ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่รับถุงพลาสติกมานานแล้ว
และก็เคร่งมาก ๆมาสองปี แต่บางครั้งก็ต้องรับถุงบ้าง
เพื่อกันถูกหาว่าหยิบของออกมาจากห้างเฉยๆ
ประสบการณ์ที่ทำให้ผมตื่นตระหนกจนเป็นจุดเริ่มต้นคือ
วันหนึ่งผมเจอกับเพื่อนเก่าๆ 4-5 คน ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง
เลยไปซื้ออาหารจากตลาดนัดใกล้ๆ มานั่งกินกัน
ผลคือมีถุงพลาสติกที่เป็นขยะ กองเป็นภูเขา ประมาณหนึ่งถังขยะเต็มๆ
เพราะอาหารตลาดนัดมักมีทั้งถุงใหญ่ ถุงเล็กที่แยกออกเป็นชิ้นละถุง ถุงน้ำจิ้ม ฯลฯ
ที่ประหลาดคือในชีวิตจริงผมไม่เคยพบคนอื่นอีกเลยที่ไม่เอาถุง
มีแต่เพื่อนตามพันทิปกับเฟสบุ๊คเท่านั้นที่พบว่าไม่รับถุง
ในวันสิ่งแวดล้อมไทยนี้ ผมเลยลองสังเกตการณ์ดูว่าสังคมไทย
เปลี่ยนไปมากไหม
เริ่มต้นด้วยตอนเช้า ผมเข้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ซึ่งใหญ่หน่อยและมีที่จอดรถ
เมื่อผมจอดรถเสร็จ ข้างๆผมซึ่งเป็นที่จอดรถคนพิการ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเข้าจอดพอดี
คือเริ่มต้นก็ดูว่าเธอจะไม่ใช่ฝ่ายธรรมะเสียแล้ว
เมื่อถึงคิวจ่ายเงิน ผมก็รอเป็นคนที่สาม คนแรกคือสาวที่จอดรถที่คนพิการ
ขอชมพนักงาน เธออธิบายอย่างละเอียดเลยว่า วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมไทย
ไม่รับถุงก็ดีนะ
เหมือนที่คิด สาวคนนั้นหงุดหงิดและขอถุงเพิ่มเลย เป็นถุงของร้อน
ของเย็น และของใช้ รวมทั้งยังเดินไปเลือกของเพิ่มอีกนาน ทุกอย่างต้องใส่ถุงขั้นนอก
ส่วนคนที่สองเป็นวัยรุ่นที่ซื้อไอศครีมเพียงแท่งเดียว พนักงานก็อธิบายอีก แต่วัยรุ่นก็ขอถุงจนได้
เป็นแบบ “ถุง 10 วิ” คือเมื่อได้ถุงก็เดินออกหน้าร้านแล้วโยนทิ้งเลย
เมื่อถึงคิวผม พนักงานตื่นเต้นมาก คงเป็นคนแรกที่ไม่เอาถุง
บ่ายผมก็ไปห้างแห่งหนึ่ง ที่ห้างนี้พนักงานไม่พูดเรื่องถุงพลาสติกเลย และไม่พบคนที่ไม่เอาถุงแม้แต่คนเดียว
แต่เมื่อผมโชว์ถุงผ้า ก็พบว่าพนักงานดีใจมาก และพูดเรื่องสิ่งแวดล้อมยกใหญ่คล้ายกับผมเป็นคนแรกเช่นกัน
บ่ายผมเข้าร้านสะดวกซื้ออีกร้านหนึ่ง ก็พบว่ามีลูกค้าคนหนึ่งที่ไม่เอาถุง อาจเพราะซื้อชิ้นเดียว
พนักงานเลยแนะนำให้ไม่เอาถุง
วันนี้ ผมไปตลาดสด และพยายามไม่เอาถุงเช่นเคย แต่แม่ค้าก็ไม่ยอม พยายามจะให้ถุงให้ได้
(พบได้บ่อย เพราะแม่ค้าถือว่าการให้ถุงเป็น “มารยาทสังคม” อย่างหนึ่ง
บางคนถึงกับพยายามชวนคุยและค่อยๆ เอาของใส่ถุงให้ ในระหว่างที่ผมเผลอ)
จนเมื่อผมให้ดูถุงผ้า แม่ค้าเข้าใจทันที ดูง่ายกว่าการพูดยาวๆ
สรุปว่า
1.ผมเจอคนอื่นที่ไม่เอาถุงพลาสติก อีกคนหนึ่ง ในวันสิ่งแวดล้อมไทย
2. การใช้ถุงผ้า ทำให้สื่อสารง่ายกว่าการพูด
2.ผมสังเกตว่าหลายคนทำท่าเหมือนไม่เคยรับรู้เลยว่า มีกระแสไม่เอาถุงพลาสติกเกิดขึ้นในสังคม
ในอดีตตอนที่ผมทำงานให้สุขศึกษา พบว่าคนไทยจะคล้ายๆกับมีปุ่ม Automatic shutdown
ซึ่งจะปิดกั้นการทำงานของสมองทันทีที่ รับฟังเรื่องเชิงอุดมคติ โลกสวย หรือดูแปลกจากคนอื่น
ซึ่งผมคิดว่าคนประเภทนี้อาจต้องการผู้นำหลายๆคน แล้วจึงจะทำตาม
วันสิ่งแวดล้อมไทยที่ผ่านมา มีใครเจอประสบการณ์แปลกๆเกี่ยวกับการไม่รับถุงพลาสติกบ้าง
และก็เคร่งมาก ๆมาสองปี แต่บางครั้งก็ต้องรับถุงบ้าง
เพื่อกันถูกหาว่าหยิบของออกมาจากห้างเฉยๆ
ประสบการณ์ที่ทำให้ผมตื่นตระหนกจนเป็นจุดเริ่มต้นคือ
วันหนึ่งผมเจอกับเพื่อนเก่าๆ 4-5 คน ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง
เลยไปซื้ออาหารจากตลาดนัดใกล้ๆ มานั่งกินกัน
ผลคือมีถุงพลาสติกที่เป็นขยะ กองเป็นภูเขา ประมาณหนึ่งถังขยะเต็มๆ
เพราะอาหารตลาดนัดมักมีทั้งถุงใหญ่ ถุงเล็กที่แยกออกเป็นชิ้นละถุง ถุงน้ำจิ้ม ฯลฯ
ที่ประหลาดคือในชีวิตจริงผมไม่เคยพบคนอื่นอีกเลยที่ไม่เอาถุง
มีแต่เพื่อนตามพันทิปกับเฟสบุ๊คเท่านั้นที่พบว่าไม่รับถุง
ในวันสิ่งแวดล้อมไทยนี้ ผมเลยลองสังเกตการณ์ดูว่าสังคมไทย
เปลี่ยนไปมากไหม
เริ่มต้นด้วยตอนเช้า ผมเข้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ซึ่งใหญ่หน่อยและมีที่จอดรถ
เมื่อผมจอดรถเสร็จ ข้างๆผมซึ่งเป็นที่จอดรถคนพิการ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเข้าจอดพอดี
คือเริ่มต้นก็ดูว่าเธอจะไม่ใช่ฝ่ายธรรมะเสียแล้ว
เมื่อถึงคิวจ่ายเงิน ผมก็รอเป็นคนที่สาม คนแรกคือสาวที่จอดรถที่คนพิการ
ขอชมพนักงาน เธออธิบายอย่างละเอียดเลยว่า วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมไทย
ไม่รับถุงก็ดีนะ
เหมือนที่คิด สาวคนนั้นหงุดหงิดและขอถุงเพิ่มเลย เป็นถุงของร้อน
ของเย็น และของใช้ รวมทั้งยังเดินไปเลือกของเพิ่มอีกนาน ทุกอย่างต้องใส่ถุงขั้นนอก
ส่วนคนที่สองเป็นวัยรุ่นที่ซื้อไอศครีมเพียงแท่งเดียว พนักงานก็อธิบายอีก แต่วัยรุ่นก็ขอถุงจนได้
เป็นแบบ “ถุง 10 วิ” คือเมื่อได้ถุงก็เดินออกหน้าร้านแล้วโยนทิ้งเลย
เมื่อถึงคิวผม พนักงานตื่นเต้นมาก คงเป็นคนแรกที่ไม่เอาถุง
บ่ายผมก็ไปห้างแห่งหนึ่ง ที่ห้างนี้พนักงานไม่พูดเรื่องถุงพลาสติกเลย และไม่พบคนที่ไม่เอาถุงแม้แต่คนเดียว
แต่เมื่อผมโชว์ถุงผ้า ก็พบว่าพนักงานดีใจมาก และพูดเรื่องสิ่งแวดล้อมยกใหญ่คล้ายกับผมเป็นคนแรกเช่นกัน
บ่ายผมเข้าร้านสะดวกซื้ออีกร้านหนึ่ง ก็พบว่ามีลูกค้าคนหนึ่งที่ไม่เอาถุง อาจเพราะซื้อชิ้นเดียว
พนักงานเลยแนะนำให้ไม่เอาถุง
วันนี้ ผมไปตลาดสด และพยายามไม่เอาถุงเช่นเคย แต่แม่ค้าก็ไม่ยอม พยายามจะให้ถุงให้ได้
(พบได้บ่อย เพราะแม่ค้าถือว่าการให้ถุงเป็น “มารยาทสังคม” อย่างหนึ่ง
บางคนถึงกับพยายามชวนคุยและค่อยๆ เอาของใส่ถุงให้ ในระหว่างที่ผมเผลอ)
จนเมื่อผมให้ดูถุงผ้า แม่ค้าเข้าใจทันที ดูง่ายกว่าการพูดยาวๆ
สรุปว่า
1.ผมเจอคนอื่นที่ไม่เอาถุงพลาสติก อีกคนหนึ่ง ในวันสิ่งแวดล้อมไทย
2. การใช้ถุงผ้า ทำให้สื่อสารง่ายกว่าการพูด
2.ผมสังเกตว่าหลายคนทำท่าเหมือนไม่เคยรับรู้เลยว่า มีกระแสไม่เอาถุงพลาสติกเกิดขึ้นในสังคม
ในอดีตตอนที่ผมทำงานให้สุขศึกษา พบว่าคนไทยจะคล้ายๆกับมีปุ่ม Automatic shutdown
ซึ่งจะปิดกั้นการทำงานของสมองทันทีที่ รับฟังเรื่องเชิงอุดมคติ โลกสวย หรือดูแปลกจากคนอื่น
ซึ่งผมคิดว่าคนประเภทนี้อาจต้องการผู้นำหลายๆคน แล้วจึงจะทำตาม