จดหมายเหตุ ฟุตบอลไทย ร.ศ.237 (พ.ศ.2561)
วันนี้ขอชื่นชมนักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่เล่นได้ตามแผนที่โค้ชได้ว่าเอาไว้ทุกคน
วันนี้เป็นวันที่ฟุตบอลไทยตกรอบ AFF Suzuki Cup 2018 ในรอบรองชนะเลิศ โดยรวมผล 2 นัด 2-2 โดยนัดแรกเราไปเยือนเสมอมา 0-0 และกลับมาเตะที่ไทย 2-2 โดยกฎประตูทีมเยือน ทำให้เราตกรอบ จากการที่มาเลเซีย มายิงได้ในบ้านของเรา
วันนี้จึงทำให้ใครหลายๆคนผิดหวัง และนอย ผมก็เช่นกัน
หากเรามองในเรื่องของนักเตะก็อาจจะดูเป็นการก้าวล่วงโค้ชเกินไป ผมก็จะไม่ขอบรรยายมา ณ ที่นี้ เพราะการคัดสรรนักเตะนั้น เป็นความชอบธรรม และเป็นสิทธิ์ของหัวหน้าผู้ฝึกสอนมิโลวาน ลาเยวัช
เรามาดูถึงสไตร์การเล่น และวิจารณ์ตรงนี้ดีกว่า จากการที่ได้สังเกตุการทำทีมและรูปแบบของการเล่นของทีมชาติไทยยุคนี้ต้องบอกว่า เป็นรูปแบบรับและโต้กลับ ในการหวังผลทุกลูกและใช้จังหวะในการทำเกมส์น้อย เรามีกองหลังที่เหนียวแน่น ตัวใหญ่สูงและสามารถเข้าปะทะกับกองหน้าได้อย่างสบายๆจนได้สมญานามใหม่ว่า รถบัสไทยแลนด์
แต่เมื่อมาดูแดนกลาง โดยรวมแล้วผู้เล่นแดนกลางต้องเป็นคนที่ต้องขยัน สร้างสรรเกมส์ และมีจินตนาการ เพราะแดนกลางคือแดนสำคัญที่จะสร้างโอกาสต่อทีมและความทำให้ทีมเสียหายได้ในเวลาเดียวกัน แต่เมื่อมองดูแล้ว แดนกลางเรายังไม่สามารถสร้างสรรเกมส์ได้ ผู้เล่นบางคนยังไม่เข้าใจของรูปแบบ ว่า การเล่นเกมส์รับและโต้กลับเป็นแบบนั้น เพราะ โค้ชมาสร้างรูปแบบให้นักเตะแต่ นักฟุตบอลของทีมชาติไทยไม่เคยมีประสบการณ์ของการเล่นลูกตั้งรับและโต้กลับ เพราะรูปร่างของนักฟุตบอลกองกลางและกองหน้า ไม่สูงใหญ่และหนา ที่สามารถเก็บบอลพลิกหลบ เบียดกระแทกได้ จึงทำให้เราเห็นถึง การที่กองกลางและหน้าเรา พาบอลไป และบอลเด้งกลับ เพราะทีมอื่นๆ ที่แข็งๆ เขาก็มีเกมส์รับและผู้เล่นกองหลังที่ตัวใหญ่เหมือนกัน
จึงทำให้เห็นการทำประตูของทีมชาติไทยชุดนี้ เป็นแบบลูกตั้งเตะ โดยคีย์แมน สำคัญ คือกองหลังเซ็นเตอร์ 2 คน ที่ตัวสูงใหญ่ ออกมาโหม่งได้ ถึง 4-5 ครั้งต่อเกมส์ มันทำให้แสดงถึงว่า เราพึ่งพากองหลังที่ทำหน้าที่ 2 อย่างคือ โหม่งทำประตูและ ตั้งรับได้ ทำให้บทบาทกองหน้าและกลางดูไม่โดเด่น จนไม่มีเป็นคีย์หลักสำคัญที่เทียบเท่า กลางกลางที่ไปค้าแข็งเจลีกได้
วันนี้ผ่านไป ศรัทธาของกองเชียร์ไม่ได้หายไปไหน มันยังอยู่เหมือนเดิม แต่กองเชียร์รู้สึกประหลาดใจต่อรูปแบบการเล่น จนรู้สึกอึดอัดกับการเดินเกมส์ใน 90 นาที การที่บอลเล่นไป โดยมีการครองบอลที่น้อย และการยิงประตูในแต่ละนัดมีไม่ถึง 10 ครั้ง มันทำให้การดูบอลมันอึดอัดไปหมด เพราะในเมื่อฟุตบอลครองเกมส์น้อย ยิงน้อย การชิงจังหวะในแดนการคือความสำคัญ
วันนี้มันคงเป็นฝันร้ายอีกปีของบอลไทย ยิ่งถ้าเรามองไปถึงทัวนาเมนท์หน้าในการแข่งขันในระดับ เอเซีย มันทำให้เรากองเชียร์กังวล ว่าเหตุการณ์แบบนี้ จะเป็นอีกเรื่อยๆ ในรูปแบบที่เราอึดอัด จนทำให้กองเชียร์ ฮาเซ็งคิง ก็เป็นได้
5/12/61
จดหมายเหตุ ฟุตบอลไทย ร.ศ.237 (พ.ศ.2561) AFF Suzuki Cup 2018
วันนี้ขอชื่นชมนักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่เล่นได้ตามแผนที่โค้ชได้ว่าเอาไว้ทุกคน
วันนี้เป็นวันที่ฟุตบอลไทยตกรอบ AFF Suzuki Cup 2018 ในรอบรองชนะเลิศ โดยรวมผล 2 นัด 2-2 โดยนัดแรกเราไปเยือนเสมอมา 0-0 และกลับมาเตะที่ไทย 2-2 โดยกฎประตูทีมเยือน ทำให้เราตกรอบ จากการที่มาเลเซีย มายิงได้ในบ้านของเรา
วันนี้จึงทำให้ใครหลายๆคนผิดหวัง และนอย ผมก็เช่นกัน
หากเรามองในเรื่องของนักเตะก็อาจจะดูเป็นการก้าวล่วงโค้ชเกินไป ผมก็จะไม่ขอบรรยายมา ณ ที่นี้ เพราะการคัดสรรนักเตะนั้น เป็นความชอบธรรม และเป็นสิทธิ์ของหัวหน้าผู้ฝึกสอนมิโลวาน ลาเยวัช
เรามาดูถึงสไตร์การเล่น และวิจารณ์ตรงนี้ดีกว่า จากการที่ได้สังเกตุการทำทีมและรูปแบบของการเล่นของทีมชาติไทยยุคนี้ต้องบอกว่า เป็นรูปแบบรับและโต้กลับ ในการหวังผลทุกลูกและใช้จังหวะในการทำเกมส์น้อย เรามีกองหลังที่เหนียวแน่น ตัวใหญ่สูงและสามารถเข้าปะทะกับกองหน้าได้อย่างสบายๆจนได้สมญานามใหม่ว่า รถบัสไทยแลนด์
แต่เมื่อมาดูแดนกลาง โดยรวมแล้วผู้เล่นแดนกลางต้องเป็นคนที่ต้องขยัน สร้างสรรเกมส์ และมีจินตนาการ เพราะแดนกลางคือแดนสำคัญที่จะสร้างโอกาสต่อทีมและความทำให้ทีมเสียหายได้ในเวลาเดียวกัน แต่เมื่อมองดูแล้ว แดนกลางเรายังไม่สามารถสร้างสรรเกมส์ได้ ผู้เล่นบางคนยังไม่เข้าใจของรูปแบบ ว่า การเล่นเกมส์รับและโต้กลับเป็นแบบนั้น เพราะ โค้ชมาสร้างรูปแบบให้นักเตะแต่ นักฟุตบอลของทีมชาติไทยไม่เคยมีประสบการณ์ของการเล่นลูกตั้งรับและโต้กลับ เพราะรูปร่างของนักฟุตบอลกองกลางและกองหน้า ไม่สูงใหญ่และหนา ที่สามารถเก็บบอลพลิกหลบ เบียดกระแทกได้ จึงทำให้เราเห็นถึง การที่กองกลางและหน้าเรา พาบอลไป และบอลเด้งกลับ เพราะทีมอื่นๆ ที่แข็งๆ เขาก็มีเกมส์รับและผู้เล่นกองหลังที่ตัวใหญ่เหมือนกัน
จึงทำให้เห็นการทำประตูของทีมชาติไทยชุดนี้ เป็นแบบลูกตั้งเตะ โดยคีย์แมน สำคัญ คือกองหลังเซ็นเตอร์ 2 คน ที่ตัวสูงใหญ่ ออกมาโหม่งได้ ถึง 4-5 ครั้งต่อเกมส์ มันทำให้แสดงถึงว่า เราพึ่งพากองหลังที่ทำหน้าที่ 2 อย่างคือ โหม่งทำประตูและ ตั้งรับได้ ทำให้บทบาทกองหน้าและกลางดูไม่โดเด่น จนไม่มีเป็นคีย์หลักสำคัญที่เทียบเท่า กลางกลางที่ไปค้าแข็งเจลีกได้
วันนี้ผ่านไป ศรัทธาของกองเชียร์ไม่ได้หายไปไหน มันยังอยู่เหมือนเดิม แต่กองเชียร์รู้สึกประหลาดใจต่อรูปแบบการเล่น จนรู้สึกอึดอัดกับการเดินเกมส์ใน 90 นาที การที่บอลเล่นไป โดยมีการครองบอลที่น้อย และการยิงประตูในแต่ละนัดมีไม่ถึง 10 ครั้ง มันทำให้การดูบอลมันอึดอัดไปหมด เพราะในเมื่อฟุตบอลครองเกมส์น้อย ยิงน้อย การชิงจังหวะในแดนการคือความสำคัญ
วันนี้มันคงเป็นฝันร้ายอีกปีของบอลไทย ยิ่งถ้าเรามองไปถึงทัวนาเมนท์หน้าในการแข่งขันในระดับ เอเซีย มันทำให้เรากองเชียร์กังวล ว่าเหตุการณ์แบบนี้ จะเป็นอีกเรื่อยๆ ในรูปแบบที่เราอึดอัด จนทำให้กองเชียร์ ฮาเซ็งคิง ก็เป็นได้
5/12/61