สวัสดีค่ะ เนื่องจากเรากับสามีมีแพลนจะไปแคนาดาในเดือนเมษายน 2019 เลยเริ่มหาข้อมูลเดี่ยวกับการขอวีซ่าแคนาดา
ซึ่งมีด้วยกันหลายแบบทั้งแบบ
1. ส่งคำขอออนไลน์ - วิธีนี้เห็นมีหลายคนออกมาบ่นว่าช้าบ้าง ตามเรื่องไม่ได้บ้าง เลยตัดไปค่ะ
2. ส่งคำขอด้วยตนเอง – วิธีนี้เราไม่สะดวกเนื่องด้วยอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ก็ตัดไปค่ะ
3.ส่งคำขอทางไปรษณีย์ – วิธีนี้คือดีที่สุดสำหรับเราค่ะ
ก่อนจะทำอะไรก็ได้โทรไปสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ VFS เกี่ยวกับเอกสารและค่าธรรมเนียมและเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2561 ทุกคนที่ขอวีซ่าต้องเข้าไปให้ข้อมูลทางชีวภาพ(ไบโอเมตริกซ์) ณ.ศูนย์รับยื่นคำร้องขอวีซ่าแคนาดาที่กรุงเทพฯ <<<<<< นี่คือเหตุผลที่ทำให้เราตัดสินใจยื่นคำร้องก่อน 5 เดือนค่ะคือเดือนพฤศจิกายน 2018
มาเริ่มขั้นตอนการเตรียมเอกสารค่ะ สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มต่างๆได้ในเว็บไซด์ของVFSได้เลยค่ะ แต่ของเราคือตอนที่โทรไป VFS เจ้าหน้าที่ได้ขออีเมล์เราและส่งแบบฟอร์มทั้งหมดที่ต้องใช้มาให้เราทางอีเมล์ค่ะ แล้วก็ทำการดาวน์โหลดเอกสารมากรอก (ต้องใช้ Adobe Reader เวอร์ชั่น10 ขึ้นไปนะคะ ถ้าเป็นเวอร์ชั่นต่ำกว่าจะไม่สามารถพิมพ์ลงในเอกสารได้)
เอกสารทั้งหมดที่เราส่งไปมีดังนี้ค่ะ
1. IMM 5257 Application for visitor visa (Temporary Resident Visa) – กรอกข้อมูลส่วนตัวทุกอย่างตามความจริง
2. IMM5645 family information – กรอกข้อมูลของพ่อแม่ พี่น้อง คู่สมรส
3. VFS consent form – เซ็นยินยอมให้ VFS ดำเนินการยื่นวีซ่าให้
4. รูปถ่าย 2 ใบ – ตามข้อกำหนดในเว็บไซด์
5. Passport ตัวจริง
6. สำเนา Passport หน้าแรก 1 ใบ
7. จดหมายแนะนำตัว – แนะนำตัวเอง , อาชีพ , วัตถุประสงค์ในการเดินทาง
8. สำเนาทะเบียนสมรส - แปลจากศูนย์การแปลนานาชาติ
9. สำเนาใบทะเบียนการค้า - แปลจากศูนย์การแปลนานาชาติ
10. เอกสารทางการเงิน – ใบรับรองทางการเงิน , Statement ย้อนหลัง 6 เดือน (ของเรายื่น Statement คนละ 3 แสนบาทและมีบัญชีร่วมกันอีก 7 แสนค่ะ)
11. สำเนาบัตรประชาชน – ไม่ต้องแปล
12. ใบยืนยันการจ่ายค่าวีซ่า – ชำระออนไลน์ผ่ายเว็บไซด์สถานทูต
http://www.cic.gc.ca/ ส่วนนี้แยกจ่ายของใครของมันนะคะ โทรไปถามเจ้าหน้าที่แล้ว
13. ตั๋วแลกเงินค่าบริการ VFS - อันนี้เราออกตั๋วแลกเงินรวม 759 บาทเป็นค่าธรรมเนียมการจัดส่งเอกสารบริการต่อหนึ่งผู้สมัคร 384 บาท + ค่าธรรมเนียมบริการ-การยื่นคำร้องต่อหนึ่งใบสมัคร 375 บาท ( แต่ภายหลังโทรถามเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ออกตั๋วแลกเงินแค่ค่าธรรมเนียมบริการ 384 บาทอย่างเดียวค่ะ ส่วน 375 บาทให้ใส่เป็นเงินสดลงในซองเอกสารไปเลย แต่ถ้าออกเป็นตั๋วแลกเงินมาแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ ซึ่งส่วนนี้ก่อนไปธนาคารต้องยืนยันกับเจ้าหน้าที่อีกทีนะคะ)
14. เอกสารเพิ่มเติมอื่นๆ
- สำเนา Passport ที่มีประวัติการเข้า- ออกและวีซ่าของประเทศอื่นๆทั้งหมด ( ญี่ปุ่น , เกาหลี , ฮ่องกง , มาเก๊า , สิงค์โปร์ , วีซ่านิวซีแลนด์ , เชงเก้นเนเธอร์แลนด์ , เชงเก้นสวิสเซอร์แลนด์)
- ใบจองตั๋วเครื่องบิน , ใบจองที่พัก และใบจองเช่ารถ
- ประกันการเดินทาง
- แผนการเดินทาง
*** การจองต่างๆของเราคือจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยไม่สามารถยกเลิกได้ค่ะ ซึ่งมีความเสี่ยงจะสูญเงินเปล่ามากค่ะถ้าวีซ่าไม่ผ่าน
เอกสารของเราทั้งหมดค่อนข้างเยอะนะคะ เนื่องจากเราไม่ได้ทำงานบริษัทจึงไม่มีใบรับรองการทำงานที่แน่นหนา ก็ต้องเอาหลักฐานทั้งหมดที่มียื่นไปค่ะ ยื่นไปให้หมดเผื่อเค้าจะเห็นใจ
มาถึงวันส่งค่ะ
14 / 11 -- ส่งไปรษณีย์แบบ EMS
15 / 11 -- VFS ได้รับเอกสาร
16 / 11 – เจ้าหน้าที่โทรมาขอเอกสารเพิ่มเติม เนื่องจากเราขอล่วงหน้า 5 เดือนเจ้าหน้าที่จึงให้เขียนจดหมายอธิบายค่ะ ว่าทำไมถึงขอวีซ่าล่วงหน้านานขนาดนั้น
19 / 11 -- ส่งเอกสารให้เจ้าหน้าที่ทางเมล์ info.canbkk@vfshelpline.com โทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบ
*** เริ่มเครียดแล้วค่ะ เนื่องจากคิดไปว่าเค้าอาจจะไม่ให้วีซ่าเนื่องจากขอก่อนนานเกินไป
20 / 11 -- ได้รับเมล์จาก VFS 3 ฉบับค่ะ เป็นอีเมล์แจ้งความเคลื่อนไหวทั้ง 3 ฉบับว่าเอกสารของเราไปอยู่ตรงไหนแล้ว หมายเลขที่ให้มาทั้ง 3 ฉบับนี้ยังไม่ใช่เลขที่เอาไปเช็คในเว็บไซด์ได้นะคะ เป็นแค่ Reference No.
21 / 11 -- ได้รับเมล์อีก 2 ฉบับ ฉบับแรกแจ้งว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการที่ IRCC Office ฉบับที่ 2 แจ้งเลข Tracking ใบสมัครและเลข EMS ค่ะ ซึ่งเราสามารถใช้ Application Tracking No. ในอีเมล์ฉบับที่ 2 ไปเช็คในเว็บ VFS ในหัวข้อการติดตามใบสมัครได้แล้วค่ะ ซึ่งก็ขึ้นว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการที่ IRCC Office
*** ซึ่ง EMS tracking No.ที่แจ้งมานั้นยังไม่สามารถเช็คได้นะคะ เข้าใจว่าเค้าอาจจะรันเลขเอาไว้ก่อนแต่ยังไม่ได้ส่งให้ค่ะ ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่รู้ค่ะ เข้ามาโพสถามในพันทิพก็ไม่ได้คำตอบค่ะ เอาเลข EMS ไปเช็คตลอด เช้า กลางวัน เย็น ก็ไม่ขึ้นค่ะ กังวลมากเพราะ precess ทุกอย่างดูเร็วมากเอกสารถึงสถานทูตไม่ถึง 3 วันได้เลข EMS แล้ว
22 / 11 – เช็คทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมค่ะ
23 / 11 – เอา Application Tracking No. ไปเช็คในเว็บไซด์ขึ้นว่าการดำเนินการเรียบร้อยแล้วเอกสารได้ส่งกลับมาแล้วค่ะ จึงเอาเลข EMS ก็ขึ้นว่าพัสดุได้ถูกส่งออกมาแล้วค่ะ
24 / 11 – พัสดุมาถึงบ้าน พร้อม Passport ที่มีวีซ่าแคนาดาจนหมดอายุ Passport ค่ะ และมีเอกสารที่คืนมาพวกใบจองต่างๆ และสำเนาบัตรประชาชนค่ะ
สรุปแล้วใช้เวลาในการขอวีซ่าตั้งแต่ส่งเอกสารจนได้รับ Passport คืนทั้งหมด 11 วันรวมเสาร์-อาทิตย์ค่ะ การขอวีซ่าแคนาดาไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะคะ (แต่ขอก่อนนานเกินก็แอบกังวลหน่อยๆ
)
พยายามจะอธิบายให้ละเอียดที่สุดนะคะ เพราะตอนที่ตัวเองเตรียมตัวไม่ค่อยเจอข้อมูลที่ละเอียดเท่าที่ควรเลยค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่หาข้อมูลเกี่ยวกับการทำวีซ่าแคนนาไม่มากก็น้อยนะคะ
[CR] แชร์ประสบการณ์การยื่นคำร้องขอวีซ่าแคนาดาทางไปรษณีย์ 2018 (5 เดือนก่อนเดินทาง)
ซึ่งมีด้วยกันหลายแบบทั้งแบบ
1. ส่งคำขอออนไลน์ - วิธีนี้เห็นมีหลายคนออกมาบ่นว่าช้าบ้าง ตามเรื่องไม่ได้บ้าง เลยตัดไปค่ะ
2. ส่งคำขอด้วยตนเอง – วิธีนี้เราไม่สะดวกเนื่องด้วยอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ก็ตัดไปค่ะ
3.ส่งคำขอทางไปรษณีย์ – วิธีนี้คือดีที่สุดสำหรับเราค่ะ
ก่อนจะทำอะไรก็ได้โทรไปสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ VFS เกี่ยวกับเอกสารและค่าธรรมเนียมและเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2561 ทุกคนที่ขอวีซ่าต้องเข้าไปให้ข้อมูลทางชีวภาพ(ไบโอเมตริกซ์) ณ.ศูนย์รับยื่นคำร้องขอวีซ่าแคนาดาที่กรุงเทพฯ <<<<<< นี่คือเหตุผลที่ทำให้เราตัดสินใจยื่นคำร้องก่อน 5 เดือนค่ะคือเดือนพฤศจิกายน 2018
มาเริ่มขั้นตอนการเตรียมเอกสารค่ะ สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มต่างๆได้ในเว็บไซด์ของVFSได้เลยค่ะ แต่ของเราคือตอนที่โทรไป VFS เจ้าหน้าที่ได้ขออีเมล์เราและส่งแบบฟอร์มทั้งหมดที่ต้องใช้มาให้เราทางอีเมล์ค่ะ แล้วก็ทำการดาวน์โหลดเอกสารมากรอก (ต้องใช้ Adobe Reader เวอร์ชั่น10 ขึ้นไปนะคะ ถ้าเป็นเวอร์ชั่นต่ำกว่าจะไม่สามารถพิมพ์ลงในเอกสารได้)
เอกสารทั้งหมดที่เราส่งไปมีดังนี้ค่ะ
1. IMM 5257 Application for visitor visa (Temporary Resident Visa) – กรอกข้อมูลส่วนตัวทุกอย่างตามความจริง
2. IMM5645 family information – กรอกข้อมูลของพ่อแม่ พี่น้อง คู่สมรส
3. VFS consent form – เซ็นยินยอมให้ VFS ดำเนินการยื่นวีซ่าให้
4. รูปถ่าย 2 ใบ – ตามข้อกำหนดในเว็บไซด์
5. Passport ตัวจริง
6. สำเนา Passport หน้าแรก 1 ใบ
7. จดหมายแนะนำตัว – แนะนำตัวเอง , อาชีพ , วัตถุประสงค์ในการเดินทาง
8. สำเนาทะเบียนสมรส - แปลจากศูนย์การแปลนานาชาติ
9. สำเนาใบทะเบียนการค้า - แปลจากศูนย์การแปลนานาชาติ
10. เอกสารทางการเงิน – ใบรับรองทางการเงิน , Statement ย้อนหลัง 6 เดือน (ของเรายื่น Statement คนละ 3 แสนบาทและมีบัญชีร่วมกันอีก 7 แสนค่ะ)
11. สำเนาบัตรประชาชน – ไม่ต้องแปล
12. ใบยืนยันการจ่ายค่าวีซ่า – ชำระออนไลน์ผ่ายเว็บไซด์สถานทูต http://www.cic.gc.ca/ ส่วนนี้แยกจ่ายของใครของมันนะคะ โทรไปถามเจ้าหน้าที่แล้ว
13. ตั๋วแลกเงินค่าบริการ VFS - อันนี้เราออกตั๋วแลกเงินรวม 759 บาทเป็นค่าธรรมเนียมการจัดส่งเอกสารบริการต่อหนึ่งผู้สมัคร 384 บาท + ค่าธรรมเนียมบริการ-การยื่นคำร้องต่อหนึ่งใบสมัคร 375 บาท ( แต่ภายหลังโทรถามเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ออกตั๋วแลกเงินแค่ค่าธรรมเนียมบริการ 384 บาทอย่างเดียวค่ะ ส่วน 375 บาทให้ใส่เป็นเงินสดลงในซองเอกสารไปเลย แต่ถ้าออกเป็นตั๋วแลกเงินมาแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ ซึ่งส่วนนี้ก่อนไปธนาคารต้องยืนยันกับเจ้าหน้าที่อีกทีนะคะ)
14. เอกสารเพิ่มเติมอื่นๆ
- สำเนา Passport ที่มีประวัติการเข้า- ออกและวีซ่าของประเทศอื่นๆทั้งหมด ( ญี่ปุ่น , เกาหลี , ฮ่องกง , มาเก๊า , สิงค์โปร์ , วีซ่านิวซีแลนด์ , เชงเก้นเนเธอร์แลนด์ , เชงเก้นสวิสเซอร์แลนด์)
- ใบจองตั๋วเครื่องบิน , ใบจองที่พัก และใบจองเช่ารถ
- ประกันการเดินทาง
- แผนการเดินทาง
*** การจองต่างๆของเราคือจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยไม่สามารถยกเลิกได้ค่ะ ซึ่งมีความเสี่ยงจะสูญเงินเปล่ามากค่ะถ้าวีซ่าไม่ผ่าน
เอกสารของเราทั้งหมดค่อนข้างเยอะนะคะ เนื่องจากเราไม่ได้ทำงานบริษัทจึงไม่มีใบรับรองการทำงานที่แน่นหนา ก็ต้องเอาหลักฐานทั้งหมดที่มียื่นไปค่ะ ยื่นไปให้หมดเผื่อเค้าจะเห็นใจ
มาถึงวันส่งค่ะ
14 / 11 -- ส่งไปรษณีย์แบบ EMS
15 / 11 -- VFS ได้รับเอกสาร
16 / 11 – เจ้าหน้าที่โทรมาขอเอกสารเพิ่มเติม เนื่องจากเราขอล่วงหน้า 5 เดือนเจ้าหน้าที่จึงให้เขียนจดหมายอธิบายค่ะ ว่าทำไมถึงขอวีซ่าล่วงหน้านานขนาดนั้น
19 / 11 -- ส่งเอกสารให้เจ้าหน้าที่ทางเมล์ info.canbkk@vfshelpline.com โทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบ
*** เริ่มเครียดแล้วค่ะ เนื่องจากคิดไปว่าเค้าอาจจะไม่ให้วีซ่าเนื่องจากขอก่อนนานเกินไป
20 / 11 -- ได้รับเมล์จาก VFS 3 ฉบับค่ะ เป็นอีเมล์แจ้งความเคลื่อนไหวทั้ง 3 ฉบับว่าเอกสารของเราไปอยู่ตรงไหนแล้ว หมายเลขที่ให้มาทั้ง 3 ฉบับนี้ยังไม่ใช่เลขที่เอาไปเช็คในเว็บไซด์ได้นะคะ เป็นแค่ Reference No.
21 / 11 -- ได้รับเมล์อีก 2 ฉบับ ฉบับแรกแจ้งว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการที่ IRCC Office ฉบับที่ 2 แจ้งเลข Tracking ใบสมัครและเลข EMS ค่ะ ซึ่งเราสามารถใช้ Application Tracking No. ในอีเมล์ฉบับที่ 2 ไปเช็คในเว็บ VFS ในหัวข้อการติดตามใบสมัครได้แล้วค่ะ ซึ่งก็ขึ้นว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการที่ IRCC Office
*** ซึ่ง EMS tracking No.ที่แจ้งมานั้นยังไม่สามารถเช็คได้นะคะ เข้าใจว่าเค้าอาจจะรันเลขเอาไว้ก่อนแต่ยังไม่ได้ส่งให้ค่ะ ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่รู้ค่ะ เข้ามาโพสถามในพันทิพก็ไม่ได้คำตอบค่ะ เอาเลข EMS ไปเช็คตลอด เช้า กลางวัน เย็น ก็ไม่ขึ้นค่ะ กังวลมากเพราะ precess ทุกอย่างดูเร็วมากเอกสารถึงสถานทูตไม่ถึง 3 วันได้เลข EMS แล้ว
22 / 11 – เช็คทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมค่ะ
23 / 11 – เอา Application Tracking No. ไปเช็คในเว็บไซด์ขึ้นว่าการดำเนินการเรียบร้อยแล้วเอกสารได้ส่งกลับมาแล้วค่ะ จึงเอาเลข EMS ก็ขึ้นว่าพัสดุได้ถูกส่งออกมาแล้วค่ะ
24 / 11 – พัสดุมาถึงบ้าน พร้อม Passport ที่มีวีซ่าแคนาดาจนหมดอายุ Passport ค่ะ และมีเอกสารที่คืนมาพวกใบจองต่างๆ และสำเนาบัตรประชาชนค่ะ
สรุปแล้วใช้เวลาในการขอวีซ่าตั้งแต่ส่งเอกสารจนได้รับ Passport คืนทั้งหมด 11 วันรวมเสาร์-อาทิตย์ค่ะ การขอวีซ่าแคนาดาไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะคะ (แต่ขอก่อนนานเกินก็แอบกังวลหน่อยๆ )
พยายามจะอธิบายให้ละเอียดที่สุดนะคะ เพราะตอนที่ตัวเองเตรียมตัวไม่ค่อยเจอข้อมูลที่ละเอียดเท่าที่ควรเลยค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่หาข้อมูลเกี่ยวกับการทำวีซ่าแคนนาไม่มากก็น้อยนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้