ปกติเราอาบน้ำให้สุนัขเองค่ะ อาบสองวันครั้งหนึ่ง แชมพูออแกนิค แถมอาบช่วงเช้า เป่าขนแห้งสนิทและพาไปอาบแดดด้วย
จะมีบางครั้งพาลูกไปซาลอนกับเขาบ้าง ให้มืออาชีพเขาแปรงฟัง บีบต่อมก้น ตัดเล็บ ซึ่งเราทำไม่เป็น
ปกติหมาเราไม่มีกลิ่นเลย บ้านจึงไม่มีกลิ่นเพราะเราเช็ดถูบ้านให้สะอาดวันเว้นวัน เขาจะได้นอนสบายๆ เพราะเราไม่ขังกรง ปล่อยวิ่งทั่วบ้าน
ที่นอนเขาซักล้างเหมือนสมาชิกในบ้าน บ้านช่องเปิดระบายตลอด ไม่น่ามีปัญหา

ทีนี้จู่ๆเราสังเกตอาการ ลูกเราคันคะเยอนอนไม่ได้เลยรีบหอบพาไป รพส ใหญ่มากๆแห่งหนึ่ง
คนรับเรื่องแนะนำให้ไปคลินิกสมุนไพร ให้ยาฟอก ทาตัว และครีมมารักษา
คุณหมอไม่ได้ขูดผิวหนังไปตรวจอะไรทั้งสิ้น แต่จับๆดูคิดว่าน้องน่าจะติดเชื้อไรและยีสต์มา
(เราไม่กล้าก้าวก่ายคิดว่าสมุนไพรก็ดีต่อสุนัขเราเพราะเป็นทางเลือกที่ธรรมชาติ)

ตอนนี้ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ หมาเราก็ยังไม่หาย ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นหนัก (มีแค่อาการแดง 3 จุด กับตรงฝ่าเท้า แต่น้องเริ่มคันๆแล้ว)
หมอคิดว่าต้นเหตุมาจากซาลอนที่อาบน้ำหมา และตัวแบทเตอเลี่ยนตัดขนที่ไปติดจากตัวอื่น และร้านทำความสะอาดไม่ถึง
หมอแนะนำว่าทีหลังให้อาบน้ำหมาเอง ฝึกตัดเล็บ ตัดขนและบีบต่อมด้วยตัวเองจะดีกว่า

คำถามค่ะ
1. อยากทราบว่าปกติวิธีรักษารักษายีสต์และไร โดยใช้สมุนไพรฟอก ขัด ทาครีม นั้นใช้เวลากันนานไหมคะกรณีที่เริ่มเป็นแรกๆ?
2. และใครเคยรักษาด้วยวิธีนี้บ้าง?
3. ส่วนบ้านก็เริ่มเหม็นมากๆ ไม่รู้ว่าควรใช้อะไรดับกลิ่น แนะนำด้วยค่ะ
4. แล้ววิธีปกติที่รักษาโดยการฉีดและกินยามีผลต่อสุนัขเล็กไหมคะ? ตอนนี้เราเริ่มอยากเปลี่ยนวิธีรักษาให้หมอขูดผิวหนังและดูว่ามันมาจากอะไร แต่กังวลเรื่องผลกระทบของการรักษาแบบนี้ด้วย เพราะที่บ้านเคยฉีดยาแล้วเหมือนจะแพ้พวกวัคซีนเนื่องจากเป็นสุนัขพันธ์ุเล็ก
5. อาหารเราให้ Hill's Science Diet อาหารสุนัขพันธุ์เล็ก อายุ 1-6 ปี สูตรไขมันต่ำเพราะน้องอ้วน หมอเลยให้ควบคุม นน ค่ะ เรื่องอาหารจะมีผลในเรื่องผิวหนังของเขาไหมคะ?

ท่านใดมีความรู้ หรือเป็นสัตว์แพทย์ รบกวนด้วยนะคะ

*อิดิทคำถามที่ 5 เพิ่มค่ะ