The Planners X HUAWEI Mate 20 X
“มือถือเครื่องเดียว ออกไปเที่ยวได้ไหม?”
ครั้งนี้ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับ HUAWEI ที่ส่งมือถือรุ่มใหม่ล่าสุดอย่าง “HUAWEI Mate 20 X” มาให้ได้ลองใช้ออกไปท่องเที่ยว ถ่ายภาพตามสไตล์ที่ผมถนัด โดยการท่องเที่ยวครั้งนี้ ผมจะพาเพื่อนๆไปกันที่ “กาญจนบุรี” จังหวัดที่ไปกี่ครั้ง ก็ไม่เคยเบื่อ และไม่เคยหมดความเชื่อว่าเราจะได้เจอกับสิ่งใหม่ๆเลย
================================================================
โดยเจ้ามือถือเครื่องนี้ ก็นับเป็นสมาร์ทโฟนที่ขึ้นชื่อในเรื่องกล้องถ่ายรูป โดยเป็นหนึ่งในตระกูล Huawei Mate 20 Series
ซึ่งเจ้าตัวนี้มีเลนส์ที่พัฒนาร่วมกับทาง Leica ถึง 3 ตัว (Leica Triple Camera) และยังทำงานด้วยระบบอัจฉริยะ AI ปรับภาพให้สวยอย่างเป็นธรรมชาติ
o เลนส์ 1: เลนส์ RGB ความละเอียด 40 MP เผยทุกรายละเอียดภาพสุดคมชัดที่จะสะกดทุกสายตา ผ่านเลนส์ RGB 40MP
o เลนส์ 2: Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 MP ที่ทำให้มุมมองของคุณกว้างกว่าเดิม/ ถ่ายภาพ Macro ได้ในระยะใกล้เพียง 2.5 cm
o เลนส์ 3: เลนส์ Tele ความละเอียด 8 MP ถ่ายไกลแค่ไหนก็เหมือนใกล้ ซูมภาพชัดไม่แตก
================================================================
เราไปดูความสามารถของเจ้าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ พร้อม ๆกันเลยดีกว่าครับ
ปล. ภาพจากมือถือ HUAWEI ส่วนใหญ่ ผมจะถ่ายด้วยโหมด Pro เป็นแบบไฟล์ RAW นะครับ
ปล2. มีเฉพาะภาพที่มองเห็นตัวมือถือเท่านั้น ที่จะมาจากกล้องใหญ่ครับ
ข้อดีหลักๆเลยที่ทำให้ผม ซึ่งเป็นสายท่องเที่ยวเดินทาง ชื่นชอบในเจ้าสมาร์ทโฟนของ HUAWEI
ก็คือการที่เราสามารถเก็บบันทึกความทรงจำของเรา ผ่านไฟล์ RAW ที่ทำให้เราสามารถนำภาพกลับมา Process และดึงรายละเอียดภาพได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงความสามารถของภาพ JPG ที่ให้วัยรุ่นสมัยใหม่อย่างเราๆ สามารถอัพโซเชี่ยลกันได้อย่างเรียลไทม์
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/160
มาพูดถึงเจ้าเลนส์พิเศษทั้ง 3 ตัวของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้อีกครั้ง
o เลนส์ 1: เลนส์ RGB ความละเอียด 40 MP เผยทุกรายละเอียดภาพสุดคมชัดที่จะสะกดทุกสายตา ผ่านเลนส์ RGB 40MP
o เลนส์ 2: Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 MP ที่ทำให้มุมมองของคุณกว้างกว่าเดิม/ ถ่ายภาพ Macro ได้ในระยะใกล้เพียง 2.5 cm
o เลนส์ 3: เลนส์ Tele ความละเอียด 8 MP ถ่ายไกลแค่ไหนก็เหมือนใกล้ ซูมภาพชัดไม่แตก
เรามาเริ่มเข้าสู่รีวิวการท่องเที่ยวของผมในครั้งนี้กันดีกว่า
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/800
เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ ผมผู้ที่เป็นพนักงานกินเงินเดือนคนนึง ก็อยากจะคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานที่ผ่านมาทั้งสัปดาห์ไปกับสายลม และให้ธรรมชาติได้โอบล้อมผมไว้ เพื่อชาร์จพลังก่อนกลับไปลุยงานต่อในวันจันทร์
ผมจึงเลือกขับรถจากกรุงเทพในตอนกลางคืน เพื่อมาพักผ่อนที่ “หินตกริเวอร์เเคมป์ Hintok River Camp”
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/15
บรรยากาศยามเช้าที่หินตกแห่งนี้ แม้จะไม่สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของพระอาทิตย์ขึ้น ที่เปรียบเสมือนความอบอุ่นของวันใหม่ แต่บรรยากาศที่เราต้องอยู่ท่ามกลางม่านหมอกในป่าเขา และสายน้ำ ก็ให้ฟีลลิ่งที่เหมือนเราไม่ต้องกังวลใจอะไรในอีกรูปแบบหนึ่ง
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/15
สำหรับตัวที่พักที่ผมเลือกพักใน หินตก แห่งนี้ เป็น เต็นท์ (หรือกระโจมวะ!? นั่นแหละ ช่างมันเถอะ) ขนาดใหญ่ ที่สามาถเข้าพักได้เสมือนห้องพักในโรงแรมระดับ 4 – 5 ดาวก็ว่าได้
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/60
บรรยากาศภายในเต็นท์ ก็น่ารัก เหมาะกับทั้งคู่รัก เพื่อน หรือครอบครัว ที่มาเที่ยวกันเพื่อพักผ่อน
(ไม่เห็นเหมาะกับคนที่มาคนเดียวแบบผมสักนิด T^T)
Mode: Pro
ISO: 160
SS: 1/20
ก่อนลาจาก รีสอร์ทหินตกแห่งนี้เพื่อไปเที่ยวที่อื่นต่อ ผมก็ได้มีโอกาสเดินหลงๆมาเจอกับจุดชมวิวอีกหนึ่งแห่งของรีสอร์ท
เพราะภาพแรก เป็นภาพที่ผมเดินลงไปที่ท่าเรือ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าตัวรีสอร์ท แต่จุดชมวิวนี้ ไม่ต้องเดินขึ้นเดินลงให้เหนื่อย ก็สามารถเห็นภาพวิวที่สวยงามสะดุดตาได้เช่นกัน
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/1000
สถานที่ท่องเที่ยวที่แรกสำหรับทริปนี้ ที่กาญจนบุรี คงหนีไม่พ้นอะไรที่เป็น “น้ำตก”
และหนึ่งในน้ำตกที่หลายๆคนมักจะนึกถึงสำหรับ กาญฯ ก็คือ “ไทรโยคน้อย” นั่นเอง
ประจวบเหมาะกับที่ผมกำลังจะขับรถเข้าไปในตัวเมือง
และต้องผ่านน้ำตกนี้ในช่วงเช้าพอดี เลยถือเป็นโอกาสดี ที่จะได้เก็บภาพน้ำตกมาให้เพื่อนๆดูกัน
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/60
*ข้อดีของการใช้โหมด Pro ทำให้เราสามารถเลือก Speed Shutter ได้เหมือนการใช้กล้องใหญ่
ยิ่งเวลาถ่ายน้ำตก เราสามารถเลือกได้เลยว่า อยากเห็นน้ำตกเป็นเม็ดๆ หรืออยากเห็นเป็นสายน้ำฟุ้งๆ
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/30
จบในส่วนของน้ำตกทางธรรมชาติไป ก่อนออกจากไทรโยคน้อย ผมก็เดินมาเจอกับหัวรถจักรของจริง ที่นำมาจอดไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยว ที่เดินทางผ่านไปผ่านมาได้รับชมและถ่ายรูปเล่นกัน
ก็นึกขึ้นได้ว่า “เออ! เราไม่ได้ไปสะพานข้ามแม่น้ำแควนานแล้วเนอะ” ว่าแล้วก็ไปจัดสักหน่อย
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/125
ขับต่อจากไทรโยคน้อยมาประมาณหนึ่งชั่วโมง ผมก็มาถึงจุดมุ่งหมายต่อไปนั่นก็คือ
“สะพานข้ามแม่น้ำแคว” ครับ ลองมาดูบรรยากาศของที่นี่ในวันหยุดกันนะ ว่าจะเป็นอย่างไรรรร
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/3200
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/4000
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/3200
เนื่องจากแสงในช่วงที่ผมไปอาจจะไม่ค่อยโดนใจส่วนตัวเท่าไรนัก
เลยลองเลือกใช้โหมดพิเศษสักหนึ่งโหมดของ HUAWEI มาใช้นั่นก็คือโหมด ขาว-ดำ ที่หลาย ๆ คนบอกมาว่าประทับใจหลังได้ลองใช้มาก โดยส่วนตัวผมเอง ก็ต้องขอบอกว่า ไม่ผิดหวังเช่นกันครับ กับภาพและสีที่ได้มา
Mode: Pro/Monochrome
ISO: 50
SS: 1/4000
Mode: Pro/Monochrome
ISO: 50
SS: 1/4000
สำหรับภาพนี้ เป็นภาพที่ผมลองทดสอบ zoom quality ของตัวกล้องดู
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/4000
ในขณะที่แดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อท้าทายช่วงเวลาที่ไหลผ่าน เพื่อเข้ายึดเวลากลางวันอย่างสมบูรณ์
ร่างกายผมก็ต้องการเติมเต็มความสดชื่นอีกครั้ง จึงได้เดินทางต่อไปที่ คาเฟ่ ร้านกาแฟ ยอดฮิตสำหรับเมืองกาญฯ ณ ตอนนี้
“มีนาคาเฟ่” นั่นเอง
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/2500
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/4000
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/320
สำหรับบรรยากาศของ มีนาคาเฟ่ ก็เป็นแบบที่เพื่อนๆเห็นกันไป เราสามารถนั่งจิบกาแฟ ลิ้มรสขนมหวานของทางร้าน และปล่อยความคิดให้ล่องลอยผ่านท้องทุ่ง มุ่งไปสู่วัดถ้ำเสือ อีกหนึ่งสถานที่สร้างชื่อเสียงให้กับเมืองกาญฯ
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/320
ต้องยอมรับว่า เป็นบรรยากาศที่ไม่ได้หาดูกันได้ทุกวันจริง ๆ
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/4000
หมดเวลาสำหรับการพักผ่อนในช่วงแรก ได้เวลาที่ผมจะออกเดินทางไปหาอะไรรายทาง ถ่ายภาพเก็บความประทับใจกันแล้ว
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/3200
วิวนี้เป็นวิวที่ทำให้ผมกดเบรกสุดท้าว ก่อนที่จะก้าวลงมาแล้วขอลั่นสักรูป
เป็นเส้นทางที่อยู่ไม่ไกลจากมีนาคาเฟ่มากนัก แต่เป็นวิวที่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/4000
อีกหนึ่งช็อตประทับใจประจำเส้นทาง ที่เห็นแล้วไม่หยุดไม่ได้ ผมบอกเลยว่าความสวยงามนี้ ตั้งอยู่บน
“ฮวงซุ้ย” ครับ T^T (ตอนเข้าไปยกมือไหว้แย้วน้า)
Mode: Panorama
วิวทิวทัศน์อันสวยงามตลอดทางที่ขับรถมีเยอะแยะเรียงรายก็จริง แต่ไม่สามารถเติมเต็มน้ำที่ระเหยจากร่างกายเพราะความร้อนของจังหวัดที่ได้ขึ้นชื่อว่า ร้อนสุดๆแห่งนี้ไปได้
ผมจึงได้โทรปรึกษาเจ้าถิ่นอีกครั้ง พี่เขาได้แนะนำว่าที่เมืองกาญ เพิ่งจะมีร้านกาแฟเปิดใหม่
“เครื่องทำกาแฟเครื่องละ ล้านบาท!!! แต่ขายแก้วละ 65 บาท!! ทั้งประเทศมีแค่ 5 เครื่องเท่านั้น”
เอ้าได้ยินขนาดนี้ รอไรล่ะเห้ย ไป!!!
Mode: Aperture
F: 1.2
SS: 1/1000
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/125
[SR] HUAWEI Mate 20 X "มือถือเครื่องเดียว ถ่ายรูปทริปเที่ยวได้ไหม?" by The Planner แพลน เอง เที่ยว เอง
The Planners X HUAWEI Mate 20 X
“มือถือเครื่องเดียว ออกไปเที่ยวได้ไหม?”
ครั้งนี้ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับ HUAWEI ที่ส่งมือถือรุ่มใหม่ล่าสุดอย่าง “HUAWEI Mate 20 X” มาให้ได้ลองใช้ออกไปท่องเที่ยว ถ่ายภาพตามสไตล์ที่ผมถนัด โดยการท่องเที่ยวครั้งนี้ ผมจะพาเพื่อนๆไปกันที่ “กาญจนบุรี” จังหวัดที่ไปกี่ครั้ง ก็ไม่เคยเบื่อ และไม่เคยหมดความเชื่อว่าเราจะได้เจอกับสิ่งใหม่ๆเลย
================================================================
โดยเจ้ามือถือเครื่องนี้ ก็นับเป็นสมาร์ทโฟนที่ขึ้นชื่อในเรื่องกล้องถ่ายรูป โดยเป็นหนึ่งในตระกูล Huawei Mate 20 Series
ซึ่งเจ้าตัวนี้มีเลนส์ที่พัฒนาร่วมกับทาง Leica ถึง 3 ตัว (Leica Triple Camera) และยังทำงานด้วยระบบอัจฉริยะ AI ปรับภาพให้สวยอย่างเป็นธรรมชาติ
o เลนส์ 1: เลนส์ RGB ความละเอียด 40 MP เผยทุกรายละเอียดภาพสุดคมชัดที่จะสะกดทุกสายตา ผ่านเลนส์ RGB 40MP
o เลนส์ 2: Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 MP ที่ทำให้มุมมองของคุณกว้างกว่าเดิม/ ถ่ายภาพ Macro ได้ในระยะใกล้เพียง 2.5 cm
o เลนส์ 3: เลนส์ Tele ความละเอียด 8 MP ถ่ายไกลแค่ไหนก็เหมือนใกล้ ซูมภาพชัดไม่แตก
================================================================
เราไปดูความสามารถของเจ้าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ พร้อม ๆกันเลยดีกว่าครับ
ปล. ภาพจากมือถือ HUAWEI ส่วนใหญ่ ผมจะถ่ายด้วยโหมด Pro เป็นแบบไฟล์ RAW นะครับ
ปล2. มีเฉพาะภาพที่มองเห็นตัวมือถือเท่านั้น ที่จะมาจากกล้องใหญ่ครับ
ข้อดีหลักๆเลยที่ทำให้ผม ซึ่งเป็นสายท่องเที่ยวเดินทาง ชื่นชอบในเจ้าสมาร์ทโฟนของ HUAWEI
ก็คือการที่เราสามารถเก็บบันทึกความทรงจำของเรา ผ่านไฟล์ RAW ที่ทำให้เราสามารถนำภาพกลับมา Process และดึงรายละเอียดภาพได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงความสามารถของภาพ JPG ที่ให้วัยรุ่นสมัยใหม่อย่างเราๆ สามารถอัพโซเชี่ยลกันได้อย่างเรียลไทม์
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/160
มาพูดถึงเจ้าเลนส์พิเศษทั้ง 3 ตัวของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้อีกครั้ง
o เลนส์ 1: เลนส์ RGB ความละเอียด 40 MP เผยทุกรายละเอียดภาพสุดคมชัดที่จะสะกดทุกสายตา ผ่านเลนส์ RGB 40MP
o เลนส์ 2: Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 MP ที่ทำให้มุมมองของคุณกว้างกว่าเดิม/ ถ่ายภาพ Macro ได้ในระยะใกล้เพียง 2.5 cm
o เลนส์ 3: เลนส์ Tele ความละเอียด 8 MP ถ่ายไกลแค่ไหนก็เหมือนใกล้ ซูมภาพชัดไม่แตก
เรามาเริ่มเข้าสู่รีวิวการท่องเที่ยวของผมในครั้งนี้กันดีกว่า
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/800
เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ ผมผู้ที่เป็นพนักงานกินเงินเดือนคนนึง ก็อยากจะคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานที่ผ่านมาทั้งสัปดาห์ไปกับสายลม และให้ธรรมชาติได้โอบล้อมผมไว้ เพื่อชาร์จพลังก่อนกลับไปลุยงานต่อในวันจันทร์
ผมจึงเลือกขับรถจากกรุงเทพในตอนกลางคืน เพื่อมาพักผ่อนที่ “หินตกริเวอร์เเคมป์ Hintok River Camp”
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/15
บรรยากาศยามเช้าที่หินตกแห่งนี้ แม้จะไม่สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของพระอาทิตย์ขึ้น ที่เปรียบเสมือนความอบอุ่นของวันใหม่ แต่บรรยากาศที่เราต้องอยู่ท่ามกลางม่านหมอกในป่าเขา และสายน้ำ ก็ให้ฟีลลิ่งที่เหมือนเราไม่ต้องกังวลใจอะไรในอีกรูปแบบหนึ่ง
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/15
สำหรับตัวที่พักที่ผมเลือกพักใน หินตก แห่งนี้ เป็น เต็นท์ (หรือกระโจมวะ!? นั่นแหละ ช่างมันเถอะ) ขนาดใหญ่ ที่สามาถเข้าพักได้เสมือนห้องพักในโรงแรมระดับ 4 – 5 ดาวก็ว่าได้
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/60
บรรยากาศภายในเต็นท์ ก็น่ารัก เหมาะกับทั้งคู่รัก เพื่อน หรือครอบครัว ที่มาเที่ยวกันเพื่อพักผ่อน
(ไม่เห็นเหมาะกับคนที่มาคนเดียวแบบผมสักนิด T^T)
Mode: Pro
ISO: 160
SS: 1/20
ก่อนลาจาก รีสอร์ทหินตกแห่งนี้เพื่อไปเที่ยวที่อื่นต่อ ผมก็ได้มีโอกาสเดินหลงๆมาเจอกับจุดชมวิวอีกหนึ่งแห่งของรีสอร์ท
เพราะภาพแรก เป็นภาพที่ผมเดินลงไปที่ท่าเรือ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าตัวรีสอร์ท แต่จุดชมวิวนี้ ไม่ต้องเดินขึ้นเดินลงให้เหนื่อย ก็สามารถเห็นภาพวิวที่สวยงามสะดุดตาได้เช่นกัน
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/1000
สถานที่ท่องเที่ยวที่แรกสำหรับทริปนี้ ที่กาญจนบุรี คงหนีไม่พ้นอะไรที่เป็น “น้ำตก”
และหนึ่งในน้ำตกที่หลายๆคนมักจะนึกถึงสำหรับ กาญฯ ก็คือ “ไทรโยคน้อย” นั่นเอง
ประจวบเหมาะกับที่ผมกำลังจะขับรถเข้าไปในตัวเมือง
และต้องผ่านน้ำตกนี้ในช่วงเช้าพอดี เลยถือเป็นโอกาสดี ที่จะได้เก็บภาพน้ำตกมาให้เพื่อนๆดูกัน
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/60
*ข้อดีของการใช้โหมด Pro ทำให้เราสามารถเลือก Speed Shutter ได้เหมือนการใช้กล้องใหญ่
ยิ่งเวลาถ่ายน้ำตก เราสามารถเลือกได้เลยว่า อยากเห็นน้ำตกเป็นเม็ดๆ หรืออยากเห็นเป็นสายน้ำฟุ้งๆ
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/30
จบในส่วนของน้ำตกทางธรรมชาติไป ก่อนออกจากไทรโยคน้อย ผมก็เดินมาเจอกับหัวรถจักรของจริง ที่นำมาจอดไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยว ที่เดินทางผ่านไปผ่านมาได้รับชมและถ่ายรูปเล่นกัน
ก็นึกขึ้นได้ว่า “เออ! เราไม่ได้ไปสะพานข้ามแม่น้ำแควนานแล้วเนอะ” ว่าแล้วก็ไปจัดสักหน่อย
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/125
ขับต่อจากไทรโยคน้อยมาประมาณหนึ่งชั่วโมง ผมก็มาถึงจุดมุ่งหมายต่อไปนั่นก็คือ
“สะพานข้ามแม่น้ำแคว” ครับ ลองมาดูบรรยากาศของที่นี่ในวันหยุดกันนะ ว่าจะเป็นอย่างไรรรร
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/3200
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/4000
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/3200
เนื่องจากแสงในช่วงที่ผมไปอาจจะไม่ค่อยโดนใจส่วนตัวเท่าไรนัก
เลยลองเลือกใช้โหมดพิเศษสักหนึ่งโหมดของ HUAWEI มาใช้นั่นก็คือโหมด ขาว-ดำ ที่หลาย ๆ คนบอกมาว่าประทับใจหลังได้ลองใช้มาก โดยส่วนตัวผมเอง ก็ต้องขอบอกว่า ไม่ผิดหวังเช่นกันครับ กับภาพและสีที่ได้มา
Mode: Pro/Monochrome
ISO: 50
SS: 1/4000
Mode: Pro/Monochrome
ISO: 50
SS: 1/4000
สำหรับภาพนี้ เป็นภาพที่ผมลองทดสอบ zoom quality ของตัวกล้องดู
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/4000
ในขณะที่แดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อท้าทายช่วงเวลาที่ไหลผ่าน เพื่อเข้ายึดเวลากลางวันอย่างสมบูรณ์
ร่างกายผมก็ต้องการเติมเต็มความสดชื่นอีกครั้ง จึงได้เดินทางต่อไปที่ คาเฟ่ ร้านกาแฟ ยอดฮิตสำหรับเมืองกาญฯ ณ ตอนนี้
“มีนาคาเฟ่” นั่นเอง
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/2500
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/4000
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/320
สำหรับบรรยากาศของ มีนาคาเฟ่ ก็เป็นแบบที่เพื่อนๆเห็นกันไป เราสามารถนั่งจิบกาแฟ ลิ้มรสขนมหวานของทางร้าน และปล่อยความคิดให้ล่องลอยผ่านท้องทุ่ง มุ่งไปสู่วัดถ้ำเสือ อีกหนึ่งสถานที่สร้างชื่อเสียงให้กับเมืองกาญฯ
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/320
ต้องยอมรับว่า เป็นบรรยากาศที่ไม่ได้หาดูกันได้ทุกวันจริง ๆ
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/4000
หมดเวลาสำหรับการพักผ่อนในช่วงแรก ได้เวลาที่ผมจะออกเดินทางไปหาอะไรรายทาง ถ่ายภาพเก็บความประทับใจกันแล้ว
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/3200
วิวนี้เป็นวิวที่ทำให้ผมกดเบรกสุดท้าว ก่อนที่จะก้าวลงมาแล้วขอลั่นสักรูป
เป็นเส้นทางที่อยู่ไม่ไกลจากมีนาคาเฟ่มากนัก แต่เป็นวิวที่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/4000
อีกหนึ่งช็อตประทับใจประจำเส้นทาง ที่เห็นแล้วไม่หยุดไม่ได้ ผมบอกเลยว่าความสวยงามนี้ ตั้งอยู่บน
“ฮวงซุ้ย” ครับ T^T (ตอนเข้าไปยกมือไหว้แย้วน้า)
Mode: Panorama
วิวทิวทัศน์อันสวยงามตลอดทางที่ขับรถมีเยอะแยะเรียงรายก็จริง แต่ไม่สามารถเติมเต็มน้ำที่ระเหยจากร่างกายเพราะความร้อนของจังหวัดที่ได้ขึ้นชื่อว่า ร้อนสุดๆแห่งนี้ไปได้
ผมจึงได้โทรปรึกษาเจ้าถิ่นอีกครั้ง พี่เขาได้แนะนำว่าที่เมืองกาญ เพิ่งจะมีร้านกาแฟเปิดใหม่
“เครื่องทำกาแฟเครื่องละ ล้านบาท!!! แต่ขายแก้วละ 65 บาท!! ทั้งประเทศมีแค่ 5 เครื่องเท่านั้น”
เอ้าได้ยินขนาดนี้ รอไรล่ะเห้ย ไป!!!
Mode: Aperture
F: 1.2
SS: 1/1000
Mode: Pro
ISO: 50
SS: 1/125
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้