จากกรณีที่ สำนักข่าว ABS-CBN ฟิลิปปินส์ รายงานว่า ผู้ผลิตรายการโชว์ในฟิลิปปินส์ วิลเบิร์ต โทเลนติโน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึง สิตางศุ์ บัวทอง เน็ตไอดอลสาวสองคนดังของไทย ว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฟิลิปปินส์ได้อนุมัติคำร้องขอขึ้นบัญชีดำ สิตางศุ์ ห้ามเดินทางเข้าประเทศ ในฐานะ “บุคคลต่างด้าวซึ่งไม่เป็นที่ต้อนรับ” เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอ ‘สิตางศุ์ เนตไอดอล’ ชื่อดัง จึงได้ขอสัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดนแบล็กลิสต์ ที่ฟิลิปปินส์มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น?
“ฟังแล้วเรื่องมันดูแรงมาก โดนแบล็กลิสต์จากฟิลิปปินส์ แต่ถ้าคนรู้รายละเอียดจะเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วมาก
เพราะมีบริษัทอีก 2 บริษัท ที่ฟิลิปปินส์เขาบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราไม่ได้เซ็นสัญญากับเขา เหมือนเขายื่นเอกสารปลอม ว่าเขาเสียหายอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้าฉันผิดสัญญาจริงเขาฟ้องฉันได้ เพราะว่าฉันไม่ได้เซ็นสัญญาตัวนั้น ฉันโพสต์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันได้เซ็นสัญญา แล้วเขาก็เอาลูกน้องเขา ทำเฟซบุ๊กปลอม มาด่าหน้าเฟซฉัน แฟนคลับที่เป็นฟิลิปปินส์ เขาก็ไปอธิบายว่าทำให้เสียชื่อประเทศนะ”
“ซึ่งเราไม่สนใจ เพราะเรามีประเทศอื่นจองคิวอีกตั้งเยอะ ทางบริษัทนี้ เขาก็ยังตามไปป่วนประเทศอื่น ที่เขาจะมาจ้างเราอีก ไปป่วนมาเลเซีย แต่ไม่มีใครเขาฟังแล้ว ทุกคนจะรอดูว่าจะเล่นไม้ไหนอีก ข่าวที่เขากล้าลงว่าเป็นคำสั่งศาลประเทศเขา ทำให้ศาลประเทศเขาขาดความน่าเชื่อถือเลยนะ ไม่มาตรวจสอบเรา แล้วมาแบล็กลิสต์เลย เราก็ไม่รู้หรอกว่าเราไปโดนจริงๆ หรือเปล่า แต่ข่าวที่เรากดไปดู แล้วก็มีเฟซบุ๊กปลอมด้วย แต่ก็ยังมีอีก 2 บริษัท ติดต่อฉันมาอีก แต่ฉันไม่กล้าไป ฉันขอไปรับงานที่กัมพูชาก่อน”
มันเกิดปัญหามาจากอะไร?
“อันนี้มันไม่ใช่ปัญหานะ ถ้าเขาเป็นนักธุรกิจจริง เขาใช้ชื่อเรา หน้าเรา แล้วจะผลิตสินค้าอิมพอร์ต มาขายในไทยไม่ได้ เขาต้องมาขอใบอนุญาตที่ไทย ก็คุยกันตามนี้ ว่าฉันจะผลิตของฉันเอง แต่เขาก็ดันมาผลิตดักหน้าฉันก่อน ฉันก็บอกว่าฉันจะช่วยขาย แต่ฉันไม่ปลื้ม เขาจ้างเราไปโชว์ที่ผับ 2 คืน กลายเป็นโชว์ตัวกลางวัน แล้วทำว่ามีสินค้าเซอร์ไพรส์ ไอเลิฟยู แล้วฉันจะไปปลื้มเขามั้ย เขาไม่ถามเราก่อน ว่าเราต้องการมั้ย เพราะเราจะทำแบรนด์ของเราอยู่ที่เมืองไทย แล้วเขาก็มาล็อกตัว บอกอันนี้ยกให้ยูนะ เอาไป 70 เปอร์เซ็นต์ 30 เปอร์เซ็นต์ ให้คนงาน งานเขาคืองานอีเวนต์ เขาทำบาร์โชว์ตัว 2 บาร์ เราก็เชื่อตามนั้น พอจะทำสัญญาจริงๆ กลับไม่มีเลย กลับกลายว่าเราไปขอบ้าน ขอทำไม บ้านฉันก็มี แต่จะขอเงินจากสำนักงานคุณไง ในเมื่อคุณผลิตเป็นหน้าเรา แล้วในไทยถ้าเราผลิตคนจะเชื่อเรามั้ย มาเจอภาษีในไทยฉันก็ตายสิ”
เหมือนหลอกเอารูปเราไปค้ากำไร?
“ใช่ แล้วทำสัญญาเสร็จ ฉันต้องไปฟิลิปปินส์เลย แล้วครอบครัวฉันล่ะ แล้วเซ็นสัญญา 5 ปี ไม่มีเงินให้เลย 5 ปี ฉันต้องรอรายได้จากการโชว์ตัว ได้ 70 เปอร์เซ็นต์ การโชว์ตัวนี่ก็จองผ่านฉันมาหมดแล้ว ฉันต้องโอนงาน โอนเงินไปให้เขา 30 เปอร์เซ็นต์อีกทำไม นี่เดี๋ยวเราก็จะออกงานต่างประเทศอีก เพื่อให้เขารู้ว่าอย่ามาแทรกในชีวิตกันอย่างนี้สิ แต่งเรื่องเองเออเอง จะมาทำลายฉันทำลายฉันไม่ได้หรอกเพราะฟิลิปปินส์ไม่ใช่ตลาดใหญ่ของฉัน”
เราไปตกลงคุยธุรกิจกับเขามานานแค่ไหน?
“เราไม่เคยคุยเรื่องธุรกิจกับเขา เขาจ้างเราไปโชว์ตัว 2 คืน พอไปถึงก็มีสินค้าเราเลย เขาเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วว่าจะมัดมือชกเรา ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปเซ็นเอกสารอะไรเลย เราตั้งใจไปโชว์ตัวคืนละงาน แต่กลายเป็นว่าต้องออกงานกลางวันด้วย ต่อด้วยกลางคืนอีก ฉันแทบตาย เราไปครั้งนั้นก็ได้เงิน จ้าง 2 แสน ต่อ 1.5 แสน ก็ไม่เป็นไร ฉันอยากไปดูว่าเป็นยังไง ฉันก็ให้โอกาสตัวเอง แต่พอไปเจอไปเห็นแล้วมันไม่จริง มันเมก ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว จะ 60 แล้ว ฉันไม่มีเวลาให้ใคร 5 ปีหรอก อีก 5 ปี ฉันจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันแก่แล้ว”
แสดงว่าข่าวนี้มันก็ไม่มีผลกระทบกับงานของเรา?
“ไม่มีเลย ไม่มีใครสนเลย เขารู้กันหมด มีแต่คนแฉบริษัทนี้ เรายังทำงานได้ปกติ แต่เขาเดือดร้อนที่ไม่ได้ตัวเราไป นายทุนเขาถอนหุ้น แล้วนายทุนเขายังแชตมาบอกฉัน แล้วเขายังให้บริษัทอื่นติดต่อฉันไปใหม่ด้วย แล้วฉันจะไปทำไม ไปมันก็ยิงฉันทิ้งสิ แล้วฉันจำเป็นต้องไปแย่งทำมาหากินกับเขาด้วยมั้ย เขาอยากสร้างภาพอะไรก็ช่างเขา เขาต้องทำมาหากินต่อ ฉันเลยไม่ตอบโต้อะไร”
ตอนแรกที่เราทราบข่าวนี้เราตกใจมั้ย?
“ไม่ตกใจเลย เพราะเรารู้อยู่แล้ว ว่าคนนี้มันจะมาไม้ไหน เขาทำเฟซบุ๊กปลอม เอาภาพต่างๆ นานามาใช้ ถ้าใครจะไปหลงเชื่อเขาก็ไม่เป็นไร ฉันถือว่าระดับความคิดคนมันต่าง”
เราอยากตรวจสอบมั้ยว่าเราถูกแบล็กลิสต์จริงหรือเปล่า?
“เราไม่อยากรู้เรื่อง มันไม่ได้สำคัญอะไรกับเรา มันเป็นแค่การจ้างงานงานหนึ่ง แล้วเราก็ทำเต็มที่ แล้วมันติดใจฝีมือเรา อยากได้เรา มันก็พยายามหาทุกวิถีทาง เพื่อจะเอาเราไปทำงานกับมันให้ได้ มันซื้อไอโฟน10 ให้ฉัน ให้คนอื่น ตั้งแต่ฉันกลับมาถึงไทยเลย ถ้าฉันอยากได้ไอโฟนฉันซื้อเอง”
..............
ข่าวสดออนไลน์
ให้ 10 ล้านก็ไม่ไป!! สิตางศุ์ เน็ตไอดอล เผย ไปฟิลิปปินส์ เหมือนถูกหลอก ลั่น ไม่แคร์ประเทศอื่นยังมี
โดนแบล็กลิสต์ ที่ฟิลิปปินส์มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น?
“ฟังแล้วเรื่องมันดูแรงมาก โดนแบล็กลิสต์จากฟิลิปปินส์ แต่ถ้าคนรู้รายละเอียดจะเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วมาก
เพราะมีบริษัทอีก 2 บริษัท ที่ฟิลิปปินส์เขาบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราไม่ได้เซ็นสัญญากับเขา เหมือนเขายื่นเอกสารปลอม ว่าเขาเสียหายอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้าฉันผิดสัญญาจริงเขาฟ้องฉันได้ เพราะว่าฉันไม่ได้เซ็นสัญญาตัวนั้น ฉันโพสต์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันได้เซ็นสัญญา แล้วเขาก็เอาลูกน้องเขา ทำเฟซบุ๊กปลอม มาด่าหน้าเฟซฉัน แฟนคลับที่เป็นฟิลิปปินส์ เขาก็ไปอธิบายว่าทำให้เสียชื่อประเทศนะ”
“ซึ่งเราไม่สนใจ เพราะเรามีประเทศอื่นจองคิวอีกตั้งเยอะ ทางบริษัทนี้ เขาก็ยังตามไปป่วนประเทศอื่น ที่เขาจะมาจ้างเราอีก ไปป่วนมาเลเซีย แต่ไม่มีใครเขาฟังแล้ว ทุกคนจะรอดูว่าจะเล่นไม้ไหนอีก ข่าวที่เขากล้าลงว่าเป็นคำสั่งศาลประเทศเขา ทำให้ศาลประเทศเขาขาดความน่าเชื่อถือเลยนะ ไม่มาตรวจสอบเรา แล้วมาแบล็กลิสต์เลย เราก็ไม่รู้หรอกว่าเราไปโดนจริงๆ หรือเปล่า แต่ข่าวที่เรากดไปดู แล้วก็มีเฟซบุ๊กปลอมด้วย แต่ก็ยังมีอีก 2 บริษัท ติดต่อฉันมาอีก แต่ฉันไม่กล้าไป ฉันขอไปรับงานที่กัมพูชาก่อน”
มันเกิดปัญหามาจากอะไร?
“อันนี้มันไม่ใช่ปัญหานะ ถ้าเขาเป็นนักธุรกิจจริง เขาใช้ชื่อเรา หน้าเรา แล้วจะผลิตสินค้าอิมพอร์ต มาขายในไทยไม่ได้ เขาต้องมาขอใบอนุญาตที่ไทย ก็คุยกันตามนี้ ว่าฉันจะผลิตของฉันเอง แต่เขาก็ดันมาผลิตดักหน้าฉันก่อน ฉันก็บอกว่าฉันจะช่วยขาย แต่ฉันไม่ปลื้ม เขาจ้างเราไปโชว์ที่ผับ 2 คืน กลายเป็นโชว์ตัวกลางวัน แล้วทำว่ามีสินค้าเซอร์ไพรส์ ไอเลิฟยู แล้วฉันจะไปปลื้มเขามั้ย เขาไม่ถามเราก่อน ว่าเราต้องการมั้ย เพราะเราจะทำแบรนด์ของเราอยู่ที่เมืองไทย แล้วเขาก็มาล็อกตัว บอกอันนี้ยกให้ยูนะ เอาไป 70 เปอร์เซ็นต์ 30 เปอร์เซ็นต์ ให้คนงาน งานเขาคืองานอีเวนต์ เขาทำบาร์โชว์ตัว 2 บาร์ เราก็เชื่อตามนั้น พอจะทำสัญญาจริงๆ กลับไม่มีเลย กลับกลายว่าเราไปขอบ้าน ขอทำไม บ้านฉันก็มี แต่จะขอเงินจากสำนักงานคุณไง ในเมื่อคุณผลิตเป็นหน้าเรา แล้วในไทยถ้าเราผลิตคนจะเชื่อเรามั้ย มาเจอภาษีในไทยฉันก็ตายสิ”
เหมือนหลอกเอารูปเราไปค้ากำไร?
“ใช่ แล้วทำสัญญาเสร็จ ฉันต้องไปฟิลิปปินส์เลย แล้วครอบครัวฉันล่ะ แล้วเซ็นสัญญา 5 ปี ไม่มีเงินให้เลย 5 ปี ฉันต้องรอรายได้จากการโชว์ตัว ได้ 70 เปอร์เซ็นต์ การโชว์ตัวนี่ก็จองผ่านฉันมาหมดแล้ว ฉันต้องโอนงาน โอนเงินไปให้เขา 30 เปอร์เซ็นต์อีกทำไม นี่เดี๋ยวเราก็จะออกงานต่างประเทศอีก เพื่อให้เขารู้ว่าอย่ามาแทรกในชีวิตกันอย่างนี้สิ แต่งเรื่องเองเออเอง จะมาทำลายฉันทำลายฉันไม่ได้หรอกเพราะฟิลิปปินส์ไม่ใช่ตลาดใหญ่ของฉัน”
เราไปตกลงคุยธุรกิจกับเขามานานแค่ไหน?
“เราไม่เคยคุยเรื่องธุรกิจกับเขา เขาจ้างเราไปโชว์ตัว 2 คืน พอไปถึงก็มีสินค้าเราเลย เขาเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วว่าจะมัดมือชกเรา ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปเซ็นเอกสารอะไรเลย เราตั้งใจไปโชว์ตัวคืนละงาน แต่กลายเป็นว่าต้องออกงานกลางวันด้วย ต่อด้วยกลางคืนอีก ฉันแทบตาย เราไปครั้งนั้นก็ได้เงิน จ้าง 2 แสน ต่อ 1.5 แสน ก็ไม่เป็นไร ฉันอยากไปดูว่าเป็นยังไง ฉันก็ให้โอกาสตัวเอง แต่พอไปเจอไปเห็นแล้วมันไม่จริง มันเมก ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว จะ 60 แล้ว ฉันไม่มีเวลาให้ใคร 5 ปีหรอก อีก 5 ปี ฉันจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันแก่แล้ว”
แสดงว่าข่าวนี้มันก็ไม่มีผลกระทบกับงานของเรา?
“ไม่มีเลย ไม่มีใครสนเลย เขารู้กันหมด มีแต่คนแฉบริษัทนี้ เรายังทำงานได้ปกติ แต่เขาเดือดร้อนที่ไม่ได้ตัวเราไป นายทุนเขาถอนหุ้น แล้วนายทุนเขายังแชตมาบอกฉัน แล้วเขายังให้บริษัทอื่นติดต่อฉันไปใหม่ด้วย แล้วฉันจะไปทำไม ไปมันก็ยิงฉันทิ้งสิ แล้วฉันจำเป็นต้องไปแย่งทำมาหากินกับเขาด้วยมั้ย เขาอยากสร้างภาพอะไรก็ช่างเขา เขาต้องทำมาหากินต่อ ฉันเลยไม่ตอบโต้อะไร”
ตอนแรกที่เราทราบข่าวนี้เราตกใจมั้ย?
“ไม่ตกใจเลย เพราะเรารู้อยู่แล้ว ว่าคนนี้มันจะมาไม้ไหน เขาทำเฟซบุ๊กปลอม เอาภาพต่างๆ นานามาใช้ ถ้าใครจะไปหลงเชื่อเขาก็ไม่เป็นไร ฉันถือว่าระดับความคิดคนมันต่าง”
เราอยากตรวจสอบมั้ยว่าเราถูกแบล็กลิสต์จริงหรือเปล่า?
“เราไม่อยากรู้เรื่อง มันไม่ได้สำคัญอะไรกับเรา มันเป็นแค่การจ้างงานงานหนึ่ง แล้วเราก็ทำเต็มที่ แล้วมันติดใจฝีมือเรา อยากได้เรา มันก็พยายามหาทุกวิถีทาง เพื่อจะเอาเราไปทำงานกับมันให้ได้ มันซื้อไอโฟน10 ให้ฉัน ให้คนอื่น ตั้งแต่ฉันกลับมาถึงไทยเลย ถ้าฉันอยากได้ไอโฟนฉันซื้อเอง”
..............
ข่าวสดออนไลน์