แต่งงานมีครอบครัวกับสามีชาวต่างชาติ(จีนมาเล) ย้ายมาอยู่กับสามีที่มาเลเซีย เรื่องที่กำลังกลุ่มใจอยู่นั้นคือ แนวโน้มว่าอนาคตอันใกล้นี้น้องสาวกับหลานสาวของสามีต้องมาอยู่ด้วย ขอเกริ่นก่อนนะคะ สามีมีพี่น้อง 4 คน (ชาย 2 หญิง 2 ) สามีเป็นลูกชายคนที่ 2 พี่ชายคนโตกับน้องสาวคนเล็กย้านถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศและมีครอบครัวแล้ว
ส่วนน้องสาวอีกคนอยุ่ที่มาเลเซีย อยู่บ้านพ่อแม่ (นางเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหย่าสามี) บ้านเรากับบ้านพ่อแม่สามีอยู่ใกล้กันมาก บ้านหลังติดกัน ซึ่งปัญหาตอนนี้ที่เจอคือ สามีต้องคอยรับส่งนางส่งข้าวส่งน้ำให้นางตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่ นางทำอะไรไม่เป็นเลย งานบ้านล้างจานเป็นอย่างเดียว นางค่อยไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม นางเป็นคนไม่ค่อยพูด กับลูกนางนางก็ไม่คุยไม่เล่นไม่ดูแลไม่พูดเล่นด้วยเหมือนนางเป็นคนแปลกๆ
ลูกนางเป็นเด็ก ผญ อายุ 6 ขวบ เป็นเด็กติด ipad , โทรศัพท์ มีโทรศัพท์และipadส่วนตัว ติดหน้าจอทั้งวัน (แม่นางซื้อให้วันเกิดเหตุผลเพราะลูกชอบแย่งโทรศัพท์ตัวเองไปเล่น) แม้แต่ตอนกินข้าวนางก็ต้องเอาไอแพดมาตั้งบนโต๊ะกินข้าวด้วย เปิดเสียงดังก็ไม่มีใครว่า (คนจีนชอบกินข้าวพร้อมกันแบบครอบครัวใหญ่) อันนี้เรามองว่ามันไม่มีมารยาทแต่เราก็ไม่อยากไปยุ่งเพราะเค้าเลี้ยงกันแบบนั้น ตายายตามใจสุดๆ
ลูกนางตายายเลี้ยงให้ ตายายส่งเสียทุกอย่าง ค่าเรียน รับ-ส่งไปโรงเรียน นางมีหน้าที่ออกไปทำงานอย่างเดียว นางทำงานเป็นลูกจ้างร้านเสริมสวย เวลานางไปทำงานพ่อแม่มีหน้าที่ รับ- ส่ง ก่อนหน้านี้จะเป็นหน้าที่พ่อไปรับส่งนางเป็นสารถีของบ้าน
ช่วงนี้พ่อเริ่มไม่ไหวแก่มากแล้ว 70 กว่า ก็จะเป็นแม่รับหน้าที่เป็นสารถีแทน แม่ทำทุกอย่างให้หมด ลูกสาวนางก็นอนกับตายายนางไม่ต้องทำไรเลยจริงๆ (ไม่รู้ว่าทำไม่เป็นหรือไม่ยอมทำ) บางครั้งแม่เหนื่อยไม่ไหวก็เรียกใช้สามีเราให้ดูแลน้องสาวคนนี้ให้ เวลาพ่อแม่ไม่อยู่เราก็ต้องคอยทำกับข้าวให้นางกับลูกนางกิน สามีเราก็ต้องรับส่งนาง ซึ่งสามีเราทำงานคนเดียว เราสงสารแฟนเวลาที่ต้องคอยเซอร์วิสน้องสาวและหลาน งานตัวเองก็ต้องทำ
เราเคยเองย่องเข้าไปดูห้องนอนนางคือแบบสกปรกมากขี้ฝุ่น ข้าวของวางเต็มไปหมด เสื้อผ้าก็พาดๆไว้ ผ้าปูที่นอนก็ดำๆ เหมือนไม่ผ่านการซักมานานมากแบบเห็นมีเปื่อยๆขาดๆด้วย เราเห็นก็ได้แต่อนาจใจ
และช่วงนี้พ่อเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นอาทิตย์บ้างแม่ก็ต้องดูแลพ่อ เวลาพ่อแม่ไม่อยู่เราก็จะเรียกให้นางเดินมากินข้าวที่บ้านเรา เวลานางกินข้าวเสร็จนางไม่เคยช่วยล้างจานหรือเก็บอะไรเลยแม้แต่แก้วน้ำกินเสร็จก็วางไว้เฉย เราก็ได้แต่คิดว่าไม่เป็นไรนิดหน่อยทำเองก็ได้ ของกินในตู้เย็นนางกับลูกนางก็หยิบกินได้ตามสบาย นั่งดูวีทีเปิดแอร์ตามสบาย
สามีเราไม่เคยเอ่ยหรือไรกับน้องสาวเลย เค้าคงรู้ว่าน้องเค้าไม่ช่วยเราเค้าก็เป็นฝ่ายมาช่วยเราเอง เวลาออกไปกินข้าวนอกบ้านแล้วน้องสาวคนนี้กับหลานไปด้วยก็ไม่เคยมีน้ำใจควักเงินจ่ายให้สักครั้ง แถมเวลาช๊อปปิ้งในห้างซื้อของถ้านางไปด้วย นางหยิบอยากได้อะไรสามีเราก็จ่าย (ส่วนใหญ่จะเป็นขนม นม ช๊อคโกแลต) เล็กๆน้อยๆเราไม่เคยว่า มีบางครั้งลูกนางอยากได้ของเล่นตุ๊กตาก็ให้มาขอแฟนเรา ดีหน่อยที่สามีค่อนข้างเกรงใจเราเรื่องการใช้เงิน ถ้าเราพูดไม่เค้าก็ไม่ (ครอบครัวเราไม่ได้รวยฐานะกลางๆแถมยังมีลูกเล็กด้วยต้องให้เงินค่อนข้างเยอะ)
เราเคยถามว่าเงินเดือนน้องสาวน่ะได้มาแล้วไปไหนหมดไม่เคยเห็นควักเงินเลยทุกอย่างการกินอยู่พ่อแม่ก็จ่าย ออกไปไหนกับครอบครัวเราสามีก็จ่ายให้หมด สามีก็บอกว่าไม่รู้ไม่เคยถาม
ช่วงหลังนี้เราชักทนไม่ไหวบอกกับสามีว่าน้องเธอแบบนี้ไม่โอเคนะ สามีก็ทำท่าทีอึดอัดบอกเราว่าก็น้องเค้าเป็นแบบนี้เค้าก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน เราถามสามีว่าถ้าพ่อแม่ไม่อยู่แล้วจะทำอย่างไรกับน้องสาวและหลานนี้ สามีบอกก็ต้องดูแลเค้าเพราะเค้าทำไรไม่เป็น เค้าบอกเราว่าเค้าทำไรไม่ได้ นี่น้องเค้าหลานเค้าต้องดูแลพี่น้องคนอื่นก็แยกตัวไปอยู่ต่างประเทศหมดแล้วมีเค้าคนเดียวที่อยู่ตรงนี้ เราจุกกับคำนี้มาก
เรายินดีมากกว่าที่จะให้เราดูแลพ่อแม่เค้า แต่ไม่ใช่เราต้องมาดูแลน้องสาวกับหลานสาวเค้าที่เป็นคนปกติไม่ได้พิการหรือเป็นอะไรแต่ไม่พยายามทำอะไรเองเลย ช่วยเป็นครั้งคราวเราพอโอเค แต่นี่นางทำตัวเป็นภาระคนอื่นแถมมีลูกแล้ว
เราพยายามบอกสามีว่าทำไมไม่สอนไม่บอกให้น้องสาวยืนบนขาตัวเองช่วยเหลือตัวเองบ้างละ เค้าได้แต่บอกว่าก็มันไม่ทำบอกกี่รอบก็มึนจนเบื่อที่จะบอกแล้วเค้าบอกแม่เค้าก็บ่นนางเหมือนกัน เค้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร สามีเราเป็นคนที่โคตรใจดี ไม่ค่อยเป็นผู้นำซักเท่าไหร่ชอบตามใจคนอื่น อะไรก็ได้หมด
พูดแล้วเค้าก็เครียดพอเราพูดมากเข้ากลายเป็นว่าเราก็ทะเลาะกันเอง เค้าบอกเราจะให้เค้าทำอย่างไรก็บอกเค้ามา เค้าเป็นคนกลางเค้าไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ใจนึงเราก็เข้าใจความรู้สึกแฟนเรา แต่เราคงรับไม่ได้ถ้าวันนั้นมาถึงวันที่พ่อแม่สามีเป็นไรไปแล้ว น้องสาวกับหลานสาวสามีต้องมาอยู่แล้วให้เราดูแล เราไม่รู้จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร มีแว๊บเข้ามาในหัวว่าถ้าวันนั้นมาถึงเราคงจะหอบลูกกลับไปอยู่ประเทศไทยดีกว่า กลับไปดูแลพ่อแม่ของเราดีกว่า ปล่อยให้เค้าดูแลครอบครัวน้องสาวเค้าไปแล้วกัน เรากังวลมากแม้ว่าอนาคตยังมาไม่ถึงแต่เราเหมือนจะเห็นภาพลางๆแล้วว่ามันต้องเป็นปัญหากับเราแน่เลย จะเตรียมรับมืออย่างไรดี
ถ้าน้องสาวและหลานของสามีต้องย้ายมาอยู่ด้วยต้องทำอย่างไร
ส่วนน้องสาวอีกคนอยุ่ที่มาเลเซีย อยู่บ้านพ่อแม่ (นางเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหย่าสามี) บ้านเรากับบ้านพ่อแม่สามีอยู่ใกล้กันมาก บ้านหลังติดกัน ซึ่งปัญหาตอนนี้ที่เจอคือ สามีต้องคอยรับส่งนางส่งข้าวส่งน้ำให้นางตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่ นางทำอะไรไม่เป็นเลย งานบ้านล้างจานเป็นอย่างเดียว นางค่อยไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม นางเป็นคนไม่ค่อยพูด กับลูกนางนางก็ไม่คุยไม่เล่นไม่ดูแลไม่พูดเล่นด้วยเหมือนนางเป็นคนแปลกๆ
ลูกนางเป็นเด็ก ผญ อายุ 6 ขวบ เป็นเด็กติด ipad , โทรศัพท์ มีโทรศัพท์และipadส่วนตัว ติดหน้าจอทั้งวัน (แม่นางซื้อให้วันเกิดเหตุผลเพราะลูกชอบแย่งโทรศัพท์ตัวเองไปเล่น) แม้แต่ตอนกินข้าวนางก็ต้องเอาไอแพดมาตั้งบนโต๊ะกินข้าวด้วย เปิดเสียงดังก็ไม่มีใครว่า (คนจีนชอบกินข้าวพร้อมกันแบบครอบครัวใหญ่) อันนี้เรามองว่ามันไม่มีมารยาทแต่เราก็ไม่อยากไปยุ่งเพราะเค้าเลี้ยงกันแบบนั้น ตายายตามใจสุดๆ
ลูกนางตายายเลี้ยงให้ ตายายส่งเสียทุกอย่าง ค่าเรียน รับ-ส่งไปโรงเรียน นางมีหน้าที่ออกไปทำงานอย่างเดียว นางทำงานเป็นลูกจ้างร้านเสริมสวย เวลานางไปทำงานพ่อแม่มีหน้าที่ รับ- ส่ง ก่อนหน้านี้จะเป็นหน้าที่พ่อไปรับส่งนางเป็นสารถีของบ้าน
ช่วงนี้พ่อเริ่มไม่ไหวแก่มากแล้ว 70 กว่า ก็จะเป็นแม่รับหน้าที่เป็นสารถีแทน แม่ทำทุกอย่างให้หมด ลูกสาวนางก็นอนกับตายายนางไม่ต้องทำไรเลยจริงๆ (ไม่รู้ว่าทำไม่เป็นหรือไม่ยอมทำ) บางครั้งแม่เหนื่อยไม่ไหวก็เรียกใช้สามีเราให้ดูแลน้องสาวคนนี้ให้ เวลาพ่อแม่ไม่อยู่เราก็ต้องคอยทำกับข้าวให้นางกับลูกนางกิน สามีเราก็ต้องรับส่งนาง ซึ่งสามีเราทำงานคนเดียว เราสงสารแฟนเวลาที่ต้องคอยเซอร์วิสน้องสาวและหลาน งานตัวเองก็ต้องทำ
เราเคยเองย่องเข้าไปดูห้องนอนนางคือแบบสกปรกมากขี้ฝุ่น ข้าวของวางเต็มไปหมด เสื้อผ้าก็พาดๆไว้ ผ้าปูที่นอนก็ดำๆ เหมือนไม่ผ่านการซักมานานมากแบบเห็นมีเปื่อยๆขาดๆด้วย เราเห็นก็ได้แต่อนาจใจ
และช่วงนี้พ่อเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นอาทิตย์บ้างแม่ก็ต้องดูแลพ่อ เวลาพ่อแม่ไม่อยู่เราก็จะเรียกให้นางเดินมากินข้าวที่บ้านเรา เวลานางกินข้าวเสร็จนางไม่เคยช่วยล้างจานหรือเก็บอะไรเลยแม้แต่แก้วน้ำกินเสร็จก็วางไว้เฉย เราก็ได้แต่คิดว่าไม่เป็นไรนิดหน่อยทำเองก็ได้ ของกินในตู้เย็นนางกับลูกนางก็หยิบกินได้ตามสบาย นั่งดูวีทีเปิดแอร์ตามสบาย
สามีเราไม่เคยเอ่ยหรือไรกับน้องสาวเลย เค้าคงรู้ว่าน้องเค้าไม่ช่วยเราเค้าก็เป็นฝ่ายมาช่วยเราเอง เวลาออกไปกินข้าวนอกบ้านแล้วน้องสาวคนนี้กับหลานไปด้วยก็ไม่เคยมีน้ำใจควักเงินจ่ายให้สักครั้ง แถมเวลาช๊อปปิ้งในห้างซื้อของถ้านางไปด้วย นางหยิบอยากได้อะไรสามีเราก็จ่าย (ส่วนใหญ่จะเป็นขนม นม ช๊อคโกแลต) เล็กๆน้อยๆเราไม่เคยว่า มีบางครั้งลูกนางอยากได้ของเล่นตุ๊กตาก็ให้มาขอแฟนเรา ดีหน่อยที่สามีค่อนข้างเกรงใจเราเรื่องการใช้เงิน ถ้าเราพูดไม่เค้าก็ไม่ (ครอบครัวเราไม่ได้รวยฐานะกลางๆแถมยังมีลูกเล็กด้วยต้องให้เงินค่อนข้างเยอะ)
เราเคยถามว่าเงินเดือนน้องสาวน่ะได้มาแล้วไปไหนหมดไม่เคยเห็นควักเงินเลยทุกอย่างการกินอยู่พ่อแม่ก็จ่าย ออกไปไหนกับครอบครัวเราสามีก็จ่ายให้หมด สามีก็บอกว่าไม่รู้ไม่เคยถาม
ช่วงหลังนี้เราชักทนไม่ไหวบอกกับสามีว่าน้องเธอแบบนี้ไม่โอเคนะ สามีก็ทำท่าทีอึดอัดบอกเราว่าก็น้องเค้าเป็นแบบนี้เค้าก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน เราถามสามีว่าถ้าพ่อแม่ไม่อยู่แล้วจะทำอย่างไรกับน้องสาวและหลานนี้ สามีบอกก็ต้องดูแลเค้าเพราะเค้าทำไรไม่เป็น เค้าบอกเราว่าเค้าทำไรไม่ได้ นี่น้องเค้าหลานเค้าต้องดูแลพี่น้องคนอื่นก็แยกตัวไปอยู่ต่างประเทศหมดแล้วมีเค้าคนเดียวที่อยู่ตรงนี้ เราจุกกับคำนี้มาก
เรายินดีมากกว่าที่จะให้เราดูแลพ่อแม่เค้า แต่ไม่ใช่เราต้องมาดูแลน้องสาวกับหลานสาวเค้าที่เป็นคนปกติไม่ได้พิการหรือเป็นอะไรแต่ไม่พยายามทำอะไรเองเลย ช่วยเป็นครั้งคราวเราพอโอเค แต่นี่นางทำตัวเป็นภาระคนอื่นแถมมีลูกแล้ว
เราพยายามบอกสามีว่าทำไมไม่สอนไม่บอกให้น้องสาวยืนบนขาตัวเองช่วยเหลือตัวเองบ้างละ เค้าได้แต่บอกว่าก็มันไม่ทำบอกกี่รอบก็มึนจนเบื่อที่จะบอกแล้วเค้าบอกแม่เค้าก็บ่นนางเหมือนกัน เค้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร สามีเราเป็นคนที่โคตรใจดี ไม่ค่อยเป็นผู้นำซักเท่าไหร่ชอบตามใจคนอื่น อะไรก็ได้หมด
พูดแล้วเค้าก็เครียดพอเราพูดมากเข้ากลายเป็นว่าเราก็ทะเลาะกันเอง เค้าบอกเราจะให้เค้าทำอย่างไรก็บอกเค้ามา เค้าเป็นคนกลางเค้าไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ใจนึงเราก็เข้าใจความรู้สึกแฟนเรา แต่เราคงรับไม่ได้ถ้าวันนั้นมาถึงวันที่พ่อแม่สามีเป็นไรไปแล้ว น้องสาวกับหลานสาวสามีต้องมาอยู่แล้วให้เราดูแล เราไม่รู้จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร มีแว๊บเข้ามาในหัวว่าถ้าวันนั้นมาถึงเราคงจะหอบลูกกลับไปอยู่ประเทศไทยดีกว่า กลับไปดูแลพ่อแม่ของเราดีกว่า ปล่อยให้เค้าดูแลครอบครัวน้องสาวเค้าไปแล้วกัน เรากังวลมากแม้ว่าอนาคตยังมาไม่ถึงแต่เราเหมือนจะเห็นภาพลางๆแล้วว่ามันต้องเป็นปัญหากับเราแน่เลย จะเตรียมรับมืออย่างไรดี