ที่มา :
http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=395776.0
โดย คุณ NTT
Ahead of the first leg of the semifinal clash between Malaysia and Thailand at the Bukit Jalil stadium, all the talk surrounded the War Elephants’ potent attack. In Sanrawat Dechmitr, Adisak Kraisorn and Supachai Jaided, Thailand boasted one of the best groups of attack-minded players in the tournament. However, Malaysia remained unfazed and took the game to their much-fancied opponents, showing the template for other teams in the process.
ก่อนเกมรอบรองฯนัดแรกระหว่าง มาเลเซียกับไทยใน AFF2018 ผู้คนต่างพูดกันว่าทีมช้างศึกจะเป็นฝ่ายบุก การมีทั้ง สรรวัชญ์ เดชมิตร อดิศักดิ์ ไกรษร และ ศุภชัย ใจเด็ด ทำให้ไทยเป็นทีมที่เด่นในการรุกในรายการนี้ แต่มาเลเซียก็นิ่งและแสดงให้ทีมอื่นๆเห็นว่าเล่นกับไทยต้องทำอย่างไร
Malaysia’s template for success
Malaysia stuck to the system that had worked right through the tournament with a 4-man backline complemented by two holding midfielders in Akram Mahinan and Syamer Kutty Abba. With two strikers in Zaquan Adha and Norshahrul Idlan pushing in-field, it meant Mohamadou Sumareh and Safawi Rasid could bomb down the flanks, which further allowed full-backs Syahmi Safari and Syazwan Andik to effectively play as wingers for the most part.
แบบพิมพ์แห่งความสำเร็จ
มาเลเซียยึดมั่นกับระบบที่ได้ผลตลอดทั้งรายการนี้คือมีหลัง 4 คน และมี Holding Midfied อีก 2 คนอย่าง อัครัม มาฮีนัน และ ซยาเมอร์ คอยเสริมการรับ มีกองหน้าสองคนอย่าง ซาควาน อัคฮา กับ นอชารุล ยืนค้ำ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า โมฮัมมาดู ซุมาเร่ และ ซาฟาวี ราซิด จะขึ้นบอลตามกราบสนามทั้งสองข้าง ซึ่งในเวลาต่อมาทำให้แบ็กอย่าง ซยามี่ และ ซยัสวาน ดันสลับขึ้นมาเป็นปีกเป็นส่วนใหญ่
Thailand, meanwhile, have been criticised for being overly negative in their approach in previous games and that was the case yet again. Sitting far too deep in their own half, they afforded the likes of Akram and Syamer too much time and space on the ball, refusing to press high up the pitch or even close down the man on the ball.
ในขณะที่ทีมไทยที่ถูกวิจารณ์ว่ารับมากเกินไปในเกมก่อนๆหน้าก็มารับเป็นหลักอีกครั้ง การที่ถอยมารับลึกเกินไปในแดนตัวเองทำให้ อัคครัม และ ซยาเมอร์ มีเวลาและพื้นที่ในการเล่น เนื่องจากไทยไม่บีบเกมสูงและไม่แม้กระทั่งเข้าปิดทางคนที่มีบอลของมาเลเซีย
The visitors’ narrow back four meant there were plenty of spaces to exploit on the flanks and Malaysia did that to perfection in the first half. With Nurul Sriyankem refusing to track back and perform his defensive duties, it meant the War Elephants’ right back Mika Chunuonsee was often isolated against both Safawi and Syazwan.
การยืน back four ที่เน้นการบีบช่องว่างระหว่างกันมากไปของไทยทำให้มีพื้นที่ริมสนามให้มาเลเซียใช้ทำเกมบุกและทำได้อย่างสมบูรณ์แบบในครึ่งแรก และการที่ นูรุล ศรียานเก็ม ไม่ลงมาช่วยไล่บอลทำให้แบ็กขวาไทยอย่าง มิก้า ชูนวนศรี ต้องดวลกับ ซาฟาวี และ ซยาสวาน โดยลำพัง
Constantly creating 2 v 1 situations, they easily managed to get to the byline and whip crosses into the box, only for their wastefulness in front of goal to cost them. Harimau Malaya were also mindful of Pansa Hemviboon’s presence in the Thai backline and ensured they didn’t loft too many high balls into the box, instead relying on low whipped crosses and cutbacks for their strikers and onrushing midfielders to attack.
การที่เกมกราบซ้ายมาเลเซียมีผู้เล่นมากกว่าเกมรับไทยดังกล่าวทำให้มาเลเซียได้เล่นในสถานการณ์ 2 ต่อ 1 อย่างต่อเนื่องและสามารถผ่านบอลเข้ากรอบเขตโทษได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ว่ากองหน้าใช้โอกาสยิงทิ้งยิงข้วางไปก็เท่านั้น มาเลเซียเองก็รู้ว่า พรรษา เหมวิบูลย์ มีความสูง จึงใช้การผ่านบอลต่ำคัตแบ็กให้ศูนย์หน้าหรือกองกลางเติมเข้าทำ
On another night, they could easily have had 5-6, with Safawi in particular lacking composure in front of goal. The likes of Norshahrul, Zaquan and Sumareh too were guilty of missing gilt-edged opportunities, blazing shots way over the crossbar much to the dismay of the home fans.
On a few occasions, the Thailand backline did decide to push up, but they were caught out by the pace of Sumareh and co. who ghosted past Korakod, Pansa and, Chalermpong far too easily.
ถ้าเป็นวันนั้นเป็นวันของมาเลเซียคงทำได้ 5-6 ครั้ง แต่การที่ตัวรุกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซาฟาวี ตีนบอด แถม นอชารุล,ซาควาน และ ซูมาเร่ ก็ปืนฝืด จึงทำให้มาเลเซียยิงนกจนทำให้แฟนบอลผิดหวัง
มีอยู่ในบางช่วงที่แผงหลังไทยดันขึ้นสูง แต่ก็เจอความเร็วของซูมาเร่และเพื่อนๆลากบอลผ่าน กรกช,พรรษา และ เฉลิมพงษ์ ไปได้แบบง่ายๆ
Sanrawat, Adisak no-show
Off the ball, Malaysia neutralized the threat of Sanrawat extremely well, closing him down quickly and cutting off the passing lanes. In fact, so efficient were they in their execution, they forced the Thai playmaker to drop deep into his own half to try and generate attacks and he was often seen lining up next to the centre-backs to receive the ball and build play from the back.
สรรวัชญ์ กับ อดิศักดิ์ เล่นไม่ออก
มาเลเซียลดความอันตรายของสรรวัชญ์ได้ดีมากด้วยการเข้าประกบเร็วตั้งแต่เขายังไม่มีบอลและบล็อกทางผ่านบอลได้ด้วย จริงๆแล้วสิ่งที่มาเลเซียทำได้ผลมากคือบีบให้สรรวัชญ์ลงต่ำมาในแดนตัวเองเพื่อล้วงบอลมาปั้นเกมซึ่งจะเห็นได้ว่าบ่อยมากที่ลงต่ำถึงขนาดอยู่ใกล้ๆเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีเดียว
With Milovan Rajevac’s side keen to try and play out from the back, Malaysia opted to press high up the field, forcing Thailand into quick sloppy passes and long balls pumped up to Adisak.
การที่ลูกทีมของราเยวัชชอบที่จะขึ้นบอลจากแนวรับทำให้มาเลเซียบีบเกมสูงในแดนไทยและทำให้ไทยโดนบีบจนออกบอลพลาดหรือเปิดบอลยาวให้อดิศักดิ์
This might have been a useful ploy considering Adisak’s aerial prowess, however, with both Thitipan Puangchan and Tanaboon Kesarat sitting extremely deep to protect their shaky defence, there was simply no one in the opposition half to win the second balls and keep attacks going. Malaysia regained possession far too easily and could begin building attacks yet again.
การวางยาวให้อดิศักดิ์ก็น่าจะดีเพราะเขามีร่างกายสูงแต่การที่ ธนบูรณ์ และ ฐิติพันธ์ ยืนต่ำ ทำให้ไม่มีใครเก็บบอลจังหวะสองและรุกต่อได้และทำให้มาเลเซียได้บอลกลับมาครองแบบง่ายๆและสร้างเกมรุกอีก
On the odd occasion that Thailand did find some space to break into, the likes of Syamer, Akram and Safawi were quick to spot danger, resorting to clever tactical fouls to break up attacks and frustrate the visitors.
มีไม่กี่ครั้งที่ไทยมีพื้นที่และบุกสวน แต่นักเตะอย่าง ซยาเมอร์,อัคครัม และ ซาฟาวี ก็รู้ทันรีบทำฟาวล์แต่เนิ่นๆเพื่อหยุดเกมของไทย
Numbers game
Malaysia enjoyed the lion’s share of the possession, as they have been known to do in games, commanding 63.2 per cent of the ball. They also had a whopping 23 shots on goal, with their profligacy proving costly. The two shots on target paint a sorry picture indeed.
For Thailand, on the other hand, the numbers are evidence of their disastrous showing on the night, failing to register a single shot on target over the course of the 90 minutes.
However, what truly indicates the dominance of the hosts is the 512 passes they completed in contrast to the visitors’ 307.
Shocking indeed!
สถิติการเล่นในเกม
มาเลเซียครองเกมได้มากกว่าไทยเยอะด้วยอัตรา 63.2% แถมยังยิงมากมายถึง 23 ครั้งแต่การที่ยิงเข้ากรอบแค่ 2 ครั้งก็บ่งบอกถึงความน่าผิดหวังอย่างยิ่ง
สำหรับทีมไทยตัวเลขสถิติกลับแย่อย่างหายนะ ยิงไม่เข้ากรอบแม้สักครั้งเดียวใน 90 นาที
แต่สิ่งที่บ่งบอกถึงความเหนือกว่าอย่างแท้จริงของมาเลเซียคือการผ่านบอล 512 ครั้งเทียบกับไทยที่มีแค่ 307 ครั้ง ถือว่าน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง!!!
What’s in store at the Rajamangala?
Heading into the second leg at the Rajamangala stadium, Tan Cheng Hoe will want more of the same from his men while Milovan Rajevac will need to find a way to motivate his side to put up a better fight if they are to avoid a humiliating defeat in front of their home fans.
เกมจะเป็นอย่างไรที่ ราชมังคลาฯ?
ตันเช็งโฮคงอยากจะเล่นในแบบเดิมแต่คาดหวังจากเด็กตัวเองให้ทำได้ดีขึ้นในขณะที่ราเยวัชจำเป็นต้องหาทางปลุกเร้านักเตะไทยให้สู้ได้ดีกว่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้คาบ้านอย่างน่าอับอาย
Source
https://www.foxsports.com.my/football/asian-football/aff-suzuki-cup/30319/aff-suzuki-cup-2018-how-malaysia-halted-rampaging-thailand/
มาเลเซียไล่ต้อนช้างศึกในรอบรองฯนัดแรกอย่างไร? Foxsport Malaysia 02/12/61
โดย คุณ NTT
Ahead of the first leg of the semifinal clash between Malaysia and Thailand at the Bukit Jalil stadium, all the talk surrounded the War Elephants’ potent attack. In Sanrawat Dechmitr, Adisak Kraisorn and Supachai Jaided, Thailand boasted one of the best groups of attack-minded players in the tournament. However, Malaysia remained unfazed and took the game to their much-fancied opponents, showing the template for other teams in the process.
ก่อนเกมรอบรองฯนัดแรกระหว่าง มาเลเซียกับไทยใน AFF2018 ผู้คนต่างพูดกันว่าทีมช้างศึกจะเป็นฝ่ายบุก การมีทั้ง สรรวัชญ์ เดชมิตร อดิศักดิ์ ไกรษร และ ศุภชัย ใจเด็ด ทำให้ไทยเป็นทีมที่เด่นในการรุกในรายการนี้ แต่มาเลเซียก็นิ่งและแสดงให้ทีมอื่นๆเห็นว่าเล่นกับไทยต้องทำอย่างไร
Malaysia’s template for success
Malaysia stuck to the system that had worked right through the tournament with a 4-man backline complemented by two holding midfielders in Akram Mahinan and Syamer Kutty Abba. With two strikers in Zaquan Adha and Norshahrul Idlan pushing in-field, it meant Mohamadou Sumareh and Safawi Rasid could bomb down the flanks, which further allowed full-backs Syahmi Safari and Syazwan Andik to effectively play as wingers for the most part.
แบบพิมพ์แห่งความสำเร็จ
มาเลเซียยึดมั่นกับระบบที่ได้ผลตลอดทั้งรายการนี้คือมีหลัง 4 คน และมี Holding Midfied อีก 2 คนอย่าง อัครัม มาฮีนัน และ ซยาเมอร์ คอยเสริมการรับ มีกองหน้าสองคนอย่าง ซาควาน อัคฮา กับ นอชารุล ยืนค้ำ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า โมฮัมมาดู ซุมาเร่ และ ซาฟาวี ราซิด จะขึ้นบอลตามกราบสนามทั้งสองข้าง ซึ่งในเวลาต่อมาทำให้แบ็กอย่าง ซยามี่ และ ซยัสวาน ดันสลับขึ้นมาเป็นปีกเป็นส่วนใหญ่
Thailand, meanwhile, have been criticised for being overly negative in their approach in previous games and that was the case yet again. Sitting far too deep in their own half, they afforded the likes of Akram and Syamer too much time and space on the ball, refusing to press high up the pitch or even close down the man on the ball.
ในขณะที่ทีมไทยที่ถูกวิจารณ์ว่ารับมากเกินไปในเกมก่อนๆหน้าก็มารับเป็นหลักอีกครั้ง การที่ถอยมารับลึกเกินไปในแดนตัวเองทำให้ อัคครัม และ ซยาเมอร์ มีเวลาและพื้นที่ในการเล่น เนื่องจากไทยไม่บีบเกมสูงและไม่แม้กระทั่งเข้าปิดทางคนที่มีบอลของมาเลเซีย
The visitors’ narrow back four meant there were plenty of spaces to exploit on the flanks and Malaysia did that to perfection in the first half. With Nurul Sriyankem refusing to track back and perform his defensive duties, it meant the War Elephants’ right back Mika Chunuonsee was often isolated against both Safawi and Syazwan.
การยืน back four ที่เน้นการบีบช่องว่างระหว่างกันมากไปของไทยทำให้มีพื้นที่ริมสนามให้มาเลเซียใช้ทำเกมบุกและทำได้อย่างสมบูรณ์แบบในครึ่งแรก และการที่ นูรุล ศรียานเก็ม ไม่ลงมาช่วยไล่บอลทำให้แบ็กขวาไทยอย่าง มิก้า ชูนวนศรี ต้องดวลกับ ซาฟาวี และ ซยาสวาน โดยลำพัง
Constantly creating 2 v 1 situations, they easily managed to get to the byline and whip crosses into the box, only for their wastefulness in front of goal to cost them. Harimau Malaya were also mindful of Pansa Hemviboon’s presence in the Thai backline and ensured they didn’t loft too many high balls into the box, instead relying on low whipped crosses and cutbacks for their strikers and onrushing midfielders to attack.
การที่เกมกราบซ้ายมาเลเซียมีผู้เล่นมากกว่าเกมรับไทยดังกล่าวทำให้มาเลเซียได้เล่นในสถานการณ์ 2 ต่อ 1 อย่างต่อเนื่องและสามารถผ่านบอลเข้ากรอบเขตโทษได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ว่ากองหน้าใช้โอกาสยิงทิ้งยิงข้วางไปก็เท่านั้น มาเลเซียเองก็รู้ว่า พรรษา เหมวิบูลย์ มีความสูง จึงใช้การผ่านบอลต่ำคัตแบ็กให้ศูนย์หน้าหรือกองกลางเติมเข้าทำ
On another night, they could easily have had 5-6, with Safawi in particular lacking composure in front of goal. The likes of Norshahrul, Zaquan and Sumareh too were guilty of missing gilt-edged opportunities, blazing shots way over the crossbar much to the dismay of the home fans.
On a few occasions, the Thailand backline did decide to push up, but they were caught out by the pace of Sumareh and co. who ghosted past Korakod, Pansa and, Chalermpong far too easily.
ถ้าเป็นวันนั้นเป็นวันของมาเลเซียคงทำได้ 5-6 ครั้ง แต่การที่ตัวรุกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซาฟาวี ตีนบอด แถม นอชารุล,ซาควาน และ ซูมาเร่ ก็ปืนฝืด จึงทำให้มาเลเซียยิงนกจนทำให้แฟนบอลผิดหวัง
มีอยู่ในบางช่วงที่แผงหลังไทยดันขึ้นสูง แต่ก็เจอความเร็วของซูมาเร่และเพื่อนๆลากบอลผ่าน กรกช,พรรษา และ เฉลิมพงษ์ ไปได้แบบง่ายๆ
Sanrawat, Adisak no-show
Off the ball, Malaysia neutralized the threat of Sanrawat extremely well, closing him down quickly and cutting off the passing lanes. In fact, so efficient were they in their execution, they forced the Thai playmaker to drop deep into his own half to try and generate attacks and he was often seen lining up next to the centre-backs to receive the ball and build play from the back.
สรรวัชญ์ กับ อดิศักดิ์ เล่นไม่ออก
มาเลเซียลดความอันตรายของสรรวัชญ์ได้ดีมากด้วยการเข้าประกบเร็วตั้งแต่เขายังไม่มีบอลและบล็อกทางผ่านบอลได้ด้วย จริงๆแล้วสิ่งที่มาเลเซียทำได้ผลมากคือบีบให้สรรวัชญ์ลงต่ำมาในแดนตัวเองเพื่อล้วงบอลมาปั้นเกมซึ่งจะเห็นได้ว่าบ่อยมากที่ลงต่ำถึงขนาดอยู่ใกล้ๆเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีเดียว
With Milovan Rajevac’s side keen to try and play out from the back, Malaysia opted to press high up the field, forcing Thailand into quick sloppy passes and long balls pumped up to Adisak.
การที่ลูกทีมของราเยวัชชอบที่จะขึ้นบอลจากแนวรับทำให้มาเลเซียบีบเกมสูงในแดนไทยและทำให้ไทยโดนบีบจนออกบอลพลาดหรือเปิดบอลยาวให้อดิศักดิ์
This might have been a useful ploy considering Adisak’s aerial prowess, however, with both Thitipan Puangchan and Tanaboon Kesarat sitting extremely deep to protect their shaky defence, there was simply no one in the opposition half to win the second balls and keep attacks going. Malaysia regained possession far too easily and could begin building attacks yet again.
การวางยาวให้อดิศักดิ์ก็น่าจะดีเพราะเขามีร่างกายสูงแต่การที่ ธนบูรณ์ และ ฐิติพันธ์ ยืนต่ำ ทำให้ไม่มีใครเก็บบอลจังหวะสองและรุกต่อได้และทำให้มาเลเซียได้บอลกลับมาครองแบบง่ายๆและสร้างเกมรุกอีก
On the odd occasion that Thailand did find some space to break into, the likes of Syamer, Akram and Safawi were quick to spot danger, resorting to clever tactical fouls to break up attacks and frustrate the visitors.
มีไม่กี่ครั้งที่ไทยมีพื้นที่และบุกสวน แต่นักเตะอย่าง ซยาเมอร์,อัคครัม และ ซาฟาวี ก็รู้ทันรีบทำฟาวล์แต่เนิ่นๆเพื่อหยุดเกมของไทย
Numbers game
Malaysia enjoyed the lion’s share of the possession, as they have been known to do in games, commanding 63.2 per cent of the ball. They also had a whopping 23 shots on goal, with their profligacy proving costly. The two shots on target paint a sorry picture indeed.
For Thailand, on the other hand, the numbers are evidence of their disastrous showing on the night, failing to register a single shot on target over the course of the 90 minutes.
However, what truly indicates the dominance of the hosts is the 512 passes they completed in contrast to the visitors’ 307.
Shocking indeed!
สถิติการเล่นในเกม
มาเลเซียครองเกมได้มากกว่าไทยเยอะด้วยอัตรา 63.2% แถมยังยิงมากมายถึง 23 ครั้งแต่การที่ยิงเข้ากรอบแค่ 2 ครั้งก็บ่งบอกถึงความน่าผิดหวังอย่างยิ่ง
สำหรับทีมไทยตัวเลขสถิติกลับแย่อย่างหายนะ ยิงไม่เข้ากรอบแม้สักครั้งเดียวใน 90 นาที
แต่สิ่งที่บ่งบอกถึงความเหนือกว่าอย่างแท้จริงของมาเลเซียคือการผ่านบอล 512 ครั้งเทียบกับไทยที่มีแค่ 307 ครั้ง ถือว่าน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง!!!
What’s in store at the Rajamangala?
Heading into the second leg at the Rajamangala stadium, Tan Cheng Hoe will want more of the same from his men while Milovan Rajevac will need to find a way to motivate his side to put up a better fight if they are to avoid a humiliating defeat in front of their home fans.
เกมจะเป็นอย่างไรที่ ราชมังคลาฯ?
ตันเช็งโฮคงอยากจะเล่นในแบบเดิมแต่คาดหวังจากเด็กตัวเองให้ทำได้ดีขึ้นในขณะที่ราเยวัชจำเป็นต้องหาทางปลุกเร้านักเตะไทยให้สู้ได้ดีกว่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้คาบ้านอย่างน่าอับอาย
Source https://www.foxsports.com.my/football/asian-football/aff-suzuki-cup/30319/aff-suzuki-cup-2018-how-malaysia-halted-rampaging-thailand/