เรื่อง เด็กอาชีวะ
บทประพันธ์ เกรียงศักดิ์-เจษฎา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เรื่องสั้น
เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งเดินปรี่เข้ามากันในบริเวณของป้ายรถเมล์ ทำเอาคนอีกกลุ่มสะดุ้งเมื่อเห็นว่ากลุ่มคนที่เดินมา เป็นเด็กอาชีวะ ในมือ
พร้อมกับไม้และอุปกรณ์ที่จะไปตีกัน หลายคนเดินถอยห่างจากเด็กกลุ่มนั้น รวมทั้งผมด้วย ผมหลบตัวอยู่ในซอกข้างตู้โทรศัพท์สาธารณะ เกรงว่าพวกมันจะ
เห็นว่าผมหลบอยู่ ไม่นานเสียงกลุ่มคนอีกกลุ่มก็ดังขึ้น เหมือนจะเกิดการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น ผมคิดจะหนี แต่จะออกไปตอนนี้ก็ไม่ได้ พวกมันรุมล้อมอยู่
เต็มไปหมด เด็กอาชีวะอีกฝ่าย ถือไม้หน้าสาม มีด ดาบ สปาร์ตา และอะไรต่อมิอะไรที่พวกมันจะเตรียมสรรหามารบราฆ่าฟันฝั่งตรงข้ามได้ ผมยืนตัวสั่น
ผู้คนที่เคยรายล้อมรอบ หายไปหมด เด็กกลุ่มนี้ทำไมมันไม่คิดถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่บ้างเลย ผมได้แต่คิดในใจ แต่ก็สังเวชตัวเองไม่ได้ ที่ไม่สามารถหลบ
ออกไปจากตรงนี้ได้ เด็กพวกนั้นวิ่งกรูกันเข้ามา คนหนึ่งน่าจะเป็นหัวโจก วิ่งเข้ามาถือไม้ยาวเตรียมตัวพร้อมรบ พร้อมกับพรรคพวกที่กรูเกรียววิ่งปะทะ อีก
ฝ่ายก็เข้าสวนทันที เกิดการจราจลกันอย่างในภาพยนต์ไม่มีผิด เด็กพวกนั้น เอาไม้ฟาด ตีแบบบ้าคลั่งบางคนหนีหัวซุกหัวซุง เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนเลือดสี
แดง ไหลเต็มหัว ปากเจ่อ รวมไปถึงบางคนสลบลงไปนอนกลิ้งบนถนน มีดแหลมยาวถูกดึงออกมา และฟาดฟัน เสมือนว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นอริศรัตรูกัน
ตั้งแต่ชาติปางก่อน ผมยสยดสยอง ขาแข็งก้าวไม่ออก ยืนหลบมุมอยู่ที่ตู้โทรศัพท์นั้น ไม่กล้าโผล่หัวออกไป เกรงว่าจะมีคนมาเห็น เสียงร้องโหยหวนด้วย
ความเจ็บของเด็กอาชีวะที่โดนตี ล้มไปนอน ช่างสังเวชใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ผมดูพวกนั้น แม้จะไม่อยาหเห็นภาพๆเหล่านั้นก็ตาม เด็กคนหนึ่งวิ่งมา
ทางผม และเบียดร่างเข้ามา ผมเห็นเลือดของเด็กคนนั้นไหล่ซึมไปทั่วร่าง ผมแทบกรีดร้องแต่กลัวว่ามีคนได้ยิน แม้ผมจะเป็นชายชาตรี ชาติทหารเพียงใด
แต่ ณ เวลานั้นผมก็ขาสั่น ปัสสาวะแทบราดด้วยซ้ำไป ผมไม่รู้หรอกว่า เด็กชายคนนั้นมาหลบหลังตู้แบบผมนานเท่าใด แต่เด็กคนนั้น มีแววตากลัวสุดชีวิต
ก็คงกำลังหนีตาย จะไม่กลัวได้อย่างไร เสียงของเด็กกลุ่มนั้นค่อยๆห่างออกไปจากป้ายรถเมล์ ผมทำท่าโล่งใจ หันกลับมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะช่วยเด็กคน
นั้น แต่แล้วผมก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเด็กคนนั้นอันตธานหายไปแล้ว หายไปได้อย่างไร ? ผี ผีหรือ ผมคิดในใจ เสียงด้านนอกถนน มีคนวิ่งวุ่นวาย ผมโผล่
หัวออกไปมองอย่างตกใจ เสียงของใครคนหนึ่งตะโกนใส่โทรโข่งดังลั่นว่า
“คัท ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆใครว่ะไปหลบตรงตู้โทรศัพท์ ถ่ายใหม่โว้ย”
พร้อมกับพนักงานคนหนึ่ง วิ่งมาหาผม “อ้าว ไม่รู้หรอ เขาถ่ายหนังกันอยู่”
ผมเกาหัวแกกแก้เขิน และทำหน้ายิ้มเหมือนอาแป๊ะ เดินออกไปด้วยความอับอาย
จบ
เรื่องสั้น "เด็กอาชีวะ"
บทประพันธ์ เกรียงศักดิ์-เจษฎา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เรื่องสั้น
เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งเดินปรี่เข้ามากันในบริเวณของป้ายรถเมล์ ทำเอาคนอีกกลุ่มสะดุ้งเมื่อเห็นว่ากลุ่มคนที่เดินมา เป็นเด็กอาชีวะ ในมือ
พร้อมกับไม้และอุปกรณ์ที่จะไปตีกัน หลายคนเดินถอยห่างจากเด็กกลุ่มนั้น รวมทั้งผมด้วย ผมหลบตัวอยู่ในซอกข้างตู้โทรศัพท์สาธารณะ เกรงว่าพวกมันจะ
เห็นว่าผมหลบอยู่ ไม่นานเสียงกลุ่มคนอีกกลุ่มก็ดังขึ้น เหมือนจะเกิดการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น ผมคิดจะหนี แต่จะออกไปตอนนี้ก็ไม่ได้ พวกมันรุมล้อมอยู่
เต็มไปหมด เด็กอาชีวะอีกฝ่าย ถือไม้หน้าสาม มีด ดาบ สปาร์ตา และอะไรต่อมิอะไรที่พวกมันจะเตรียมสรรหามารบราฆ่าฟันฝั่งตรงข้ามได้ ผมยืนตัวสั่น
ผู้คนที่เคยรายล้อมรอบ หายไปหมด เด็กกลุ่มนี้ทำไมมันไม่คิดถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่บ้างเลย ผมได้แต่คิดในใจ แต่ก็สังเวชตัวเองไม่ได้ ที่ไม่สามารถหลบ
ออกไปจากตรงนี้ได้ เด็กพวกนั้นวิ่งกรูกันเข้ามา คนหนึ่งน่าจะเป็นหัวโจก วิ่งเข้ามาถือไม้ยาวเตรียมตัวพร้อมรบ พร้อมกับพรรคพวกที่กรูเกรียววิ่งปะทะ อีก
ฝ่ายก็เข้าสวนทันที เกิดการจราจลกันอย่างในภาพยนต์ไม่มีผิด เด็กพวกนั้น เอาไม้ฟาด ตีแบบบ้าคลั่งบางคนหนีหัวซุกหัวซุง เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนเลือดสี
แดง ไหลเต็มหัว ปากเจ่อ รวมไปถึงบางคนสลบลงไปนอนกลิ้งบนถนน มีดแหลมยาวถูกดึงออกมา และฟาดฟัน เสมือนว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นอริศรัตรูกัน
ตั้งแต่ชาติปางก่อน ผมยสยดสยอง ขาแข็งก้าวไม่ออก ยืนหลบมุมอยู่ที่ตู้โทรศัพท์นั้น ไม่กล้าโผล่หัวออกไป เกรงว่าจะมีคนมาเห็น เสียงร้องโหยหวนด้วย
ความเจ็บของเด็กอาชีวะที่โดนตี ล้มไปนอน ช่างสังเวชใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ผมดูพวกนั้น แม้จะไม่อยาหเห็นภาพๆเหล่านั้นก็ตาม เด็กคนหนึ่งวิ่งมา
ทางผม และเบียดร่างเข้ามา ผมเห็นเลือดของเด็กคนนั้นไหล่ซึมไปทั่วร่าง ผมแทบกรีดร้องแต่กลัวว่ามีคนได้ยิน แม้ผมจะเป็นชายชาตรี ชาติทหารเพียงใด
แต่ ณ เวลานั้นผมก็ขาสั่น ปัสสาวะแทบราดด้วยซ้ำไป ผมไม่รู้หรอกว่า เด็กชายคนนั้นมาหลบหลังตู้แบบผมนานเท่าใด แต่เด็กคนนั้น มีแววตากลัวสุดชีวิต
ก็คงกำลังหนีตาย จะไม่กลัวได้อย่างไร เสียงของเด็กกลุ่มนั้นค่อยๆห่างออกไปจากป้ายรถเมล์ ผมทำท่าโล่งใจ หันกลับมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะช่วยเด็กคน
นั้น แต่แล้วผมก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเด็กคนนั้นอันตธานหายไปแล้ว หายไปได้อย่างไร ? ผี ผีหรือ ผมคิดในใจ เสียงด้านนอกถนน มีคนวิ่งวุ่นวาย ผมโผล่
หัวออกไปมองอย่างตกใจ เสียงของใครคนหนึ่งตะโกนใส่โทรโข่งดังลั่นว่า
“คัท ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆใครว่ะไปหลบตรงตู้โทรศัพท์ ถ่ายใหม่โว้ย”
พร้อมกับพนักงานคนหนึ่ง วิ่งมาหาผม “อ้าว ไม่รู้หรอ เขาถ่ายหนังกันอยู่”
ผมเกาหัวแกกแก้เขิน และทำหน้ายิ้มเหมือนอาแป๊ะ เดินออกไปด้วยความอับอาย
จบ