สำหรับ FITNESS Tracker นั้นจริงๆเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างจะมีกลุ่มลูกค้าชัดเจน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้เน้นต้องการแบบ Smartwatch อะไรมาก คือใส่ออกกำลังโดยเฉพาะเลยและมีนาฬิกาตัวโปรดอยู่แล้ว ในกลุ่มลูกค้าในแนวนี้ก็บอกได้ว่ามันมีค่อนข้างเยอะและจึงทำให้หลายๆตัวยังคงนำเสนอ Smartband / Fitness Tracker ออกมาเรื่อยๆครับใช้งานอึดๆ จับได้แม่นๆ เบาสบายไม่เทอะทะนั้นเอง กลุ่มลูกค้าพวกนี้จึงไม่ได้มองไปที่ Smartwatch และแน่นอนว่าหลายๆตัวราคาไม่ได้แรงเลยและจับต้องง่ายครับ และเช่นกัน FITBIT Charge เป็นตระกูลที่ขายดีที่สุดของทาง FITBIT และในวันนี้สานต่อมารุ่นที่ 3 แล้ว มีการพัฒนามากมายและดีไซน์เป็นจุดเปลี่ยนหลักๆเลย
FITBIT CHARGE 3 เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นคือดีไซน์พึ่งเปิดตัวในไทยได้ไม่นานครับ อย่างที่บอกคือการออกแบบในครั้งนี้ ขอยืมรูปจากเว็บมานะครับมันมีสายหลายแบบมากขึ้นและ มีทั้งสายหรูแบบหนัง สายผ้าสวยๆ หรือสายแบบออกกำลังก็มีมาให้เยอะกว่ารุ่นก่อนๆมากครับเป็นจุดที่ทำมาตอบโจทย์ได้ดี สายเปลี่ยนง่ายและ ตัวเรือนได้มีการอัพเกรดระบบสัมผัสหน้าจอมาดีขึ้น ปุ่มด้านข้างเป็นรองรับแรงกดไม่มีปุ่มจริงๆแล้ว สามารถว่ายน้ำได้ ลงน้ำได้ลึก 50 เมตร ครับ และ หน้าจอบอกข้อมูลแสดงผลใหญ่ขึ้น สวยขึ้นและเคลื่อนไหวเนียนตาขึ้นครับถือว่าพัฒนามาเยอะเลย
FITBIT CHARGE 3 เปิดราคาในประเทศไทยมาด้วย 4 รุ่นหลักๆครับ
- สีน้ำเงิน/เทา (รุ่นปกติ) : ขอบตัวเรือนสีทองโรสโกลด์ สายซิลิโคนคลาสสิคสีน้ำเงิน/เทา
- สีดำ (รุ่นปกติ) : ขอบตัวเรือนสีเทา สายซิลิโคนคลาสสิคสีดำล้วน ตัวที่รีวิว
- สีขาว (รุ่นพิเศษ) : ขอบตัวเรือนสีเทา สายซิลิโคนรูสีขาว และ สายซิลิโคนคลาสสิคสีดำ
- สีลาเวนเดอร์ (รุ่นพิเศษ) : ขอบตัวเรือนสีทองโรสโกลด์ สายผ้าสีลาเวนเดอร์ และ สายซิลิโคนคลาสสิคสีดำ
UNBOX
- ตัวเรือน Fitbit Charge 3
- สายสำหรับเปลี่ยนคนข้อมือใหญ่ ขนาด L
- ที่ชาร์จ หัว USB
- คู่มือ
DESIGN
การออกแบบตัวนี้ได้มีการพัฒนาให้มีความหรูมากขึ้นสวยมากขึ้นและยังสามารถเปลี่ยนสายได้มากขึ้นครับ หน้าจอขนาดใหญ่กว่าเดิมแสดงผลแบบขาวดำ OLED และ ครอบทับด้วย Gorilla Glass 3 มาในการออกแบบเหลี่ยมๆตามแนวทางของ Fitbit มองไกลๆก็มองออกว่าแบรนด์นี้ครับแนวทางการออกแบบชัดเจนดี กระจกเรียบๆครับผม น้ำหนัก วัสดุโดยรวมทำได้ดีและแน่นหนารวมถึงการตัดปุ่มออกไปทำให้บอดี้แข็งแรงกว่าเดิมแน่ๆและกันน้ำได้ดีขึ้นครับ รวมถึงบอดี้เรียบสวยงามขึ้นเลยครับ
ด้านหน้าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลักๆคือส่วนของการออกแบบหน้าจอนั้นมีขนาดเต็มตามากขึ้น ดูเรียบและสวยกว่าเดิมครับหน้าจอสีดำทั้งชิ้นและขอบเหลี่ยมรอบตัวจอสวยงาม โลโก้แบรนด์อยู่ในด้านล่าง จอแสดงผล ใหญ่กว่าเดิม สว่างกว่าเดิม และ มีอนิเมชั่นเคลื่อนไหวได้ดีเนียนตากว่าเดิมครับ จอใช้กระจก Gorilla Glass 3 ครอบทับครับ จอสีดำจะไม่ได้โค้งลงขอบทั้ง 2 ข้างแบบเดิมแล้วนะครับ เป็นกรอบล้อมรอบแทนทั้ง 4 ด้านเลยทำให้ดูหรูเป็นสัดส่วนมากกว่าเดิมด้วยครับ ว่าส่วนของสายกับตัวหน้าจอนั้นแยกกันชัดเจน และถ้าบอดี้สีทองก็จะสวยงามเลยแหละ
มาที่ด้านข้างกันบ้าง นี่ก็เป็นอีกจุดเปลี่ยนหลักๆเลยคือมันไม่ใช่ปุ่มแบบกดลงไปแล้วนะครับ ไม่เหมือนในรุ่นที่แล้วอย่างแน่นอน มันคือปุ่มรองรับแรงกด หรือ ง่ายๆคือคล้ายๆปุ่ม Home บน iPhone 8 นั้นแหละครับที่กดลงไปแล้วจะสั่นตอบมา ไม่สามารถกดลงไปจริงๆ ตัวนี้ไม่มีปุ่มเป็นแค่รอยเว้าบอกว่ากดตรงนี้เฉยๆเมื่อกดแล้วจะสั่นเบาๆตอบกลับมาครับ แน่นอนว่ามันจะสั่นทั้งตัวเรือนเลย อาจจะรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหาการใช้งานแต่อย่างใดกดได้ทั้งในน้ำ และ บนบกทั่วไปครับตอนสนองได้ดี และ สามารถใช้งานได้ค่อนข้างดีเลยแหละ ทำให้บอดี้แข็งแรง เป็นชิ้นเดียวกันมากขึ้นกว่าเดิมและแน่นอนว่าความทนทานมากขึ้นครับในการใช้แบบนี้ ส่วนความหนาบอดี้นั้นไม่ได้หนามาก
มาที่ด้านขวากันบ้างครับในด้านนี้จะไม่มีอะไรเลยเรียบๆจะเห็นวัสดุของตัวเรือนที่เป็นสีเทาด้านสวยงามครับและเส้นสายการเล่นลวดลายของตัวสาย กับ ตัวเรือนเข้ากันได้อย่างลงตัว คือดูมีดีไซน์สัดส่วนสวยกว่ารุ่นเดิมจริงๆนะ และตัวเซนเซอร์วัดชีพจรจะนูนออกมาเล็กน้อยเพื่อจะได้ผลการวัดที่แม่นยำ และ แนบกับผิวหนังของเราได้ดีสุดครับ งานวัสดุออกแบบนั้นต้องบอกว่าเนี้ยบสมราคาเลย
ตัวสายรุ่นนี้ยังคงมีสายลายคลาสสิคมาเช่นเคยกับลาย 4 เหลี่ยมสวยงามแต่มาในลักษณะที่มีความเรียบง่ายมากขึ้น แต่ครั้งนี้ดีอย่างที่สายสามารถเปลี่ยนได้ง่าย มีสายผ้า สายหนัง สายแบบเจาะรูให้เลือกค่อนข้างเยอะครับ ตัวตะขอล็อคอะไรก็แข็งแรงมีขนาดเล็กลงแต่กว้างขึ้น โค้งมนขึ้นครับ วัสดุที่สายทำมาใส่สบาย แน่นและไม่เกิดอาการแพ้
ในส่วนของด้านหลังตัวนี้เป็นที่อยู่ในด้านเซนเซอร์ทั้งหมด วัดชีพจรต่างๆครับ มีขนาดใหญ่พอสมควร และครอบทับด้วยกระจกอีกชั้นนึง รวมถึงเป็นที่สำหรับชาร์จไฟเข้าตัว Fitbit Charge 3 อีกด้วยครับ และ ตัวเซนเซอร์มีเปลี่ยนแปลงรูปทรงแตกต่างกับ รุ่น 2 เล็กน้อยครับ บอดี้ด้านหลังเป็นสีเดียวกับขอบด้านข้าง และเป็นขึ้นรูปทั้งชิ้นแข็งแรงและสวยเลยครับ และตรงข้อต่อสายทั้ง 2 ข้างอันนั้นจะเป็นสลักสำหรับการเปลี่ยนสายที่ง่ายและสะดวกกว่าเดิมครับเป็นอีกจุดที่มีการพัฒนามามากขึ้นจากรุ่นเดิมด้วย
โดยรวมด้านดีไซน์แอดมินยกให้เป็นการพัฒนาที่ชัดเจนดีขึ้นและสวยงามขึ้นแน่นอนว่ามันดูเป็น Smartband มากขึ้นมากกว่าแค่สายรัดข้อมือเรียบๆแบบตัวก่อนครับ ตัวเรือนมีนูนขึ้นมาจากตัวสาย การออกแบบให้ดูดีขึ้นในส่วนของหน้าจอ สาย ขอบหน้าจอ รวมถึงบอดี้ที่เป็นชิ้นเดียวกัน และสายที่เปลี่ยนได้ง่ายและหลายแบบครับ จุดนี้ทำมาได้ดีจริงๆ
SPEC
- กันน้ำได้ลึกสูงสุด 50 เมตร
- รองรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน (ภาษาอังกฤษ)
- รองรับการใช้งาน GPS (เมื่อเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเท่านั้น)
- ใช้งานได้สูงสุดถึง 7 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
- เซนเซอร์วัดชีพจร ตลอด 24 ชั่วโมง
- จัดการชำระเงินได้ด้วย Fitbit Pay
- หน้าจอระบบสัมผัส ปรับแสดงหน้าจออัตโนมัติ
- หน้าจอกระจก Gorilla® Glass 3 ป้องกันรอย
- ติดตามคุณภาพการนอนหลับอัตโนมัติ
SOFTWARE
ทางด้าน Software ยังใช้แอพ FITBIT เช่นเคย สามารถกดเพิ่มอุปกรณ์เข้าไปได้เลยครับ ตัวแอพนั้นยังคงใช้พื้นฐานเดิมๆถ้าใช้กันอยู๋แล้วคงไม่ต้องปรับอะไรมากครับผม ตัวแอพนั้นก็จะเป็นตัวที่คอยสรุปข้อมูลแต่ละวันพวกนี้ให้เรารับชมกัน แต่ถ้าดูข้อมูลนั้นแบบแค่ตัวเลขก็จะสามารถดูบน นาฬิกา เราได้ครับ หรือจะกดให้มัน แทรก การวื่ง วายน้ำ พวกนี้มันก็จะสามารถกดได้ผ่านตัวนาฬิกาได้เลยครับไม่ต้องใช้มือถือ แต่พวก GPS นั้นยังคงต้องเชื่อมกับมือถือไว้ตลอดนะครับผม และ มันจะมีการจับอัตโนมัติว่าเรา หยุดวิ่ง หรือ เริ่มวิ่งเวลาติดข้ามถนนพวกนี้เราไม่ต้องมากดเอง รวมถึงการใช้งานมันจะเริ่มโดยอัตโนมัติถ้าเราไป วิ่ง หรือว่ายน้ำครับผม มันจะจับโดยการสังเกตุว่าเราวิ่งนานเกิน 15 นาที หรือว่ายน้ำนานๆมันก็จะเริ่มจับให้เราเลย แต่เราก็ตั้งค่าได้ครับว่าจะให้เริ่มสังเกตเราว่าวิ่งนานเกินกี่นาทีนั้นเอง
FEATURE
- หน้าจอระบบสัมผัส ปรับแสดงหน้าจออัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม
- ตัวเรือนทำจากอลูมิเนียมมีน้ำหนักเบา หน้าจอกระจก Gorilla® Glass 3 ป้องกันรอย
- เซนเซอร์วัดชีพจรที่ข้อมือ ติดตามตลอด 24 ชั่วโมง แสดงผลชีพจรบนหน้าจอหลัก
- เลือกปรับเปลี่ยนรูปแบบหน้าปัดนาฬิกาได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์
- แสดงปริมาณแคลอรี่เผาผาญตลอดทั้งวัน และ เป้าหมายของการออกกำลังกาย
- ติดตามคุณภาพการนอนหลับอัตโนมัติ พร้อมข้อมูลเชิงลึก และ ระยะเวลาการนอน
- โหมดฟิตเนสกว่า 15 ชนิด เช่น วิ่ง,จักรยาน,ว่ายน้ำ พร้อมรับคำแนะนำแบบ Real-Time
- กันน้ำได้ลึกสูงสุด 50 เมตร ติดตามการว่ายน้ำสระอัตโนมัติ
- โหมดผ่อนคลายความเครียด รับคำแนะนำการกำหนดลมหายใจจากระดับชีพจร
- ระบบแจ้งเตือนให้แอคทีฟ เมื่อนั่งอยู่กับที่นานเกินไป ลุกขึ้นขยับตัวเพื่อเคลื่อนไหว
- รองรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน Smartphone Notifications (ภาษาอังกฤษ)
- รองรับการใช้งาน GPS ติดตาม ระยะทาง และ Pace (เมื่อเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเท่านั้น)
- เปลี่ยนสายได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ ปรับเปลี่ยนสายได้ตามความต้องการ
- ใช้งานได้สูงสุดถึง 7 วัน ต่อการแบตเตอรี่ชาร์จ 1 ครั้ง
- รับคำแนะนำการใช้งานด้วยทีมงานทีเอสเอ็มแอคทีฟ
- ภายในกล่องมีสายให้เลือกเปลี่ยน 2 ขนาด (S & L)
ฟีเจอร์ในการใช้งานตัวนี้มีค่อนข้างหลากหลายยมากกก และแน่นอนว่าใช้งานได้ดีครับเด่นๆคือในเรื่องของการวัดชีพจรการแทรคกิจกรรมต่างๆทำได้ดีเลยนะแม่นและทำงานสม่ำเสมอดีครับไว้ใจได้เลยแหละ แต่ในด้าน GPS อาจจะยังต้องพึ่งการใช้งานร่วมกับมือถือครับ จากที่แอดมินได้ลองแม้จะไม่ได้ไปออกกำลังกายเต็มที่อะไรมากเอาแค่ใช้งานทั่วไปกันก่อนครับ พวกการแจ้งเตือนอะไรพวกนี้สั่นแรงแจ้งเตือนได้ดี แต่ !! ภาษาไทยพี่ยังไม่รองรับซะที นานแล้วนะสำหรับค่ายนี้ ออกมารองรับเร็วๆหน่อยนะ ตั้งแต่ Fibit Versa – Ionic ก็บ่นเรื่องนี้ไปหลายรอบเลยทางเราก็หวังว่าจะอัพเดทมาให้ลูกค้าชาวไทยเร็วๆนะครับแล้วชีวิตจะดีขึ้นมาก นอกจากเรื่องนี้ก็ยังไม่ค่อยมีเรื่องให้ขัดใจครับ ทั้งการแจ้งเตือน ตอบกลับต่างๆก็เป็นสิ่งที่ใช้งานได้จริงถ้ามันรองรับภาษาไทย สามารถลากลงมาและกดเคลียร์ได้ หรือจะเป็นการใช้งานหน้าจอสัมผัสนั้นค่อนข้างไวและลื่นดีครับ และ การแจ้งเตือนมันเปลี่ยนเพลงได้เวลาเราเปิดเพลงบน Spotify ครับผมสามารถเปลี่ยน แทร็คได้ผ่านทางหน้า Noti กดหยุดเล่นอะไรได้ ถือว่าสะดวกแม้จะไม่มีแอพมาให้ครับ แต่ก็อยากให้มีแอพออกมาเต็มๆนะ สามารถเปิดเพลงเลือกเพลงอะไรได้ผ่านนาฬิกาน่าจะดีมากเลย
[SR] รีวิว Fitbit Charge 3 การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ใส่ว่ายน้ำได้ จอสัมผัส และ สวยขึ้น !
สำหรับ FITNESS Tracker นั้นจริงๆเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างจะมีกลุ่มลูกค้าชัดเจน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้เน้นต้องการแบบ Smartwatch อะไรมาก คือใส่ออกกำลังโดยเฉพาะเลยและมีนาฬิกาตัวโปรดอยู่แล้ว ในกลุ่มลูกค้าในแนวนี้ก็บอกได้ว่ามันมีค่อนข้างเยอะและจึงทำให้หลายๆตัวยังคงนำเสนอ Smartband / Fitness Tracker ออกมาเรื่อยๆครับใช้งานอึดๆ จับได้แม่นๆ เบาสบายไม่เทอะทะนั้นเอง กลุ่มลูกค้าพวกนี้จึงไม่ได้มองไปที่ Smartwatch และแน่นอนว่าหลายๆตัวราคาไม่ได้แรงเลยและจับต้องง่ายครับ และเช่นกัน FITBIT Charge เป็นตระกูลที่ขายดีที่สุดของทาง FITBIT และในวันนี้สานต่อมารุ่นที่ 3 แล้ว มีการพัฒนามากมายและดีไซน์เป็นจุดเปลี่ยนหลักๆเลย
FITBIT CHARGE 3 เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นคือดีไซน์พึ่งเปิดตัวในไทยได้ไม่นานครับ อย่างที่บอกคือการออกแบบในครั้งนี้ ขอยืมรูปจากเว็บมานะครับมันมีสายหลายแบบมากขึ้นและ มีทั้งสายหรูแบบหนัง สายผ้าสวยๆ หรือสายแบบออกกำลังก็มีมาให้เยอะกว่ารุ่นก่อนๆมากครับเป็นจุดที่ทำมาตอบโจทย์ได้ดี สายเปลี่ยนง่ายและ ตัวเรือนได้มีการอัพเกรดระบบสัมผัสหน้าจอมาดีขึ้น ปุ่มด้านข้างเป็นรองรับแรงกดไม่มีปุ่มจริงๆแล้ว สามารถว่ายน้ำได้ ลงน้ำได้ลึก 50 เมตร ครับ และ หน้าจอบอกข้อมูลแสดงผลใหญ่ขึ้น สวยขึ้นและเคลื่อนไหวเนียนตาขึ้นครับถือว่าพัฒนามาเยอะเลย
FITBIT CHARGE 3 เปิดราคาในประเทศไทยมาด้วย 4 รุ่นหลักๆครับ
- สีน้ำเงิน/เทา (รุ่นปกติ) : ขอบตัวเรือนสีทองโรสโกลด์ สายซิลิโคนคลาสสิคสีน้ำเงิน/เทา
- สีดำ (รุ่นปกติ) : ขอบตัวเรือนสีเทา สายซิลิโคนคลาสสิคสีดำล้วน ตัวที่รีวิว
- สีขาว (รุ่นพิเศษ) : ขอบตัวเรือนสีเทา สายซิลิโคนรูสีขาว และ สายซิลิโคนคลาสสิคสีดำ
- สีลาเวนเดอร์ (รุ่นพิเศษ) : ขอบตัวเรือนสีทองโรสโกลด์ สายผ้าสีลาเวนเดอร์ และ สายซิลิโคนคลาสสิคสีดำ
UNBOX
- ตัวเรือน Fitbit Charge 3
- สายสำหรับเปลี่ยนคนข้อมือใหญ่ ขนาด L
- ที่ชาร์จ หัว USB
- คู่มือ
DESIGN
การออกแบบตัวนี้ได้มีการพัฒนาให้มีความหรูมากขึ้นสวยมากขึ้นและยังสามารถเปลี่ยนสายได้มากขึ้นครับ หน้าจอขนาดใหญ่กว่าเดิมแสดงผลแบบขาวดำ OLED และ ครอบทับด้วย Gorilla Glass 3 มาในการออกแบบเหลี่ยมๆตามแนวทางของ Fitbit มองไกลๆก็มองออกว่าแบรนด์นี้ครับแนวทางการออกแบบชัดเจนดี กระจกเรียบๆครับผม น้ำหนัก วัสดุโดยรวมทำได้ดีและแน่นหนารวมถึงการตัดปุ่มออกไปทำให้บอดี้แข็งแรงกว่าเดิมแน่ๆและกันน้ำได้ดีขึ้นครับ รวมถึงบอดี้เรียบสวยงามขึ้นเลยครับ
ด้านหน้าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลักๆคือส่วนของการออกแบบหน้าจอนั้นมีขนาดเต็มตามากขึ้น ดูเรียบและสวยกว่าเดิมครับหน้าจอสีดำทั้งชิ้นและขอบเหลี่ยมรอบตัวจอสวยงาม โลโก้แบรนด์อยู่ในด้านล่าง จอแสดงผล ใหญ่กว่าเดิม สว่างกว่าเดิม และ มีอนิเมชั่นเคลื่อนไหวได้ดีเนียนตากว่าเดิมครับ จอใช้กระจก Gorilla Glass 3 ครอบทับครับ จอสีดำจะไม่ได้โค้งลงขอบทั้ง 2 ข้างแบบเดิมแล้วนะครับ เป็นกรอบล้อมรอบแทนทั้ง 4 ด้านเลยทำให้ดูหรูเป็นสัดส่วนมากกว่าเดิมด้วยครับ ว่าส่วนของสายกับตัวหน้าจอนั้นแยกกันชัดเจน และถ้าบอดี้สีทองก็จะสวยงามเลยแหละ
มาที่ด้านข้างกันบ้าง นี่ก็เป็นอีกจุดเปลี่ยนหลักๆเลยคือมันไม่ใช่ปุ่มแบบกดลงไปแล้วนะครับ ไม่เหมือนในรุ่นที่แล้วอย่างแน่นอน มันคือปุ่มรองรับแรงกด หรือ ง่ายๆคือคล้ายๆปุ่ม Home บน iPhone 8 นั้นแหละครับที่กดลงไปแล้วจะสั่นตอบมา ไม่สามารถกดลงไปจริงๆ ตัวนี้ไม่มีปุ่มเป็นแค่รอยเว้าบอกว่ากดตรงนี้เฉยๆเมื่อกดแล้วจะสั่นเบาๆตอบกลับมาครับ แน่นอนว่ามันจะสั่นทั้งตัวเรือนเลย อาจจะรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหาการใช้งานแต่อย่างใดกดได้ทั้งในน้ำ และ บนบกทั่วไปครับตอนสนองได้ดี และ สามารถใช้งานได้ค่อนข้างดีเลยแหละ ทำให้บอดี้แข็งแรง เป็นชิ้นเดียวกันมากขึ้นกว่าเดิมและแน่นอนว่าความทนทานมากขึ้นครับในการใช้แบบนี้ ส่วนความหนาบอดี้นั้นไม่ได้หนามาก
มาที่ด้านขวากันบ้างครับในด้านนี้จะไม่มีอะไรเลยเรียบๆจะเห็นวัสดุของตัวเรือนที่เป็นสีเทาด้านสวยงามครับและเส้นสายการเล่นลวดลายของตัวสาย กับ ตัวเรือนเข้ากันได้อย่างลงตัว คือดูมีดีไซน์สัดส่วนสวยกว่ารุ่นเดิมจริงๆนะ และตัวเซนเซอร์วัดชีพจรจะนูนออกมาเล็กน้อยเพื่อจะได้ผลการวัดที่แม่นยำ และ แนบกับผิวหนังของเราได้ดีสุดครับ งานวัสดุออกแบบนั้นต้องบอกว่าเนี้ยบสมราคาเลย
ตัวสายรุ่นนี้ยังคงมีสายลายคลาสสิคมาเช่นเคยกับลาย 4 เหลี่ยมสวยงามแต่มาในลักษณะที่มีความเรียบง่ายมากขึ้น แต่ครั้งนี้ดีอย่างที่สายสามารถเปลี่ยนได้ง่าย มีสายผ้า สายหนัง สายแบบเจาะรูให้เลือกค่อนข้างเยอะครับ ตัวตะขอล็อคอะไรก็แข็งแรงมีขนาดเล็กลงแต่กว้างขึ้น โค้งมนขึ้นครับ วัสดุที่สายทำมาใส่สบาย แน่นและไม่เกิดอาการแพ้
ในส่วนของด้านหลังตัวนี้เป็นที่อยู่ในด้านเซนเซอร์ทั้งหมด วัดชีพจรต่างๆครับ มีขนาดใหญ่พอสมควร และครอบทับด้วยกระจกอีกชั้นนึง รวมถึงเป็นที่สำหรับชาร์จไฟเข้าตัว Fitbit Charge 3 อีกด้วยครับ และ ตัวเซนเซอร์มีเปลี่ยนแปลงรูปทรงแตกต่างกับ รุ่น 2 เล็กน้อยครับ บอดี้ด้านหลังเป็นสีเดียวกับขอบด้านข้าง และเป็นขึ้นรูปทั้งชิ้นแข็งแรงและสวยเลยครับ และตรงข้อต่อสายทั้ง 2 ข้างอันนั้นจะเป็นสลักสำหรับการเปลี่ยนสายที่ง่ายและสะดวกกว่าเดิมครับเป็นอีกจุดที่มีการพัฒนามามากขึ้นจากรุ่นเดิมด้วย
โดยรวมด้านดีไซน์แอดมินยกให้เป็นการพัฒนาที่ชัดเจนดีขึ้นและสวยงามขึ้นแน่นอนว่ามันดูเป็น Smartband มากขึ้นมากกว่าแค่สายรัดข้อมือเรียบๆแบบตัวก่อนครับ ตัวเรือนมีนูนขึ้นมาจากตัวสาย การออกแบบให้ดูดีขึ้นในส่วนของหน้าจอ สาย ขอบหน้าจอ รวมถึงบอดี้ที่เป็นชิ้นเดียวกัน และสายที่เปลี่ยนได้ง่ายและหลายแบบครับ จุดนี้ทำมาได้ดีจริงๆ
SPEC
- กันน้ำได้ลึกสูงสุด 50 เมตร
- รองรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน (ภาษาอังกฤษ)
- รองรับการใช้งาน GPS (เมื่อเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเท่านั้น)
- ใช้งานได้สูงสุดถึง 7 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
- เซนเซอร์วัดชีพจร ตลอด 24 ชั่วโมง
- จัดการชำระเงินได้ด้วย Fitbit Pay
- หน้าจอระบบสัมผัส ปรับแสดงหน้าจออัตโนมัติ
- หน้าจอกระจก Gorilla® Glass 3 ป้องกันรอย
- ติดตามคุณภาพการนอนหลับอัตโนมัติ
SOFTWARE
ทางด้าน Software ยังใช้แอพ FITBIT เช่นเคย สามารถกดเพิ่มอุปกรณ์เข้าไปได้เลยครับ ตัวแอพนั้นยังคงใช้พื้นฐานเดิมๆถ้าใช้กันอยู๋แล้วคงไม่ต้องปรับอะไรมากครับผม ตัวแอพนั้นก็จะเป็นตัวที่คอยสรุปข้อมูลแต่ละวันพวกนี้ให้เรารับชมกัน แต่ถ้าดูข้อมูลนั้นแบบแค่ตัวเลขก็จะสามารถดูบน นาฬิกา เราได้ครับ หรือจะกดให้มัน แทรก การวื่ง วายน้ำ พวกนี้มันก็จะสามารถกดได้ผ่านตัวนาฬิกาได้เลยครับไม่ต้องใช้มือถือ แต่พวก GPS นั้นยังคงต้องเชื่อมกับมือถือไว้ตลอดนะครับผม และ มันจะมีการจับอัตโนมัติว่าเรา หยุดวิ่ง หรือ เริ่มวิ่งเวลาติดข้ามถนนพวกนี้เราไม่ต้องมากดเอง รวมถึงการใช้งานมันจะเริ่มโดยอัตโนมัติถ้าเราไป วิ่ง หรือว่ายน้ำครับผม มันจะจับโดยการสังเกตุว่าเราวิ่งนานเกิน 15 นาที หรือว่ายน้ำนานๆมันก็จะเริ่มจับให้เราเลย แต่เราก็ตั้งค่าได้ครับว่าจะให้เริ่มสังเกตเราว่าวิ่งนานเกินกี่นาทีนั้นเอง
FEATURE
- หน้าจอระบบสัมผัส ปรับแสดงหน้าจออัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม
- ตัวเรือนทำจากอลูมิเนียมมีน้ำหนักเบา หน้าจอกระจก Gorilla® Glass 3 ป้องกันรอย
- เซนเซอร์วัดชีพจรที่ข้อมือ ติดตามตลอด 24 ชั่วโมง แสดงผลชีพจรบนหน้าจอหลัก
- เลือกปรับเปลี่ยนรูปแบบหน้าปัดนาฬิกาได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์
- แสดงปริมาณแคลอรี่เผาผาญตลอดทั้งวัน และ เป้าหมายของการออกกำลังกาย
- ติดตามคุณภาพการนอนหลับอัตโนมัติ พร้อมข้อมูลเชิงลึก และ ระยะเวลาการนอน
- โหมดฟิตเนสกว่า 15 ชนิด เช่น วิ่ง,จักรยาน,ว่ายน้ำ พร้อมรับคำแนะนำแบบ Real-Time
- กันน้ำได้ลึกสูงสุด 50 เมตร ติดตามการว่ายน้ำสระอัตโนมัติ
- โหมดผ่อนคลายความเครียด รับคำแนะนำการกำหนดลมหายใจจากระดับชีพจร
- ระบบแจ้งเตือนให้แอคทีฟ เมื่อนั่งอยู่กับที่นานเกินไป ลุกขึ้นขยับตัวเพื่อเคลื่อนไหว
- รองรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน Smartphone Notifications (ภาษาอังกฤษ)
- รองรับการใช้งาน GPS ติดตาม ระยะทาง และ Pace (เมื่อเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเท่านั้น)
- เปลี่ยนสายได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ ปรับเปลี่ยนสายได้ตามความต้องการ
- ใช้งานได้สูงสุดถึง 7 วัน ต่อการแบตเตอรี่ชาร์จ 1 ครั้ง
- รับคำแนะนำการใช้งานด้วยทีมงานทีเอสเอ็มแอคทีฟ
- ภายในกล่องมีสายให้เลือกเปลี่ยน 2 ขนาด (S & L)
ฟีเจอร์ในการใช้งานตัวนี้มีค่อนข้างหลากหลายยมากกก และแน่นอนว่าใช้งานได้ดีครับเด่นๆคือในเรื่องของการวัดชีพจรการแทรคกิจกรรมต่างๆทำได้ดีเลยนะแม่นและทำงานสม่ำเสมอดีครับไว้ใจได้เลยแหละ แต่ในด้าน GPS อาจจะยังต้องพึ่งการใช้งานร่วมกับมือถือครับ จากที่แอดมินได้ลองแม้จะไม่ได้ไปออกกำลังกายเต็มที่อะไรมากเอาแค่ใช้งานทั่วไปกันก่อนครับ พวกการแจ้งเตือนอะไรพวกนี้สั่นแรงแจ้งเตือนได้ดี แต่ !! ภาษาไทยพี่ยังไม่รองรับซะที นานแล้วนะสำหรับค่ายนี้ ออกมารองรับเร็วๆหน่อยนะ ตั้งแต่ Fibit Versa – Ionic ก็บ่นเรื่องนี้ไปหลายรอบเลยทางเราก็หวังว่าจะอัพเดทมาให้ลูกค้าชาวไทยเร็วๆนะครับแล้วชีวิตจะดีขึ้นมาก นอกจากเรื่องนี้ก็ยังไม่ค่อยมีเรื่องให้ขัดใจครับ ทั้งการแจ้งเตือน ตอบกลับต่างๆก็เป็นสิ่งที่ใช้งานได้จริงถ้ามันรองรับภาษาไทย สามารถลากลงมาและกดเคลียร์ได้ หรือจะเป็นการใช้งานหน้าจอสัมผัสนั้นค่อนข้างไวและลื่นดีครับ และ การแจ้งเตือนมันเปลี่ยนเพลงได้เวลาเราเปิดเพลงบน Spotify ครับผมสามารถเปลี่ยน แทร็คได้ผ่านทางหน้า Noti กดหยุดเล่นอะไรได้ ถือว่าสะดวกแม้จะไม่มีแอพมาให้ครับ แต่ก็อยากให้มีแอพออกมาเต็มๆนะ สามารถเปิดเพลงเลือกเพลงอะไรได้ผ่านนาฬิกาน่าจะดีมากเลย
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้