คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ออกตัวว่าเราไม่ใช่นักกฎหมาย ท่านใดเซียนกว่า แย้งได้แย้งค่ะ เพื่อประโยชน์
หมอนิพิธคือพ่อถูกกฎหมายค่ะ ถ้าหมอรักน้องเด็ด ต่อให้พิสูจน์ว่าไม่ใช่ลูกของหมอ ต่อให้คุณออเป็นพ่อที่แท้จริง ไม่มีสิทธิ์ฟ้องแย่งลูกได้ เพราะคุณออกับเกดไม่เคยจดทะเบียนกัน ไม่เคยหย่ากัน สิทธิ์ลูกนอกสมรสเป็นของแม่ และตกทอดไปถึงพ่อที่ถูกกฎหมาย แม้จะคนละสายเลือด
ถ้าหมอรักน้องเด็ด และมีพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นปรปักษ์ต่อเด็ก คุณออก็ไม่มีสิทธิ์ฟ้องแย่งลูกไป ต่อให้เป็นพ่อลูกกันตามสายเลือดก็ตาม
แต่ถ้าหมอไม่อยากเลี้ยงดูน้องเด็ด ต้องเพิกถอนการเป็นพ่อตามกฎหมาย หรือฟ้องหย่ากับเกด ด้วยข้อหามีชู้ ลูกไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน
เคสนี้คล้ายเคสฟิล์ม รัฐภูมิ ที่ฟ้องแอนนี่นะ เคสนั้นแอนนี่กล่าวหาว่าฟิล์มเป็นพ่อเด็กด้วยพฤติการณ์ว่าจะส่งเสียเลี้ยงดู ย่อมแสดงถึงพฤติการณ์ว่าเป็นบิดา แต่ฟิล์มไม่จดรับรองความเป็นพ่อของน้องฑี แอนนี่บีบให้ฟิล์มจด จนทำให้ฟิล์มฟ้องกลับขอตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ใช่พ่อลูก เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูเด็กที่ไม่ใช่ลูก...แอนนี่สู้ด้วยความได้เปรียบทางกฎหมายว่า ศาลไม่มีสิทธิ์สั่งให้ตรวจ DNA หากแม่เด็กไม่ยินยอม ด้วยอำนาจแม่ของลูกนอกสมรส แต่กลายเป็นศาลสั่งให้ตรวจ เพื่อพิสูจน์ความเป็นพ่อลูก ตามที่ฟิล์มต้องการ...สุดท้ายแอนนี่ยอมความ ยอมเหมือนต้องให้พูดต่อสื่อตามเงื่อนไขฝั่งฟิล์มด้วยว่า น้องฑีไม่ใช่ลูก เพื่อแลกกับแพ้คดี แล้วต้องจ่ายค่าชดใช้ที่ทำให้ฟิล์มเสียชื่อเสียง ซึ่งเธอคงไม่มีมากพอที่จะจ่าย... ถึงตอนนี้ไม่มีการตรวจ DNA น้องฑี แต่โดยคดีสิ้นสุด ยอมความแล้ว ถือว่าน้องฆีไม่ใช่ลูกฟิล์ม
เคสคล้ายคุณ เอ อัญชลี ที่ฟ้องพ่อของลูก ข้อหากล่าวหาว่าลูกของเธอไม่ใช่สายเลือดของเขา ฝ่ายหญิงพร้อมยอมให้ตรวจ แต่ไปมาๆ ฝ่ายชายยอมรับและจ่ายค่าเลี้ยงดูให้ เพราะถ้าสู้จนแพ้คดี จ่ายค่าเสียหายเพิ่มเข้าไปอีก
ถ้าหมอจะไม่เลี้ยงดูน้องเด็ด ก็ใช้เคสเดียวกับฟิล์มได้ ยิ่งสิทธิในฐานะพ่อที่ถูกกฎหมาย กระทำได้โดยไม่ต้องขอความเห็นจากแม่ แต่ต้องเป็นลักษณะฟ้องว่าภรรยามีชู้ และเด็กไม่ใช่ลูกตามสายเลือด ขอที่จะไม่จ่ายค่าเลี้ยงดู ยอมให้สังคมหัวเราะว่าโดนเมียสวมเขา กรณีนี้ศาลอาจจะตัดสินคล้ายเคสฟิล์ม แต่เพียงฟ้องหย่าอย่างเดียว แต่ไม่ฟ้องเรื่องสายเลือดน้องเด็ด หมอก็ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูในฐานะพ่อที่รับรองตามกฎหมาย เว้นแต่จะไปเพิกถอนการเป็นพ่อถูกกฎหมาย...แถมสามารถฟ้องร้องค่าเสียหายเป็นชู้จากทั้งเกดและออได้ด้วยซ้ำ
ส่วนถามว่าแล้วมีทางไหนที่คุณออจะได้น้องเด็ดไป ต้องสู้ด้วยพฤติการณ์และสิ่งแวดล้อมที่น้องเด็ดอยู่ ไม่เหมาะสมที่เด็กจะอยู่
เช่น การที่หมอทำร้ายร่างกายและคำพูดใส่น้องเด็ด ต้องมีพยานและหลักฐานชัดเจนให้ศาลเห็นชัดด้วย
หรือถ้าเอาให้หนัก ก็คือไปขอคัดสำเนาประวัติทางจิตของหมอ ถ้าพบว่าหมอยิ่งมีจิตอารณ์แปรปรวนด้วยแล้ว
ให้ยื่นฟ้องต่อศาลว่าตนเป็นพ่อโดยสายเลือด ต้องการเด็กไปอยู่ที่ที่ปลอดภัยกว่า
โดยมาก ศาลจะเห็นประโยชน์สวัสดิภาพของเด็กเป็นหลัก ไม่ได้สนตามกฎหมายหรอกว่าแม่หรือคนรับรองเป็นพ่อมีสิทธิ์
ต่อให้เกดไม่ยอมให้ตรวจ DNA แต่ถ้ามีภาพหลักฐานว่าหมอทำร้ายน้องเด็ด น้ำหนักมีความน่าเชื่อถือ ศาลอาจสั่งให้ตรวจ DNA ได้
ซึ่งถ้าไปถึงขั้นนั้น น้องเด็ดต้องไปอยู่กับพม. ห้ามอยู่ทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จนกว่าศาลจะตัดสิน
ซึ่งถ้าเป็นในรูปการณ์แบบนี้ โอกาสเกดแพ้สูง เพราะเป็นแม่ที่อยู่กับคู่สมรสสภาวะจิตไม่ปกติ ไร้ความสามารถจะปกป้องลูกได้
ถ้าเกดไม่อยากเสียลูกไป ต้องยินยอมหย่าร้างกับหมอ และไปอยู่ในที่ที่ดีกว่า เพื่อให้สิทธิ์ในตัวลูกกลับมาเป็นของเธออีกครั้ง
แต่จะสู้ได้อีกก็ต้องฟ้องเกด ด้วยข้อหาไร้ความาสามารถและสิ่งแวดล้อมที่จะดูแลน้องเด็ดได้ อย่างที่บอก ศาลเขาเอาประโยชน์ของเด็กเป็นหลัก
เคสพ่อแท้ๆที่ไม่ได้จดรับรองบุตร มีการแย่งลูกนอกสมรสจากแม่ที่ไร้ความสามารถก็มีมาแล้ว
หมอนิพิธคือพ่อถูกกฎหมายค่ะ ถ้าหมอรักน้องเด็ด ต่อให้พิสูจน์ว่าไม่ใช่ลูกของหมอ ต่อให้คุณออเป็นพ่อที่แท้จริง ไม่มีสิทธิ์ฟ้องแย่งลูกได้ เพราะคุณออกับเกดไม่เคยจดทะเบียนกัน ไม่เคยหย่ากัน สิทธิ์ลูกนอกสมรสเป็นของแม่ และตกทอดไปถึงพ่อที่ถูกกฎหมาย แม้จะคนละสายเลือด
ถ้าหมอรักน้องเด็ด และมีพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นปรปักษ์ต่อเด็ก คุณออก็ไม่มีสิทธิ์ฟ้องแย่งลูกไป ต่อให้เป็นพ่อลูกกันตามสายเลือดก็ตาม
แต่ถ้าหมอไม่อยากเลี้ยงดูน้องเด็ด ต้องเพิกถอนการเป็นพ่อตามกฎหมาย หรือฟ้องหย่ากับเกด ด้วยข้อหามีชู้ ลูกไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน
เคสนี้คล้ายเคสฟิล์ม รัฐภูมิ ที่ฟ้องแอนนี่นะ เคสนั้นแอนนี่กล่าวหาว่าฟิล์มเป็นพ่อเด็กด้วยพฤติการณ์ว่าจะส่งเสียเลี้ยงดู ย่อมแสดงถึงพฤติการณ์ว่าเป็นบิดา แต่ฟิล์มไม่จดรับรองความเป็นพ่อของน้องฑี แอนนี่บีบให้ฟิล์มจด จนทำให้ฟิล์มฟ้องกลับขอตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ใช่พ่อลูก เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูเด็กที่ไม่ใช่ลูก...แอนนี่สู้ด้วยความได้เปรียบทางกฎหมายว่า ศาลไม่มีสิทธิ์สั่งให้ตรวจ DNA หากแม่เด็กไม่ยินยอม ด้วยอำนาจแม่ของลูกนอกสมรส แต่กลายเป็นศาลสั่งให้ตรวจ เพื่อพิสูจน์ความเป็นพ่อลูก ตามที่ฟิล์มต้องการ...สุดท้ายแอนนี่ยอมความ ยอมเหมือนต้องให้พูดต่อสื่อตามเงื่อนไขฝั่งฟิล์มด้วยว่า น้องฑีไม่ใช่ลูก เพื่อแลกกับแพ้คดี แล้วต้องจ่ายค่าชดใช้ที่ทำให้ฟิล์มเสียชื่อเสียง ซึ่งเธอคงไม่มีมากพอที่จะจ่าย... ถึงตอนนี้ไม่มีการตรวจ DNA น้องฑี แต่โดยคดีสิ้นสุด ยอมความแล้ว ถือว่าน้องฆีไม่ใช่ลูกฟิล์ม
เคสคล้ายคุณ เอ อัญชลี ที่ฟ้องพ่อของลูก ข้อหากล่าวหาว่าลูกของเธอไม่ใช่สายเลือดของเขา ฝ่ายหญิงพร้อมยอมให้ตรวจ แต่ไปมาๆ ฝ่ายชายยอมรับและจ่ายค่าเลี้ยงดูให้ เพราะถ้าสู้จนแพ้คดี จ่ายค่าเสียหายเพิ่มเข้าไปอีก
ถ้าหมอจะไม่เลี้ยงดูน้องเด็ด ก็ใช้เคสเดียวกับฟิล์มได้ ยิ่งสิทธิในฐานะพ่อที่ถูกกฎหมาย กระทำได้โดยไม่ต้องขอความเห็นจากแม่ แต่ต้องเป็นลักษณะฟ้องว่าภรรยามีชู้ และเด็กไม่ใช่ลูกตามสายเลือด ขอที่จะไม่จ่ายค่าเลี้ยงดู ยอมให้สังคมหัวเราะว่าโดนเมียสวมเขา กรณีนี้ศาลอาจจะตัดสินคล้ายเคสฟิล์ม แต่เพียงฟ้องหย่าอย่างเดียว แต่ไม่ฟ้องเรื่องสายเลือดน้องเด็ด หมอก็ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูในฐานะพ่อที่รับรองตามกฎหมาย เว้นแต่จะไปเพิกถอนการเป็นพ่อถูกกฎหมาย...แถมสามารถฟ้องร้องค่าเสียหายเป็นชู้จากทั้งเกดและออได้ด้วยซ้ำ
ส่วนถามว่าแล้วมีทางไหนที่คุณออจะได้น้องเด็ดไป ต้องสู้ด้วยพฤติการณ์และสิ่งแวดล้อมที่น้องเด็ดอยู่ ไม่เหมาะสมที่เด็กจะอยู่
เช่น การที่หมอทำร้ายร่างกายและคำพูดใส่น้องเด็ด ต้องมีพยานและหลักฐานชัดเจนให้ศาลเห็นชัดด้วย
หรือถ้าเอาให้หนัก ก็คือไปขอคัดสำเนาประวัติทางจิตของหมอ ถ้าพบว่าหมอยิ่งมีจิตอารณ์แปรปรวนด้วยแล้ว
ให้ยื่นฟ้องต่อศาลว่าตนเป็นพ่อโดยสายเลือด ต้องการเด็กไปอยู่ที่ที่ปลอดภัยกว่า
โดยมาก ศาลจะเห็นประโยชน์สวัสดิภาพของเด็กเป็นหลัก ไม่ได้สนตามกฎหมายหรอกว่าแม่หรือคนรับรองเป็นพ่อมีสิทธิ์
ต่อให้เกดไม่ยอมให้ตรวจ DNA แต่ถ้ามีภาพหลักฐานว่าหมอทำร้ายน้องเด็ด น้ำหนักมีความน่าเชื่อถือ ศาลอาจสั่งให้ตรวจ DNA ได้
ซึ่งถ้าไปถึงขั้นนั้น น้องเด็ดต้องไปอยู่กับพม. ห้ามอยู่ทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จนกว่าศาลจะตัดสิน
ซึ่งถ้าเป็นในรูปการณ์แบบนี้ โอกาสเกดแพ้สูง เพราะเป็นแม่ที่อยู่กับคู่สมรสสภาวะจิตไม่ปกติ ไร้ความสามารถจะปกป้องลูกได้
ถ้าเกดไม่อยากเสียลูกไป ต้องยินยอมหย่าร้างกับหมอ และไปอยู่ในที่ที่ดีกว่า เพื่อให้สิทธิ์ในตัวลูกกลับมาเป็นของเธออีกครั้ง
แต่จะสู้ได้อีกก็ต้องฟ้องเกด ด้วยข้อหาไร้ความาสามารถและสิ่งแวดล้อมที่จะดูแลน้องเด็ดได้ อย่างที่บอก ศาลเขาเอาประโยชน์ของเด็กเป็นหลัก
เคสพ่อแท้ๆที่ไม่ได้จดรับรองบุตร มีการแย่งลูกนอกสมรสจากแม่ที่ไร้ความสามารถก็มีมาแล้ว
แสดงความคิดเห็น
พรหมไม่ได้ลิขิต.. ในทางกฎหมายใครมีสิทธิในตัวน้องเด็ด ระหว่างอรชุนกับหมอนิพิธ??
นอกจากการะเกดแล้ว ใครควรจะมีสิทธิในตัวน้องเด็ด? อรชุน หรือ หมอนิพิธ
ขอแท็กนักกฎหมายหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ