปมองทีมชาติเยอรมัน เป็นอดีตแชมป์โลก ยังตกรอบแรกการแข่งขันฟุตบอลโลกได้ เรื่องนี้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะทำอะไรต่อจากนี้ต้องอยู่บนหลักการและเหตุผล โดยมองว่า การเปลี่ยนโค้ชไม่ใช่ทางออก คือหลังจากที่ทุกคนทำหน้าที่เสร็จสิ้น กลับมาต้องคุยกัน สรุปสิ่งที่เกิดขึ้น ปัญหาอุปสรรคว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อหาแนวทางแก้ไข แล้วค่อยสรุปกันอีกที ต้องคุยด้วยเหตุและผล ไม่เคยตัดสินโดยการฟังกระแส หรืออคติใดๆ  จะต้องฟังเหตุผลก่อนตัดสินใจ
  โดยเชื่อว่า แฟนบอลส่วนใหญ่เข้าใจ ซึ่งทราบดีว่า ในสังคมโซเชียลมีทั้งหวังดีและไม่หวังดี อย่างไรก็ตามทางสมาคมฯ จะทำอะไรก็แล้วแต่จะยืนอยู่บนหลักข้อมูลและเหตุผล ไม่ใช่เมื่อจบรายการแข่งขันทุกรายการจะต้องปลดโค้ช เปลี่ยนโค้ช มันไม่ใช้เรื่องที่เราทำด้วยความรู้สึกหรือทำตามกระแส โดยไม่ได้ปกป้อง คุณวิทยา หรือ คุณวรวุฒิ ไม่ได้ปกป้องทีมงาน และนักกีฬา แต่เป็นหลักการทำงานของตน และพร้อมชี้แจงการทำงาน ตลอดระยะเวลา 2 ปี เพราะฉะนั้นวันนี้บอกเลยว่ายังไม่คิด หรือตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น ตราบใดที่ยังไม่ได้ฟังเหตุผลจากโค้ชทีมงานผู้ฝึกสอน หรือนักกีฬาก่อน เชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่มีเหตุผลและจะเข้าใจ

วาทกรรม 3 : "ผลการแข่งขันเมื่อวานนี้เป็นเรื่องปกติของฟุตบอลที่มีแพ้มีชนะ ยังไม่ฟูลทีม! สมยศยันใช้เอเชียนคัพวัดผลงานราเยวัช"
   ประมุขลูกหนังไทย ยืนยันเตรียมประเมินผลงานโค้ชชาวเซอร์เบียในเอเชียนคัพเดือนหน้าตามที่เคยพูดไว้ แม้จะเพิ่งทำทีมตกรอบซูซูกิคัพ
พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ออกมายืนยันอีกครั้ง เตรียมประเมินผลงานของมิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่ในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลเอเชียนคัพ 2019 แม้จะเพิ่งพลาดท่าตกรอบชิงแชมป์อาเซียนไปเมื่อวานนี้ ( 5 ธันวาคม)
   ช้างศึกไม่สามารถผ่านเข้าไปรอบชิงชนะเลิศป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพได้สำเร็จ หลังจากทำได้เพียงเสมอกับมาเลเซีย 2-2 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ส่งผลให้ไทยต้องตกรอบด้วยกฎประตูทีมเยือน
   ด้านนายกกีฬาฟุตบอลได้ออกมาเผยว่า “ผลการแข่งขันเมื่อวานนี้เป็นเรื่องปกติของฟุตบอลที่มีแพ้มีชนะ การประเมินผลงานของราเยวัชนั้น จะมีขึ้นหลังจบทัวร์นาเมนต์เอเชียนคัพแล้ว”
  “เหตุผลที่ประเมินผลงานในช่วงมกราคมปีหน้า เนื่องจากนักเตะที่ใช้ทำการแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ นั้น เราไม่ได้ถือว่าเป็นชุดฟูลทีม เพราะเราไม่สามารถใช้นักเตะที่ไปค้าแข้งอยู่ต่างประเทศ 4 คนได้ จึงเป็นเหตุที่เราไม่นำมาชี้วัดผลงานครั้งนี้ได้”
    สำหรับทีมชาติไทยจะมีโปรแกรมการแข่งขันเอเชียนคัพ ระหว่างวันที่ 5 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2562 โดยไทยอยู่ในสายเอ ร่วมกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เจ้าภาพ), บาห์เรน และอินเดีย
1.กรณีคดบอลโลกโซนเอเชีย : https://www.khaosod.co.th/sports/news_1918094
2.กรณีเอเชียนเกมส์ : https://www.springnews.co.th/news/331722
3.กรณี AFF 2018 : https://www.goal.com/th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%A1-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%9E%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A/ihhztswr5yxo121i5bsqe2ntw
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่